น่าจับตาว่า ในช่วงปลายเดือนมีนาคม สีจิ้นผิงจะไปพบกับโดนัลด์ ทรัมป์ที่สหรัฐฯ หรือไม่ การทูตในสไตล์จีนนั้น ถ้าผู้นำนัดเจอกัน นั่นแปลว่า พร้อมลงนามข้อตกลง โลกกำลังรอชมว่า ทั้งสองฝ่ายจะรามือจากสงครามการค้าในเร็ววันหรือเปล่า
การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ซึ่งมีขึ้นในกรุงวอชิงตันเมื่อสองสัปดาห์ก่อน นับว่ามีความคืบหน้า เวลานี้ ผู้แทนเจรจาฝ่ายจีนกำลังนำข้อเรียกร้องของรัฐบาลวอชิงตันกลับไปหารือกับรัฐบาลปักกิ่ง ถ้าจีนพร้อมเปิดเจรจาเพิ่มเติม ผู้แทนฝ่ายสหรัฐฯ ก็จะเดินทางไปจีน
ถึงแม้ยังมีประเด็นต้องเจรจากันอีก แต่โลกกำลังตั้งตารอดูว่า การเจรจาที่ผ่านมาและการเจรจาเพิ่มเติมจะทำให้เกิด “ข้อตกลงชั่วคราว” ที่ดีพอสำหรับผู้นำของทั้งสองฝ่ายที่จะลงนามกันหรือไม่
ถ้าสีจิ้นผิงกับโดนัลด์ ทรัมป์ พึงพอใจกับข้อตกลงแบบรอมชอม ทั้งสองอาจได้ลงนามกันในราวปลายเดือนมีนาคม ถือเป็นการทุเลาสงครามการค้า แม้ว่าการตั้งกำแพงภาษีสินค้านำเข้าอาจยังไม่ยกเลิกหมดเสียทีเดียว
‘ทรัมป์’ จะยอมถอยหรือไม่
รัฐบาลทรัมป์กล่าวโทษว่า อเมริกาเสียเปรียบดุลการค้าจีนอย่างมหาศาล เพราะปักกิ่งดำเนินนโยบายและการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
สหรัฐฯ เรียกร้องให้จีนแก้ไขใน 4 ประเด็น คือ การอุดหนุนภาคอุตสาหกรรมผ่านรัฐวิสาหกิจ การบังคับเอกชนอเมริกันที่ร่วมทุนกับบริษัทจีนให้ถ่ายทอดเทคโนโลยี การปิดกั้นการเข้าถึงตลาด และการขโมยสิทธิทรัพย์สินทางปัญญา ฝ่ายอเมริกันบอกว่า ทั้งหมดนี้เป็นปัญหาในเชิงโครงสร้างของการค้าต่างประเทศของจีน
วอชิงตันใช้การขึ้นภาษีสินค้านำเข้าเป็นเครื่องมือทางนโยบาย กดดันให้ปักกิ่งเปลี่ยนแปลงนโยบายและการปฏิบัติในประเด็นทั้งสี่ จีนตอบโต้ด้วยมาตรการแบบเดียวกัน อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังคงเจรจาหาข้อยุติต่อประเด็นพิพาทเหล่านี้
การเจรจามีความคืบหน้าตามลำดับ กระทั่งผู้นำของทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะระงับแผนการขึ้นภาษีตอบโต้กันไว้ก่อน เส้นตาย 1 มีนาคม ซึ่งสหรัฐฯ กำหนดจะขึ้นอัตราภาษีจาก 10 เปอร์เซ็นต์เป็น 25 เปอร์เซ็นต์สำหรับสินค้าจีนมูลค่า 200,000 ล้านดอลลาร์ฯ จึงผ่านไปท่ามกลางความโล่งอกของตลาดทั่วโลก
จนถึงตอนนี้ ทรัมป์ยังไม่ได้ประกาศว่า เส้นตายดังกล่าวจะยืดไปถึงเมื่อไร สมมติว่าการเจรจาหยุดชะงักเพราะถึงทางตัน สหรัฐฯ จะเดินหน้าทำสงครามการค้าหรือไม่ ท่าทีชะลอคำขู่นี้เองทำให้ทรัมป์ถูกจับตาว่า เขาอาจจะยอมอ่อนข้อให้จีน
สมาชิกสภาคองเกรสและแวดวงธุรกิจอเมริกันหวั่นใจว่า ทรัมป์อาจยอมรับข้อตกลงที่ไม่ได้แก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง เพราะอยากได้ผลงานเอาไว้หาเสียงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า
เมื่อวันศุกร์ (8 มี.ค.) ทรัมป์บอกว่า เขามั่นใจว่า สหรัฐฯ จะบรรลุข้อตกลงกับจีน อย่างไรก็ดี เขาเน้นว่า ถ้าเจรจาแล้วไม่ได้ข้อตกลงที่ดี เขาก็จะไม่ทำข้อตกลง ขณะที่ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ โรเบิร์ต ไลไธเซอร์ บอกกับสภาคองเกรสเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สหรัฐฯ จะยังคงใช้มาตรการภาษีกดดันจีนต่อไป แค่จีนยอมซื้อสินค้าอเมริกันมากขึ้นนั้นยังไม่พอ
คาดสีจิ้นผิงไม่สละ ‘รัฐนำตลาด’
ผู้เชี่ยวชาญในจีนฟันธงว่า จีนอาจลดราวาศอกกับสหรัฐฯ อยู่บ้าง เพื่อถนอมไมตรีระหว่างมหาอำนาจโลกกับยักษ์เศรษฐกิจอันดับสองของโลก ที่ยังต้องอยู่ด้วยกันแบบ “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” โดยยอมรับข้อเรียกร้องในส่วนของการปฏิบัติบางเรื่อง
อย่างไรก็ตาม ปักกิ่งภายใต้การนำของประธานาธิบดีสีจะไม่ละวางหัวใจของสังคมนิยมในเร็ววัน นั่นคือ ระบบเศรษฐกิจแบบวางแผนจากส่วนกลาง
ตู้ซินกวน ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้า มหาวิทยาลัยเศรษฐกิจและธุรกิจระหว่างประเทศ ในกรุงปักกิ่ง ให้ความเห็นว่า สีคงไม่ยอมรับข้อเรียกร้องของทรัมป์ในประเด็นบทบาทของรัฐวิสาหกิจ หรือการบังคับถ่ายโอนเทคโนโลยี
ประเด็นที่จีนอาจยอมรับได้คงเป็นเรื่องการคุ้มครองสิทธิทรัพย์สินทางปัญญาตามหลักการของการค้าระหว่างประเทศ ยอมเปิดตลาดมากขึ้น เช่น ซื้อสินค้าอเมริกันมากขึ้น หรือเปิดภาคบริการบางส่วน รวมถึงอาจยอมรายงานข้อมูลเกี่ยวกับมาตรการอุดหนุนแก่องค์การการค้าโลก
นับแต่เจรจากันมาหลายรอบ ประเด็นหลักข้อหนึ่งที่ทั้งสองฝ่ายยังคุยกันไม่ได้ข้อสรุป คือ กลไกติดตามและบังคับให้มีการปฏิบัติตามข้อตกลง สำหรับฝ่ายอเมริกัน ประเด็นนี้จะเป็นเครื่องประกันว่า ข้อตกลงจะไม่เป็นเพียงคำมั่นทางการเมือง หรือพูดง่ายๆ ว่า จีนจะไม่ทำแค่รับปากเฉยๆ แต่ต้องปฏิบัติตามสัญญาอย่างแท้จริง
‘ข้อตกลง มาราลาโก’
โลกกำลังติดตามชมว่า ประธานาธิบดีสี ซึ่งมีกำหนดไปเยือนอิตาลีในช่วงวันที่ 22-24 มีนาคม จะบินต่อไปยังสหรัฐฯ เพื่อพบกับทรัมป์ที่บ้านพักตากอากาศ Mar-a-Lago ในมลรัฐฟลอริดา หรือไม่ ทีมงานของทรัมป์คาดเดาว่า ผู้นำทั้งสองอาจได้ลงนามข้อตกลง สหรัฐฯ-จีน ที่นั่น
แลร์รี คัดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว บอกว่า ตอนนี้ ผู้แทนเจรจาการค้าของจีนกำลังหอบข้อเสนอของฝ่ายอเมริกันกลับไปรายงานแก่ประธานาธิบดีสีและคณะกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ถ้าทางฝ่ายโน้นไม่ขัดข้อง ผู้นำของทั้งสองฝ่ายอาจพบกันในเดือนมีนาคม หรือเมษายน
นักวิเคราะห์บอกว่า ไม่เพียงแต่ทรัมป์ที่ต้องระมัดระวังปฏิกิริยาจากสภาคองเกรสและกลุ่มผลประโยชน์ต่างๆ ถ้าจะลงนามข้อตกลง ประธานาธิบดีสีก็ต้องตอบคำถามของพรรคและสาธารณชนได้เช่นกัน มิฉะนั้นก็จะเจอคำวิจารณ์ว่า “ยอมหงอฝ่ายตรงข้าม” ซึ่งจะทำให้เสียรังวัดทางการเมือง
ยิ่งสำหรับผู้นำจีนด้วยแล้ว ความชอบธรรมทางการเมืองมีราคาสูงลิบ ผู้เชี่ยวชาญหลายรายบอกว่า สีจิ้นผิงอาจเลือกที่จะปล่อยให้ความตึงเครียดด้านการค้าดำเนินต่อไป ดีกว่าที่จะถูกมองว่า อ่อนข้อให้ทรัมป์
ถึงแม้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเล็งผลเลิศว่า ผู้นำทั้งสองอาจได้ลงนามกันในอีกไม่นาน แต่แหล่งข่าวเจ้าหน้าที่จีนบอกว่า ถ้ายังไม่มั่นใจว่า เมื่อเจอกันแล้วจะได้ลงนามแน่นอน ฝ่ายจีนก็จะยังไม่กำหนดวันนัด
เพราะตามธรรมเนียมปฏิบัติของจีนนั้น ซัมมิตต้องปิดฉากด้วยพิธีลงนาม ไม่ใช่คุยกันแล้วแยกย้าย อย่างที่ทรัมป์ทำกับผู้นำเกาหลีเหนือ คิมจองอึน
นับจากวันนี้ คงต้องรอฟังประกาศวันนัดพบ โดนัลด์ ทรัมป์-สีจิ้นผิง
อ้างอิง:
Reuters via the Express Tribune, 8 March 2019
ภาพหน้าแรก: GREG BAKER/ POOL/ AFP
Tags: สีจิ้นผิง, สหรัฐอเมริกา, โดนัลด์ ทรัมป์, จีน, สงครามการค้า, สงครามการค้า สหรัฐฯ - จีน