วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2568) เวลาประมาณ 16.00 น. ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว มีรายงานว่า เกิดเหตุทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงเข้ามายังฝั่งประเทศไทย โดยกองทัพบกของไทยออกมาชี้แจงว่า หลังจากนั้นฝ่ายไทยเข้าแนวกำบังและทำการยิงแจ้งเตือนไปยังจุดที่มีการยิงเข้ามา
ทั้งนี้ เหตุการณ์ทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก่อนที่จะสงบลงไป โดยกองทัพบกยืนยันว่า ฝ่ายไทยไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ด้าน Khmer Times สื่อท้องถิ่นของกัมพูชา รายงานว่า ทหารไทยได้เปิดฉากโจมตีประชาชนชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนในหมู่บ้านเปรยจัน จังหวัดบันเตียเมียนเจย เป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 ราย
โดยการเปิดฉากยิงเกิดขึ้นประมาณ 16.00 น. ท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดเพิ่มขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมา โดนเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังที่ทางการไทยระงับปฏิญญาไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นโดย โดนัล ทรัมป์ (Donald Trump) ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 47 ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านจากเหตุทหารไทยเหยียบเข้ากับระเบิดจนได้รับบาดเจ็บข้อเท้าขวาขาด
ด้าน มาลี โสเจียตา (Maly Socheata) โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงว่า การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นภายหลังฝ่ายไทยมีเจตนาปลุกปั่นให้เกิดการปะทะ
ทั้งนี้ ทางการกัมพูชาได้เรียกร้องไปยังสมาคมโลกเพื่อประณามประเทศไทยอย่างถึงที่สุดที่ยังละเมิดข้อตกลงสันติภาพเรื่อยมา และเรียกร้องให้ไทยรับผิดชอบอย่างเต็มที่ต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น
หลังจากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 18.00 น. กองทัพบกของไทยออกมากล่าวหาสื่อท้องถิ่นของกัมพูชาว่ายังคงใช้วิธีการสกปรกแบบเดิมๆ โดยการสร้างข่าวเท็จ กล่าวหาไทยว่า จัดฉากวางระเบิดให้กำลังพลของตนเองได้รับเคราะห์ เพื่อกลบพฤติกรรมการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาของกัมพูชา
พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุว่า สิ่งที่สื่อกัมพูชาได้นำเสนอมาทั้งหมดล้วนไม่เป็นความจริง เป็นวิธีการสกปรกรูปแบบเดิมๆ เมื่อพิจารณาจากภาพประกอบข่าวแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีลักษณะเป็นการตกแต่งดัดแปลง ทำขึ้นเป็นการเฉพาะที่ไม่แนบเนียน เพื่อจะใช้หลอกลวงสังคม ทั้งในประเทศและสังคมโลกให้เข้าใจผิดฝ่ายไทย
“ลักษณะพฤติกรรมดังกล่าวเป็นการส่อเจตนาที่จะปกปิด เบี่ยงเบนการกระทำอันเป็นการละเมิดต่อข้อตกลงระหว่างประเทศ และอนุสัญญาออตตาวาของตนเองในเรื่องการใช้ทุ่นระเบิด และการลักลอบวางทุ่นระเบิดมาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่มีข้อตกลงหยุดยิงมา
“กองทัพบกขอยืนยันอีกครั้งว่า ทุ่นระเบิดแบบ PMN-2 ที่ตรวจพบตามแนวชายแดนเป็นจำนวนมากนั้น กองทัพไทยไม่เคยมีไว้ในครอบครอง และไม่เคยมีอยู่ในระบบการจัดหาเพื่อใช้ในทางทหารประกอบกับหลักฐานต่างๆ ที่ได้บันทึกรวบรวมไว้ที่ผ่านมา ล้วนชี้ชัดว่าเป็นทุ่นระเบิดของกัมพูชา ที่มีการนำวางใหม่ เพื่อใช้เป็นอาวุธซ่อนรูป คุกคามทำร้ายฝ่ายไทยอย่างแน่นอน”
อ้างอิง




