วันนี้ (8 มิ.ย.) ที่หน้าสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย ถนนประชาอุทิศ ณัฐวุฒิ อุปปะ ตัวแทนคณะกรรมการประสานองค์กรพัฒนาเอกชน(กป.อพช.) เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือที่มีการลงชื่อของกลุ่มองค์กรเอกชนกว่า 150 องค์กร เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาช่วยเหลือติดตามการหายตัวไปของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองไทย ที่ถูกกลุ่มชายพร้อมอาวุธนำตัวขึ้นรถสีดำออกไปจากบริเวณหน้าที่พักภายในประเทศกัมพูชาเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 4 มิ.ย.ที่ผ่านมา
โดยณัฐวุฒิ ขอให้รัฐบาลกัมพูชาเปิดเผยรายละเอียดการสืบสวน เพื่อให้เป็นที่รับรู้ของประชาชนคนไทยและทั่วโลก และยังเรียกร้องให้รัฐบาลไทยให้ประสานงานทางการทูตเพื่อให้ความช่วยเหลือ เพราะว่าถึงเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นภายในประเทศกัมพูชา แต่รัฐบาลไทยก็ไม่ควรนิ่งเฉยและควรปกป้องพลเมืองไทยไม่ว่าบุคคลนั้นจะอยู่ในสถานะใด
หลังจากให้สัมภาษณ์แล้วทางกลุ่มจึงได้ขอประสานงานกับเจ้าหน้าที่สถานทูตเพื่อเข้ายื่นหนังสือ แต่ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่าไม่สามารถรับหนังสือได้ ทางกลุ่มจึงได้อ่านแถลงการณ์มีเนื้อหาสำคัญว่า ให้รัฐบาลกัมพูชาและรัฐบาลไทยเร่งดำเนินการให้ได้ข้อเท็จจริง กรณีการหายตัวไปของวันเฉลิม ต้องมีมาตรการที่เป็นรูปธรรมเพื่อยุติการข่มขู่ คุกคาม การบังคับให้สูญหาย ต้องยับยั้งการยุยง ปลุกปั่น บิดเบือนข่าวสาร ของคนบางกลุ่มที่จะนำไปสู่ความขัดแย้ง เกลียดชังผู้แสดงความเห็นต่าง ต้องเคารพและส่งเสริมให้เกิดการเคารพต่อสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกและแสดงความคิดเห็น โดยประชาชนต้องได้รับความคุ้มครองจากรัฐในการใช้สิทธิและเสรีภาพที่ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย
โดยตัวแทนกลุ่มได้นำหนังสือที่จ่าหน้าซองถึงนายกรัฐมนตรีกัมพูชาไปวางไว้ริมถนนหน้าสถานทูตกัมพูชา ก่อนที่จะเดินทางกลับ
ขณะเดียวกันลุ่มประชาชน นักศึกษา ที่นัดหมายกันผ่านทางเฟซบุ๊กราวสามสิบคนได้เดินทางมาชูป้ายมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงการลักพาตัววันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือต้าร์ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองไทย
โดยสมยศ พฤกษาเกษมสุข ตัวแทนกลุ่มได้กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับวันเฉลิมนั้น ทำให้ตนรู้สึกเสียใจที่มีการอุ้มฆ่า ตนผิดหวังกับรัฐบาลกัมพูชา ที่มีสมเด็จฮุน เซน เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่เหลียวแลและปฎิเสธว่าไม่มีการอุ้มฆ่า ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาตามจับคนร้ายที่ก่อเหตุและคนบงการ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือคนกัมพูชา และหากวันเฉลิม เสียชีวิตแล้วก็ขอให้ส่งศพกลับมาเมืองไทย เพื่อให้ครอบครัวได้ทำพิธีตามศาสนา พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาคมอาเซียนที่มีกฎบัตรสิทธิมนุษยชนช่วยกันตรวจสอบรัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาที่เพิกเฉยต่อเรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้สมยศได้ยืนยันว่าจะยื่นหนังสือกับสถานทูตกัมพูชา ทางเจ้าหน้าที่สถานทูตได้มีเงื่อนไขให้ทางผู้ทำกิจกรรมแกะป้ายที่ติดไว้กับกำแพงสถานทูตออก และเมื่อทางผู้ทำกิจกรรมแกะป้าย เจ้าหน้าที่จึงออกมารับหนังสือ โดยก่อนยุติกิจกรรม สมยศได้กล่าวว่าตนจะนัดหมายให้มาพบเพื่อฟังคำตอบจากกัมพูชาอีกครั้งในเวลา 10.00 น.วันที่ 15 มิ.ย.นี้