รางวัลโนเบลสาขาเศรษฐศาสตร์ประจำปี 2018 เป็นของวิลเลียม ดี. นอร์ดฮอส (William Nordhaus) มหาวิทยาลัยเยล และพอล เอม โรเมอร์ (Paul Romer) มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก ผู้ซึ่งขยายขอบเขตความเข้าใจของเราที่มีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยการสร้างโมเดลที่อธิบายว่า เศรษฐกิจแบบตลาดมีอิทธิพลระยะยาวต่อ ‘ธรรมชาติ’ และ ‘องค์ความรู้’ อย่างไร

งานของโรเมอร์ นักเศรษฐศาสตร์อายุ 77 ปี ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นว่า เงื่อนไขทางตลาดแบบไหนที่เอื้อให้เกิดการสร้างความคิดใหม่ เพื่อทำให้เราออกแบบเชิงสถาบันที่เพิ่มความมั่งคั่งให้กับมนุษย์ โดยในช่วงต้นทศวรรษ 1980 ขณะที่ยังเป็นนักศึกษาปริญญาเอก โรเมอร์เริ่มพัฒนาทฤษฎีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแนวใหม (Endogenous Growth Theory) โดยอธิบายว่า ปัจจัยของการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาวไม่เพียงแต่ขึ้นอยู่กับทุนกายภาพเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับการลงทุนในมนุษย์ และนั่นทำให้คนเห็นคุณค่าในการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาว่ามีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ส่วนงานของนอร์ดฮอส นักเศรษฐศาสตร์อายุ 62 ปี มุ่งไปที่เรื่องสภาวะโลกร้อน เขาสร้างโมเดลเพื่อแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และแสดงให้เห็นว่า การแก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจกที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการใช้ภาษีคาร์บอน

นอร์ดฮอสเป็นคนแรกที่ออกแบบโมเดลเชิงปริมาณ ที่มีพลวัตของระบบเศรษฐศาสตร์ภูมิอากาศของโลก ที่ตอนนี้เรียกว่าแบบจําลองการประเมินเชิงบูรณาการ (Integrated Assessment models- IAMs) เครื่องมือของเขาทำให้เราสร้างภาพจำลองได้ว่า เศรษฐกิจและภูมิอากาศจะมีส่วนในการพัฒนาอนาคตอย่างไร ภายใต้สมมติฐานทางเลือกเกี่ยวกับการทำงานของธรรมชาติ เศรษฐกิจแบบตลาด รวมทั้งนโยบายที่เกี่ยวข้อง

คณะกรรมการกล่าวว่าผู้ได้รับรางวัลในปีนี้ไม่ได้ให้คำตอบที่เป็นบทสรุป แต่ข้อค้นพบของพวกเขาทำให้เราพิจารณาอย่างใกล้ชิดขึ้นเพื่อตอบคำถามว่า เราจะบรรลุเป้าหมายในธำรงการเติบโตทางเศรษฐกิจแบบยั่งยืนของโลกได้อย่างไร

 

ที่มา:

Tags: , , ,