ใกล้ช่วงฮาโลวีนเข้ามาทุกขณะ นี่คือเทศกาลที่ว่าด้วยเรื่องโลกหลังความตาย มีภาพจำของตัวละครมากมายทั้งผี ปีศาจ หรือมอนสเตอร์ ที่ถูกนำไปผูกกับความหลอนของเทศกาลนี้ หนึ่งในนั้นคือ ‘ซอมบี้’ ร่างสิ่งมีชีวิตที่ตายแล้วฟื้นกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

แม้ในโลกแห่งจินตนาการและสื่อบันเทิง ซอมบี้ถูกจำในภาพของร่างศพที่ตายแล้วฟื้น เคลื่อนไหวเชื่องช้า เงอะงะ และดุร้าย แต่ในโลกแห่งความเป็นจริง ลักษณะเด่นที่ว่านี้ของซอมบี้ก็ถูกนำไปโยงเข้ากับเรื่องพฤติกรรมของความสัมพันธ์ที่ดู ‘แปลกๆ’ โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นช่องทางหลักในการสื่อสาร

พฤติกรรมที่ว่าคือ Zombie-ing

เราอาจเคยได้ยินพฤติกรรมแบบ Ghosting ที่ฝ่ายหนึ่งหายไปจากความสัมพันธ์แบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่มีคำอธิบาย และทำให้อีกฝ่ายเกิดความสับสน ตั้งคำถามถึงคุณค่าของตนเอง และเจ็บปวดในความรู้สึก แต่พฤติกรรมแบบ Zombie-ing อาจน่ากลัวกว่านั้น เพราะมันคือการที่คนที่เคย Ghosting ไปแล้ว อยู่ๆ ก็กลับมามีชีวิตอีกครั้ง โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ เสมือนกับผีคืนชีพ

อธิบายให้เข้าใจง่าย คือใครบางคนที่หายไปจากความสัมพันธ์แบบไม่บอกกล่าว แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีก็กลับมาหาแบบครึ่งๆ กลางๆ เช่น กดไลก์โพสต์ ดูสตอรี ส่งข้อความ ส่งอีโมจิ ส่งสติกเกอร์ หรือทักมาแบบไม่มีบริบทใดๆ หากแต่ไม่มีการ ‘สื่อสารตรงๆ’ ว่าต้องการอะไร

ที่แน่ๆ มันคือการกลับมาสร้างสัญญาณของการมีอยู่อีกครั้งแบบที่ทำให้อีกฝ่ายงงๆ เพราะไร้ซึ่งการรับผิดชอบต่อการหายไป ไม่มีการพูดถึงอดีต ไม่มีการขอโทษ ปัญหาก็ตกมาอยู่ที่อีกฝ่ายซึ่งเคยถูกทำให้เจ็บปวดมาแล้ว ที่ต้องสับสนว่าเขาหรือเธอจะกลับมาทำไม ต้องการสร้างความหวังให้อีกครั้งหรืออะไร! 

คงไม่มีใครอยากตกอยู่ในสถานการณ์ Zombie-ing เพราะมันทั้งสับสน คลุมเครือ และเจ็บปวด กับคนที่เหมือนตายจากไปแล้วแต่โผล่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง นี่ไม่ใช่แค่พฤติกรรมชั่ววูบในโลกออนไลน์ แต่มันสะท้อนกลไกทางจิตใจที่ซับซ้อน มาลองดูว่าเบื้องหลังจิตวิทยาดังกล่าวคืออะไร

เธอยังคงมีผลต่อหัวใจ

นี่อาจเป็นแรงผลักดันของคนที่มีพฤติกรรม Zombie-ing ที่ไม่ได้กลับมาเพราะคิดถึงหรือต้องการโอกาสครั้งใหม่ แต่เพียงต้องการพิสูจน์ว่า ตนเองยัง ‘มีผลต่อหัวใจ’ (ไม่ใช่เพลงของนนท์ ธนนท์) ของอีกฝ่ายหรือไม่ ในเชิงจิตวิทยาเรียกว่า Narcissistic Supply หรือการได้รับความสนใจ คำชื่นชม หรือความรู้สึกว่าตนเองสำคัญจากผู้อื่น เสมือนการกลับมาเพื่อเช็กอีโก้ของตนเอง ซึ่งแม้จะดูเหมือนพฤติกรรมที่มีความมั่นอกมั่นใจ แต่ความจริงแล้วลึกๆ ของคนเหล่านี้กลับ ‘กลัวการถูกลืม’ มากกว่า

หนีเพราะกลัวความผูกพัน

ในเชิงจิตวิทยาความสัมพันธ์ คนที่มีพฤติกรรม Zombie-ing อาจมีแนวโน้มแบบ Avoidant Attachment คือกลัวความใกล้ชิดทางอารมณ์ รู้สึกอึดอัดเมื่ออีกฝ่ายเริ่มคาดหวังจริงจัง จึงเลือกที่จะหายไปเมื่อรู้สึกถูกผูกพันมากเกินไป แม้ความสัมพันธ์นั้นจะดีก็ตาม เหมือนต้องการพื้นที่ส่วนตัวและคิดถึงความสบายใจที่เคยมี เมื่อกลับมาอีกครั้งเพราะเหงา หากแต่ก็ยังกลัวที่จะใกล้ชิด จึงกลับมาแบบครึ่งๆ กลางๆ ด้วยการกดไลก์ ดูสตอรี แต่ก็เลี่ยงที่จะคุยตรงๆ

ไม่อยากเป็นคนผิด

ธรรมชาติของมนุษย์มักไม่ชอบรู้สึกว่าตัวเองผิดหรือใจร้าย คนที่มีพฤติกรรม Zombie-ing ที่กลับมามีชีวิตอีกครั้ง จึงพยายามสร้างเหตุผลอธิบายตนเอง เช่น ‘ที่หายไปแค่ยุ่งอยู่’ หรือ ‘ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย’ เพื่อลดความขัดแย้งภายในใจ และเลือกจะไม่พูดถึงอดีต เพราะหากต้องพูดถึง จะทำให้ต้องเผชิญหน้ากับความผิดของตนเอง

(อาจ) ไม่รักแต่กั๊กก่อน

พฤติกรรมแบบ Zombie-ing เชื่อมโยงกับ FOMO หรือ Fear of Missing Out ทางอารมณ์ คือกลัวจะพลาดความรู้สึกดีๆ ที่เคยมี โดยเฉพาะในยุคโซเชียลฯ ที่เราเห็นชีวิตของคนอื่นตลอดเวลา เมื่อเขาหรือเธอเห็นเรามีความสุข มีคนคุยใหม่ หรือดูดีขึ้น ก็กระตุ้นให้สมองคนเหล่านั้นรู้สึกเหมือน ‘สูญเสีย’ สถานะบางอย่างที่เคยมี จึงเลือกกลับมาปรากฏตัวในชีวิตเราอีกครั้ง แต่ไม่ใช่เพราะอยากกลับมาคบเราหรอก แค่ไม่อยากให้เรามีความสุขโดยไม่มีเขาหรือเธอต่างหาก

แค่แวะมาเติมน้ำมัน

เมื่อคนเราอยู่ในความสัมพันธ์ที่มีความสุข สมองจะหลั่งสารโดปามีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความพึงพอใจ และแม้เวลาจะผ่านไปนาน สมองอาจเกิดการเรียกคืนความทรงจำทางความสุขและพยายามกลับไปหา ‘สารตั้งต้น’ เหล่านั้น ซึ่งก็คือคนที่เขาหรือเธอเคยคุยด้วยก่อนจะเลือกหายไป ซึ่งพฤติกรรม ‘ตายแล้วฟื้นกลับมาใหม่’ นี้ มักเกิดในช่วงที่อีกฝ่ายรู้สึกเครียด เหงา จนผลักให้ต้องกลับไปหาคนที่เคยเติมพลังทางอารมณ์ให้ และเมื่อ ‘น้ำมันเต็มถัง’ แล้ว หมายถึงอีกฝ่ายคุยดีด้วย เขาหรือเธอก็จะกลับไปสู่แพทเทิร์นเดิมคือหายไปอีกครั้ง

ไม่มีใครอยากอยู่ในความสัมพันธ์ที่คลุมเครือหรือไม่ปกติ หากวันนี้เราสงสัยว่ากำลังโดน Zombie-ing หรือไม่ อย่าเพิ่งรีบโต้ตอบ แต่ให้เวลาดูว่าอีกฝ่ายโผล่เข้ามาอีกครั้งเพราะเหตุผลใด อย่าปล่อยให้การกลับมาของใครบางคนควบคุมอารมณ์ของเรา

ช่วงเวลาที่ใครบางคนหายไปโดยไม่บอกกล่าว นั่นควรเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราเติบโตขึ้น ได้เรียนรู้ และพร้อมที่จะเดินไปข้างหน้า มากกว่าย้อนกลับมาช่วยฟื้นอีโก้ของใครบางคนซ้ำๆ

บางครั้งโดนผีหลอกอาจจะดีกว่าโดนคนหลอกก็ได้

ที่มา:

https://www.cosmopolitan.com/uk/love-sex/relationships/a44837535/zombieing-explained/

https://www.psychologytoday.com/us/blog/a-funny-bone-to-pick/202309/the-zombieing-dating-trend-that-can-follow-ghosting

https://www.unilad.com/news/sex-and-relationships/toxic-dating-trend-zombied-meaning-138664-20241113

Tags: , , , , ,