ราคาน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% ในวันจันทร์ที่ 12 พ.ย. หลังจากที่ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อย่างซาอุดีอาระเบียประกาศจะลดการผลิตในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นมาตรการที่มีเป้าหมายเพื่อยับยั้งราคาน้ำมันในตลาดที่ลดลง 20% ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ซึ่งเป็นจุดอ้างอิงราคาน้ำมันโลก ราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 71.37 เหรียญสหรัฐต่อ 1 บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.7% จากราคาก่อนหน้านี้ ส่วนราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ราคาอยู่ที่ 60.87 เหรียญต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.1%
ซาอุดีอาระเบียมีแผนลดอุปทานน้ำมันดิบในตลาดโลกลง 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนธันวาคม รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานกล่าวเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ขณะที่ไม่แน่ว่าผู้ผลิตรายอื่นๆ ในกลุ่มโอเปคจะร่วมมือกันลดกำลังการผลิตหรือไม่
คอลิด อัล-ฟาลิห์ ให้สัมภาษณ์ว่า ในเดือนธันวาคม Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศซาอุดิอาระเบียจะลดการผลิตจากเดือนพฤศจิกายนลง 500,000 บาร์เรลต่อวัน เนื่องจากเป็นช่วงที่มีความต้องการต่ำ นับเป็นการลดการผลิตน้ำมัน 0.5% ของโลก
ปีเตอร์ เคียร์แนน นักวิเคราะห์ด้านเศรษฐศาสตร์ในสิงคโปร์ กล่าวว่า โอเปคถูกทำให้ต้องบรรเทาความเสี่ยง หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบลดลง 20% ที่ตกฮวบกว่า 1 เดือน
มีความกังวลอย่างมากต่อซาอุดีอาระเบียและผู้ผลิตน้ำมันดิบเดิมจากการที่ผู้ผลิตในตะวันออกกลางมาจากผลผลิตจากสหรัฐอเมริกา
สัปดาห์ที่แล้วบริษัทพลังงานในสหรัฐอเมริกาเพิ่มแท่นขุดเจาะน้ำมัน 12 แห่ง เพื่อมองหาแหล่งน้ำมันดิบใหม่ ทำให้ตอนนี้มีแท่นขุดเจาะน้ำมันแล้ว 886 แห่ง มากที่สุดตั้งแต่มีนาคม 2015 ทำให้สหรัฐอเมริกามีกำลังการผลิต 11.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะเพิ่มขึ้นในอนาคต กำลังการผลิตน้ำมันของสหรัฐอเมริกาทำให้กลุ่มโอเปคตื่นตัว
ที่มา:
https://www.nytimes.com/2018/11/11/business/opec-oil-prices-production-cuts.html
https://www.ft.com/content/a5b28118-e61a-11e8-8a85-04b8afea6ea3
Tags: ราคาน้ำมัน, โอเปค, ซาอุดี