ตลาดการซื้อขายนักฟุตบอลในช่วงฤดูร้อนดูเหมือนจะดำเนินไปตามปกติ หลังจากเปิดตลาดการซื้อขายตั้งแต่เดือนมิถุนายน ก่อนที่ดีลประวัติศาสตร์จะเกิดขึ้น เมื่อเนย์มาร์ ดาวเตะทีมชาติบราซิล เจ้าของหมายเลข 11 แห่งบาร์เซโลนา ตัดสินใจย้ายไปร่วมทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง ด้วยค่าตัว 222 ล้านยูโร หรือประมาณ 8,880 ล้านบาท ซึ่งทำให้เขากลายเป็นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกคนปัจจุบัน
การย้ายทีมที่ไม่มีใครคาดคิด?
เนย์มาร์มีสัญญากับบาร์เซโลนาจนถึงปี 2021 โดยมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 222 ล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทางบาร์เซโลนาคงไม่คิดว่าจะมีใครบ้าจี้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลเป็นค่าฉีกสัญญา
แต่สำหรับนาสเซอร์ อัล-เคไลฟี มหาเศรษฐีแห่งราชวงศ์กาตาร์ ประธานสโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแมง และเป็นเจ้าของกลุ่มทุน Qatar Sports Investments ที่ลงทุนและทำการตลาดในอุตสาหกรรมกีฬา รวมทั้งเป็นเจ้าของแบรนด์ Burrda Sport ผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาเจ้าดังของโลก เงินจำนวนนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่
กระแสการย้ายทีมเกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สื่อกีฬาหลายสำนักต่างพร้อมใจกันเล่นข่าวว่าปารีส แซงต์-แชร์กแมง สนใจซื้อเนย์มาร์ไปร่วมทีม ขณะที่เจ้าตัวเดินทางไปกับทีมบาร์เซโลนาเพื่อลงอุ่นเครื่องช่วงก่อนเปิดฤดูกาลในรายการ 2017 International Champions Cup ที่สหรัฐอเมริกา
วันที่ 19 กรกฎาคม ที่สนามซ้อมของบาร์เซโลนาในสเปน เนย์มาร์และพ่อของเขาเดินทางไปที่สนามซ้อม เพื่อแจ้งกับสโมสรว่าเขาต้องการย้ายไปร่วมทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง
โฆเซป มาเรีย บาร์โตเมว (Josep Maria Bartomeu) ประธานสโมสรบาร์เซโลนา ย้ำอย่างชัดเจนว่าเนย์มาร์ไม่ได้มีไว้ขาย ไม่ว่าจะได้ค่าตัวแค่ไหนก็ตาม ซึ่งหนทางหนึ่งที่ดาวเตะชาวบราซิลจะย้ายสโมสรได้ ก็คือต้องฉีกสัญญาโดยใช้เงิน 222 ล้านยูโร ตามที่ระบุไว้ในสัญญากับบาร์เซโลนา
คล้อยหลังไม่กี่วัน ทนายความของเนย์มาร์เดินทางไปที่สำนักงานของลาลีกา (La Liga) ในกรุงมาดริด เพื่อยื่นเงิน 222 ล้านยูโร เป็นค่าฉีกสัญญาของเนย์มาร์ ทว่าลาลีกาปฏิเสธที่จะรับเงิน โดยให้เหตุผลว่าปารีส แซงต์-แชร์กแมง อาจทำผิดกฎ Financial Fair Play และขู่ว่าจะส่งเรื่องนี้ให้สหพันธ์ฟุตบอลยุโรปตรวจสอบ
ทางด้านลีกเอิง (France Ligue 1) ก็รู้สึกแปลกใจ และบอกว่าลาลีกาน่าจะปฏิบัติตามกฎการซื้อขาย และรับเงินค่าฉีกสัญญาจำนวนดังกล่าว ท่ามกลางข่าวลือว่าเนย์มาร์เตรียมเดินทางไปตรวจร่างกายที่กรุงโดฮาของกาตาร์
สุดท้าย ดีลที่ยืดเยื้อก็จบลงเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ทนายของเนย์มาร์นำเงินไปให้บาร์เซโลนาโดยตรง และบาร์เซโลนาก็ออกแถลงการรับข้อเสนอดังกล่าว ขณะที่เนย์มาร์ก็เดินทางไปยังกรุงปารีสเพื่อเซ็นสัญญาร่วมทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง เป็นเวลา 5 ปี พร้อมกับรับค่าเหนื่อย 45 ล้านยูโรต่อปี หรือราว 775,477 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ก่อนหักภาษี)
หรือ Financial Fair Play เป็นแค่เสือกระดาษ?
Financial Fair Play เป็นกฎควบคุมการเงินเพื่อไม่ให้รายจ่ายมากกว่ารายรับ ป้องกันไม่ให้สโมสรฟุตบอลล้มละลาย โดยกฎระบุชัดเจนว่ารายได้ของสโมสร ไม่ว่าจะมาจากค่าตั๋ว สปอนเซอร์ ค่าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด และการขายของที่ระลึก เมื่อหักลบกับรายจ่ายแล้ว สามารถนำกำไรมาซื้อนักเตะได้ ซึ่งในอีกทางหนึ่งก็เพื่อป้องกันไม่ให้สโมสรที่ร่ำรวยนำเงินไปกว้านซื้อนักเตะดังๆ เข้าร่วมทีม
แต่กฎนี้อาจใช้ไม่ได้กับการซื้อขายครั้งนี้ เมื่อเงินจำนวน 222 ล้านยูโร ซึ่งเป็นค่าฉีกสัญญา อาจไม่ได้มาจากส่วนที่เป็นกำไรของสโมสรปารีส แซงต์-แชร์กแมง เพราะมีข่าวว่านาสเซอร์ อัล-เคไลฟี และกลุ่มทุน Qatar Sports Investments เป็นผู้ให้เงินเนย์มาร์ไปจ่ายค่าฉีกสัญญา โดยอ้างว่าเป็นเงินค่าตัวของเนย์มาร์ในการเป็นพรีเซนเตอร์โปรโมตฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์จะเป็นเจ้าภาพ
เท่ากับว่าอาศัยช่องโหว่ของกฎหมายเพื่อหลีกเลี่ยง Financial Fair Play และทำให้เนย์มาร์มีเงินไปปลดล็อกสัญญาของตัวเองกับบาร์เซโลนา ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในที่สุด ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ทีมซึ่งอยู่ในอันดับที่ 11 ของสโมสรที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ตามการจัดอันดับของนิตยสาร Forbes ทำลายสถิติการซื้อนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลก ทิ้งห่างเจ้าของสถิติเดิมอย่างปอล ปอกบา (Paul Pogba) ตอนที่ย้ายจากยูเวนตุสไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ แบบไม่เห็นฝุ่น
คุ้มค่าจริงหรือ?
ด้วยจำนวนเงินขนาดนี้ คำถามที่ตามมาก็คือจะคุ้มค่าจริงๆ หรือ
เนย์มาร์ในวัย 25 ปี เป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก และได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะเบอร์หนึ่งของโลกต่อจากเลียวเนล เมสซี (Lionel Messi) และคริสเตียโน โรนัลโด (Cristiano Ronaldo)
สถิติในฤดูกาลที่แล้วนับว่าน่าสนใจ เนย์มาร์เป็นดาวเตะผู้สร้างสรรค์โอกาสอย่างแท้จริง เขาทำสถิติสร้างโอกาสมากที่สุดในลีกที่ 91 ครั้ง และตลอด 4 ปีที่ลงเล่นให้กับบาร์เซโลนา เขาสร้างโอกาสทำประตูทั้งหมด 287 ครั้ง เป็นรองเพียงแค่เมสซี อดีตเพื่อนร่วมทีมที่ทำได้ 326 ครั้ง
ขณะที่การจัดอันดับของนิตยสาร Forbes เนย์มาร์อยู่ในอันดับที่ 18 ของนักกีฬาที่มีรายได้สูงสุดในปีนี้ โดยเขามีรายได้ทั้งหมด 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากค่าเหนื่อยและสปอนเซอร์ต่างๆ ที่เจ้าตัวเป็นพรีเซนเตอร์ ซึ่งทางปารีส แซงต์-แชร์กแมง น่าจะเห็นมูลค่าของนักเตะอยู่แล้ว และน่าจะใช้ความเป็นซูเปอร์สตาร์ของเนย์มาร์ในการขยายฐานแฟนบอล รวมทั้งยอดขายเสื้อ ลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด และพาร์ตเนอร์ทางธุรกิจที่จะวิ่งเข้ามาในอนาคต
สำหรับเนย์มาร์ ถ้าจะให้คุ้มกับค่าตัว เขาก็คงต้องพาทีมคว้าแชมป์ลีกและแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกมากกว่า 1 สมัย รวมทั้งก้าวขึ้นไปคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่าอย่างน้อย 1 สมัย
เพื่อเงินหรือความท้าทาย?
เนย์มาร์ให้สัมภาษณ์กับ BBC Sport ว่าเขาย้ายไปร่วมทีมปารีส แซงต์-แชร์กแมง เพราะหัวใจเรียกร้อง เขาใช้เวลาตัดสินใจนานเป็นเดือน และที่ฝรั่งเศสก็มีความท้าทายรออยู่ ไม่ได้ย้ายทีมเพราะอยากเป็นซูเปอร์สตาร์ และไม่ได้เป็นเพราะไม่อยากอยู่ใต้ร่มเงาของเมสซี แถมยังบอกด้วยว่าเมสซีเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก เขารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ลงเล่นเคียงข้างกับเขา
“ผมอยากคว้าทุกแชมป์กับสโมสรนี้ ผมมาที่นี่เพื่อสร้างประวัติศาสตร์” เนย์มาร์บอกไว้อย่างนั้น
แล้วใครจะแทนที่เนย์มาร์
ชื่อของฟิลิปเป คูตินโญ (Philippe Coutinho) กองกลางชาวบราซิลของลิเวอร์พูล อุสมาน เดมเบเล (Ousmane Dembélé) แนวรุกชาวฝรั่งเศสจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และเปาโล ดีบาลา (Paulo Dybala) กองหน้าชาวอาเจนไตน์ของยูเวนตุส คือสามชื่อที่สื่อคาดกันว่าจะไปแทนที่เนย์มาร์ ในรายของเปาโล ดีบาลา น่าจะมีโอกาสน้อยที่สุด เพราะเจ้าตัวเพิ่งเปลี่ยนมาใส่หมายเลข 10 จากเดิมที่ใส่หมายเลข 21 และยูเวนตุสคงไม่อยากเสียผู้เล่นตัวหลักเพิ่มเติมอีกแล้ว
ขณะที่ฟิลิปเป คูติญโญ มีสัญญายาวกับลิเวอร์พูล และเจอร์เกน คลอปป์ (Jurgen Klopp) ผู้จัดการทีม ก็คงไม่อยากเสียกองกลางคนสำคัญไป แต่สื่อต่างประเทศเล่นข่าวว่าบาร์เซโลนาได้ทำการติดต่อขอซื้อตัวฟิลิปเป คูตินโญ ในราคาถึง 100 ล้านยูโร แต่ลิเวอร์พูลก็ออกมาปฏิเสธ และยืนกรานว่าไม่ว่าจะได้ราคาเท่าไรก็จะไม่ขายอย่างแน่นอน
ส่วนเดมเบเล เพิ่งมีข่าวว่าโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สั่งแบนเขา 1 สัปดาห์ ข้อหาขาดซ้อมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา และพร้อมปล่อยตัวหากได้ราคา 120 ล้านยูโรขึ้นไป ขณะที่เจ้าตัวก็ต้องการย้ายไปเล่นกับบาร์เซโลนา
ก็แน่ละ ใครจะไม่อยากไปเล่นกับเมสซี
คงต้องรอดูต่อไปว่าบาร์เซโลนาจะได้ใครมาแทนที่เนย์มาร์ และเนย์มาร์จะไปได้ไกลแค่ไหนกับปารีส แซงต์-แชร์กแมง
ภาพ: REUTERS/Christian Hartmann
Tags: Neymar, Paris Saint-Germain, Barcelona, Financial Fair Play, เนย์มาร์, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง