เมื่อวานนี้ (14 ธันวาคม 2025) เกิดเหตุกราดยิงกลางเทศกาลฮานุกกะห์ (Hanukkah) ของชาวยิว บริเวณชายหาดบอนได เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 15 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีกเป็นจำนวนมาก เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ผู้ก่อเหตุอาจมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS)

แมล แลนยัน (Mal Lanyon) ผู้บัญชาการตำรวจรัฐนิวเซาท์เวลส์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อในช่วงเช้าของวันนี้ (15 ธันวาคม 2025) ว่า ผู้ก่อเหตุครั้งนี้คือ พ่อวัย 50 ปีและลูกชายวัย 24 ปี ซึ่งผู้เป็นพ่อถูกวิสามัญฆาตกรรมในที่เกิดเหตุทันที ขณะที่ลูกชายอาการสาหัส และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล

ฮานุกกะห์หรือเทศกาลแห่งแสงสว่าง เป็นเทศกาลเฉลิมฉลองวันหยุดยาวในช่วงสิ้นปีของชาวยิว ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 14-22 ธันวาคม โดยมีผู้คนมาเข้าร่วมกิจกรรมในวันแรกมากกว่า 1,000 คน

แลนยันระบุว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นการมุ่งเป้าโจมตีไปที่กลุ่มชาวยิวและนับเป็นเหตุการณ์กราดยิงที่ใหญ่ที่สุดในรอบ 30 ปีของออสเตรเลีย

แอนโทนี อัลบาเนซี (Anthony Albanese) นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุและให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า “การกระทำนี้คือความชั่วร้ายอย่างแท้จริง การกระทำนี้คือการมุ่งเป้าโจมตีชาวยิว และการกระทำนี้คือการก่อการร้ายบนแผ่นดินของเรา”

นอกจากนี้ โทนี เบิร์ค (Tony Burke) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยออสเตรเลีย ยังให้สัมภาษณ์กับสื่อเพิ่มเติมอีกว่า หนึ่งในผู้เห็นเหตุการณ์อาเหม็ด อัล อาเหม็ด (Ahmed al Ahmed) พ่อค้าขายผลไม้ วัย 43 ปี ได้เข้าไปแย่งปืนจากผู้ก่อเหตุมาได้สำเร็จ ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในภายหลัง

“ชาวออสเตรเลียร่วมกันต่อต้านการโจมตีในครั้งนี้…กลุ่มเจ้าหน้าที่หรือแม้แต่พลเมืองอย่าง อาเหม็ด อัล อาเหม็ด คือกลุ่มแรกที่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อต่อสู้กับผู้ก่อเหตุ” เบิร์คกล่าว

สำนักของ ABC News เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คนเป็นชาวปากีสถาน และอาจมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มรัฐอิสลาม (ISIS) หลังเจ้าหน้าที่พบธงของ ISIS ภายในยานพาหนะของผู้ก่อเหตุ ทำให้การสอบสวนมุ่งเป้าไปที่การก่อการร้ายเป็นหลัก

นอกจากนี้ชาวออสเตรเลียบางส่วนออกมารวมตัวโยนหัวหมูใส่สุสานชาวมุสลิมในเมืองซิดนีย์ เพื่อแสดงออกถึงความโกรธแค้นต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม อาหมัด ฮไรชี (Ahmad Hraichie) ผู้ทำหน้าที่จัดการศพ ออกมาประณามการกระทำดังกล่าวว่า เป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลและจะก่อให้เกิดความเกลียดชังมากขึ้นกว่าเดิม 

“การกระทำของพวกคุณไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น และพวกคุณกำลังทำตัวเป็นปัญหาด้วยเช่นกัน” เขากล่าว

ทั้งนี้ชาวยิวในประเทศออสเตรเลียต้องเผชิญกับการโจมตีและต่อต้านอย่างหนัก นับตั้งแต่การเริ่มต้นของสงครามกาซาในเดือนตุลาคม 2023

เบนจามิน เนทันยาฮู (Benjamin Netanyahu) นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลออสเตรเลียเร่งแก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่มุ่งเป้าโจมตีกลุ่มชาวยิวโดยด่วน พร้อมระบุว่า การที่รัฐบาลออสเตรเลียประกาศรับรองรัฐปาเลสไตน์เช่นเดียวกับอีกหลายประเทศ เปรียบเสมือนการเติมเชื้อไฟให้กับการต่อต้านชาวยิวมากขึ้น

ในปีที่แล้วพบว่า ชาวยิวในเมืองซิดนีย์และเมลเบิร์น ซึ่งคิดเป็น 85% ของจำนวนชาวยิวในออสเตรเลีย ถูกทำร้ายและต่อต้านอย่างหนัก เช่นเดียวกันกับโบสถ์และอาคารบ้านเรือนของชาวยิวที่ถูกวางเพลิง พ่นสี และทำลายทรัพย์สิน

ในขณะเดียวกัน คริส มินส์ (Chris Minns) มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระบุว่า จะพิจารณาเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืนหลังเหตุการณ์ในครั้งนี้

ก่อนหน้านี้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีกฎหมายควบคุมอาวุธปืนเข้มงวดมาก หลังเกิดเหตุการณ์กราดยิงและสังหารหมู่ในเมืองพอร์ตอาร์เทอร์เมื่อปี 1996 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 35 ราย

ที่มา:

–  https://www.theweek.in/news/world/2025/12/15/sydney-mass-shooting-father-son-duo-identified-as-suspects-isis-flag-found-at-site.html

https://apnews.com/article/australia-shooting-sydney-bondi-beach-31f711f09f677d0f88091ece25f651c1

https://www.cbsnews.com/news/australia-bondi-beach-shooting-jewish-community/

https://www.dailymail.co.uk/news/article-15383943/Narellan-Cemetery-pig-heads.html?utm_social_post_id=623230113

Tags: , , , , , , ,