จำได้ไหมว่า ก่อนอินเทอร์เน็ตจะแพร่หลาย มนุษย์หาข้อมูลกันอย่างไร ในสถานที่ที่หลายคนอาจไม่ค่อยได้ อย่างห้องสมุดที่เป็นคลังแสงแห่งปัญญา เมื่ออยู่ตรงชั้นหนังสือยังจำได้ไหมว่า กว่าจะได้ข้อมูลสักเรื่อง ต้องใช้เวลาคัดกรองนานแค่ไหน เริ่มตั้งแต่ค้นหาหนังสือที่เกี่ยวข้อง ค้นคว้าหลายเล่ม จากผู้เขียนหลายคนที่น่าเชื่อถือ จนถึงขั้นตอนการสังเคราะห์ข้อมูลว่า ข้อมูลชุดไหนที่เป็นแค่ทฤษฎีสมคบคิด หรือข้อมูลชุดไหนเป็นข้อเท็จจริง
จนถึงยุคของอินเทอร์เน็ตที่ทำให้เรารู้จัก Google เราไม่จำเป็นต้องเข้าห้องสมุดทุกวันอีกต่อไป เพียงแค่นั่งลงหน้าคอมพิวเตอร์ ท่องไปในโลกอินเทอร์เน็ตที่รวบรวมข้อมูลทุกอย่าง เป็นคลังความรู้ที่ค้นหาอะไรก็เจออย่างง่ายดายและรวดเร็ว แต่ถึงกระนั้นมนุษย์ก็ยังใช้วิธีอ่านอย่างถี่ถ้วนก่อนจะสรุปว่าเว็บไหนเชื่อถือได้ และเว็บไหนไม่น่าเชื่อถือ
แน่นอนว่าในอดีตที่ผ่านมา มนุษย์ไม่ได้คิดว่า Google รู้ความจริงทุกสิ่งอย่างบนโลก ข้อมูลบน Google คือการย้ายข้อมูลจากหนังสือไปสู่อินเทอร์เน็ตเท่านั้น คนจึงมอง Google เป็นเสมือนห้องสมุดออนไลน์
แต่ปัจจุบันนี้ เรามีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) หรือเรียกว่า AI ที่เข้ามาเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนพฤติกรรมการค้นหาความรู้ของมนุษย์ไปตลอดกาล ซึ่งเจ้า AI อย่าง ChatGPT หรือเจ้าอื่นๆ ก็กำลังถูกตั้งคำถามว่าจะเข้ามาแทนที่ Google หรือไม่
จากผลสำรวจของ Resolve บริษัทเอเจนซีในสหรัฐอเมริกา ที่ศึกษาคนจำนวน 1,000 คน พบว่า Gen Z กว่า 53% เลือกใช้ TikTok, Reddit หรือ YouTube เพื่อค้นหาข้อมูล มากกว่าที่จะเลือกใช้ Google ในขณะเดียวกัน ผู้ใช้ทั้งหมด 41% ในทุกกลุ่มอายุใช้ ChatGPT เมื่อต้องการคำตอบที่เชิงลึกและตรงประเด็นมากขึ้น โดย 1 ใน 3 บอกว่าตอนนี้ ChatGPT กลายเป็นเครื่องมือค้นหาข้อมูลที่พวกเขาใช้เป็นประจำ
และจากสถิติของ Claneo SEO Research Study บริษัทเอเจนซีในเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ที่สำรวจพฤติกรรมการเสิร์ชหาข้อมูลในปี 2025 โดยใช้กลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน ในสหรัฐอเมริกาและเยอรมนี พบว่า คนอเมริกัน 79% ไว้วางใจเครื่องมือค้นหา AI และ 77% เชื่อถือแชตบอท AI ซึ่งตัวเลขนี้เป็นจำนวนเกือบเท่าความไว้วางใจต่อ Amazon (87%), Google (86%) และ YouTube (86%) และหมายความว่า เปอร์เซนต์ที่คนเชื่อถือข้อมูลจาก AI อาจเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
กลับมาที่ในประเทศไทย หากลองถามคนรุ่นใหม่หรือคนใกล้ตัว อาจมีหลายคนที่ทุกวันนี้ใช้ ChatGPT เป็นเพื่อนคุย ช่วยออกความคิดเห็น หรือมอบสถานะผู้ช่วยหรือเลขา คนจำนวนมากที่เข้ามาใช้เพราะเชื่อว่ามันฉลาด จนหลายคนเลือกหาข้อมูลความรู้จาก ChatGPT แทนที่จะเสิร์ชหาจาก Google อย่างที่เคย
แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าการแข่งขันระหว่าง Google หน้าเก่ากับ ChatGPT หน้าใหม่ คือคนรุ่นใหม่ที่ใช้ ChatGPT หาข้อมูลความรู้ ได้เลือกเชื่อข้อมูลที่ AI บอก โดยไม่ตั้งข้อสงสัยกับข้อมูลที่ได้มา และทำให้ ChatGPT เป็นเหมือนพระเจ้าที่รู้กระจ่างแจ้งในทุกเรื่องบนโลก ซึ่งแตกต่างกับผู้ใช้ Google ยุคก่อนหน้านี้
เห็นได้จากการแคปภาพหน้าจอ ที่เป็นข้อมูลจาก ChatGPT มาใช้โต้แย้งบนโซเชียลมีเดีย ยกตัวอย่างเช่นในกรณีถกเถียงกันเรื่องมารยาททางอินเทอร์เน็ตในเดือนที่ผ่านมา ซึ่งการถกเถียงไม่ได้จบลงแค่ในโซเชียลฯ อย่าง X เพราะมีคนไปถาม ChatGPT ว่ามารยาทคืออะไร ต้องปฏิบัติตัวในสถานการณ์ต่างๆ อย่างไรจึงจะเรียกว่ามีมารยาท แล้วนำข้อมูลที่ได้จาก ChatGPT ที่เชื่อว่าเป็นจริง นำมาถกเถียงกันต่อ ทำให้มีคนกล่าวเชิงเสียดสีว่า ‘แค่เรื่องมารยาทยังต้องถาม ChatGPT’
รวมถึงเหตุการณ์หลุมยุบ หน้า รพ.วชิรพยาบาล กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 24 กันยายนที่ผ่านมา ในโซเชียลฯ มีคนนำสถานการณ์นี้ไปถาม ChatGPT ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร แล้วต้องแก้ไขอย่างไร แน่นอนว่าได้แคปเจอร์ข้อมูลที่ ChatGPT ตอบ เอามาเผยแพร่บนโซเชียลฯ ประหนึ่งว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง
นอกจากนี้ เชื่อว่ายังมีหลายสถานการณ์ที่คนใช้ ChatGPT ค้นหาข้อมูล และคำถามสำคัญคือ มันเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน เราจะรู้ได้อย่างไรว่าข้อมูลที่ AI ค้นหาและสังเคราะห์มาให้นั้นเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง
โดย TechTarget บริษัทด้านบริการทางการตลาด สื่อ และข้อมูล ได้ระบุถึงข้อเสียของ ChatGPT ไว้ว่า การเข้าถึงข้อมูลแบบเรียลไทม์ยังคงจำกัด บางครั้งเกิดการตอบสนองที่ไม่ถูกต้อง มีขอบเขตข้อมูลที่แคบกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องมือค้นหาแบบดั้งเดิม และขาดความสามารถในการค้นหาประเภทรูปภาพ
หรือแม้แต่ แซม อัลต์แมน (Sam Altman) อดีต CEO และผู้พัฒนาของ OpenAI บริษัทของเจ้า ChatGPT ยังเคยกล่าวว่า อย่าไว้ใจ AI มากเกินไป
อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจต้านทานเทคโนโลยี AI ที่พัฒนาให้ฉลาดมากขึ้นทุกวันได้ และปฏิเสธไม่ได้ว่าการมีอยู่ของ ChatGPT รวมถึง AI เจ้าอื่นทำให้ชีวิตมนุษย์ง่ายขึ้น แต่สุดท้ายนี้เราจะให้ AI เข้ามาเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการค้นหาความรู้ของเราให้ดีขึ้นหรือแย่ลง ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้มันเพื่อเป็นเลขาฯ ใช้อำนวยความสะดวกให้ชีวิต หรือจะสถาปนาให้เป็นพระเจ้า และเชื่อข้อมูลทุกอย่างโดยไม่ใช่สมองวิเคราะห์เลย
อ้างอิง:
– https://www.contentgrip.com/gen-z-search-behavior-tiktok-chatgpt/
– https://medium.com/aimonks/why-chatgpt-is-the-new-google-445d3de5ca2f
– https://searchengineland.com/google-leads-gen-z-ai-search-behavior-survey-459809
– https://www.techtarget.com/whatis/feature/ChatGPT-search-vs-Google-How-do-they-differ
Tags: Feature, Google, AI, ChatGPT