ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา ตลาดทุนไทยถูก ‘ขุดคุ้ย’ และตั้งคำถามในฐานะเครื่องมือฟอกเงินสกปรกโดยเหล่านายหน้า แม้ว่าปัจจุบันปริศนายังไม่ได้รับการคลี่คลาย แต่หลายฝ่ายก็ยังเดินหน้าแบบกัดไม่ปล่อยจนล่าสุดประเด็นนี้ถูกหยิบยกไปอภิปรายในสภาฯ ส่วน อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีคนใหม่แกะกล่องของไทย ก็ประกาศกร้าวว่า ‘พร้อมยึดทรัพย์ขบวนการฟอกเงิน’
แต่ผู้อ่านสงสัยไหมครับว่า ขบวนการฟอกเงินผ่านตลาดทุนทำงานอย่างไร
ย้อนกลับไปเมื่อ 6 ปีก่อน ผู้เขียนเคยอธิบายกระบวนการฟอกเงินแบบคร่าวๆ ผ่านกรณีศึกษาของซีรีส์ดังอย่าง Ozark แต่สถานการณ์ในปัจจุบันชวนให้หยิบเรื่องนี้มาปัดฝุ่นอีกครั้ง พร้อมกับอธิบายลงลึกว่า ทำไมเหล่า ‘เงินเทา’ จึงเลือกใช้ตลาดทุนเป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน แล้วพวกเขาทำกันอย่างไร
ฟอกเงิน 101
ปัจจุบัน ‘เงินสกปรก’ สามารถสร้างขึ้นได้หลากหลายวิธี ทั้งพนันออนไลน์ เหล่าสแกมเมอร์ที่โทร.เช้า โทร.เย็น ไปจนถึงวิธีดั้งเดิมอย่างการคอร์รัปชัน การค้าอาวุธผิดกฎหมาย และยาเสพติด แน่นอนว่าเหล่ามหาเศรษฐีเงินเทาต่างต้องการใช้เงินที่หามาได้อย่างผิดกฎหมาย เพื่อชีวิตแสนสะดวกสบาย พวกเขาจึงต้องหาทางทำเงินสกปรกให้เป็นเงินสะอาด หรือก็คือกระบวนการที่เราเรียกกว่า ‘ฟอกเงิน’ นั่นเอง
เราสามารถแบ่งกระบวนการฟอกเงินออกเป็น 3 ขั้นตอนพื้นฐานดังนี้
1. นำเงินเข้าระบบ (Placement) นับเป็นขั้นตอนแรกที่เสี่ยงถูกจับได้มากที่สุด โดยต้องหาสารพัดวิธีนำเงินเข้าไปในระบบ ไม่ว่าจะเป็นการฝากธนาคารแบบซื่อๆ หรือการกว้านซื้ออสังหาริมทรัพย์ต่างๆ
2. กลบเกลื่อนร่องรอย (Layering) เมื่อเงินเข้าระบบแล้วก็โอนสลับไปมาระหว่างหลายบัญชีจนยากที่จะตามรอยว่า ปลายทางของเงินก้อนนี้ไปอยู่ในมือใคร
3. เกิดใหม่ในฐานะเงินสะอาด (Integration) หลังจากกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น เศรษฐีเงินเทาก็จะได้เงินสะอาดเข้ากระเป๋า ซึ่งมีหลักฐานยืนยันว่าถูกกฎหมาย สามารถนำไปจับจ่ายใช้สอยได้อย่างสะดวกใจ ไม่มีใครสงสัย
แรกเริ่มเดิมที ธนาคารคือเป้าหมายหลักของเหล่านักฟอกเงิน นี่คือสาเหตุที่ธนาคารอยู่ภายใต้การจับตาของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินอย่างเคร่งครัด และเต็มไปด้วยสารพัดกฎระเบียบต่างๆ ที่เข้มข้น จึงไม่น่าแปลกใจนักที่เหล่านักฟอกเงินจะเริ่มหันไปหาทางเลือกอื่น ที่มีการกำกับดูแลน้อยกว่า นั่นก็คือตลาดทุนนั่นเอง
ตลาดทุนและตลาดเงินในปัจจุบันพัฒนามาไกลกว่าในอดีตมาก ทั้งในแง่ของความรวดเร็วและปริมาณธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล จนสามารถกลบเกลื่อนธุรกรรมผิดกฎหมายได้ไม่ยาก การที่ตลาดทุนทั่วโลกเชื่อมต่อกันยังเปิดทางให้เหล่านักฟอกเงินตั้งต้นในประเทศที่มีกฎหมายอ่อนแอ ก่อนจะพยายามหาทางแทรกซึมเข้าไปในประเทศศูนย์กลางทางการเงิน เช่น ฮ่องกงและสิงคโปร์ เพื่อทำให้เสมือนเป็นเงินถูกกฎหมาย
ที่สำคัญ ตลาดทุนยังเอื้อให้มีการซื้อขายแบบนิรนามโดยมีกลไกมากมายเพื่อซุกซ่อน ‘ตัวตนที่แท้จริง’ ของผู้ทำธุรกรรม เช่นการสร้างบัญชีนายหน้า (Nominee Account) ซึ่งเป็นบัญชีที่ไม่ปรากฏชื่อเจ้าของที่แท้จริง หรือบัญชีกองทุนรวมแบบไม่เปิดเผยชื่อผู้ถือหน่วยลงทุน (Omnibus Account) ซึ่งสถาบันการเงินจะถือครองสินทรัพย์ของลูกค้าหลายคนไว้ในบัญชีเดียวเพื่อปิดบังตัวตน
เครื่องมือเหล่านี้ไม่ต่างจากสิ่งอำนวยความสะดวกของเหล่าเศรษฐีเงินเทา ที่ต้องการฟอกเงินโดยหน่วยงานภาครัฐ ยากจะตามจับตัว เมื่อผนวกรวมกับตราสารทางการเงินในปัจจุบัน ที่สลับซับซ้อนจนคนภายนอกยากจะเข้าใจ ตลาดทุนและตลาดเงินจึงกลายเป็นทาง ‘กลบเกลื่อน’ ราวกับว่าเงินเทาเหล่านั้นเป็นเงินถูกกฎหมายจากกำไรการซื้อขายหลักทรัพย์
สารพัดเครื่องมือฟอกเงินผ่านตลาดทุน
กระดูกสันหลังที่ทำให้การฟอกเงินในตลาดทุนสามารถดำเนินการได้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน คือบริษัทเปลือก (Shell Company) นิติบุคคลที่ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเพียง ‘เปลือก’ ที่ไม่มีการดำเนินธุรกิจหรือลูกจ้างแต่อย่างใด โดยจัดตั้งมาเพื่อปกปิดเจ้าของเงินและสินทรัพย์ที่แท้จริง บริษัทเปลือกเหล่านี้มักจดทะเบียนในต่างประเทศ เช่น หมู่เกาะบริติชเวอร์จิน ปานามา หรือหมู่เกาะเคย์แมน เนื่องจากประเทศเหล่านี้มีกฎหมายคุ้มครองความลับทางการเงินที่เข้มแข็ง โดยบริษัทที่จัดตั้งไม่จำเป็นต้องเปิดเผยว่า ใครคือเจ้าของที่แท้จริง เหล่าเศรษฐีเงินเทาจึงสามารถตั้ง ‘นายหน้า’ มาเป็นตัวตายตัวแทนและทำหน้าที่บริการจัดการ
หลังจากจัดตั้งบริษัทเปลือกเรียบร้อย เหล่านายหน้าก็ต้องมองหาเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) กองทุนที่เน้นลงทุนความเสี่ยงสูง หรือบริษัทลงทุนหุ้นนอกตลาด (Private Equity) หน่วยงานเหล่านี้ดำเนินงานในรูปแบบของกองทุนร่วมทุน ของเหล่าสถาบันการเงินขนาดใหญ่หรือมหาเศรษฐี กองทุนเหล่านี้มักจะไม่มีกฎหมายกำกับดูแลเข้มงวด จึงมักเป็นทางเลือกยอดนิยมของเหล่าเศรษฐีเงินเทาเพื่อใช้ในการฟอกเงิน ที่สำคัญคือกองทุนเหล่านี้มักยอมรับเม็ดเงินลงทุนจากบริษัทเปลือก หรือกองทรัสต์ซึ่งมักจะปิดบังตัวตนเจ้าของที่แท้จริง
จุดนี้เองที่เงินเทาและเงินสะอาดจากเหล่ามหาเศรษฐีจะถูกผสมกลมกลืนกัน แล้วไหลบ่าเข้าสู่ตลาดทุนและตลาดเงิน บ่อยครั้งอาจเป็นการลงทุนด้วยกลยุทธ์ที่สลับซับซ้อนยากจะเข้าใจ อาจได้กำไรบ้าง ขาดทุนบ้าง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะปลายทางของเหล่าเศรษฐีเงินเทา คือสร้างเส้นทางทางการเงินเสมือนหนึ่งว่า เงินก้อนนั้นคือเงินที่ได้มาอย่างสุจริต
บางประเทศเช่นสิงคโปร์ก็เอื้อให้มีการจัดตั้งบรรษัทบริการจัดการสินทรัพย์สำหรับครอบครัวมหาเศรษฐี (Single-family Offices) ที่สิงคโปร์ทั้งอำนวยความสะดวกในการจัดตั้งและให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี อย่างไรก็ตามช่องทางดังกล่าวกลับกลายเป็นเส้นทางการฟอกเงิน ซึ่งถูกเปิดโปงเมื่อปี 2023 โดยองค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore) พบว่า บรรษัทบริการจัดการสินทรัพย์สำหรับครอบครัวมหาเศรษฐี 6 แห่ง ที่ได้รับลดหย่อนภาษีมีความเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินจากธุรกิจพนันออนไลน์รวมมูลค่ากว่า 2,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเหล่าเศรษฐีเงินเทาใช้ช่องทางนี้ เพื่อป้อนเงินเข้าสู่สถาบันการเงินหลายสิบแห่งในสิงคโปร์
สินทรัพย์ทางการเงินยังมีสภาพคล่องสูงจนสามารถใช้เป็น ‘ตัวกลาง’ ในการฟอกเงินสกปรกให้เป็นเงินสะอาด หนึ่งในวิธียอดนิยมในการฟอกเงินคือการธุรกรรมสองตลาด (Mirror Trading) ที่ใช้ธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์สภาพคล่องสูงเพื่ออำพรางธุรกรรมการฟอกเงิน และช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการโอนเงินก้อนใหญ่แบบตรงๆ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า
ตัวอย่างเช่น เศรษฐีเงินเทาตั้งบริษัทเปลือก A ในประเทศความเสี่ยงสูง แต่มีกฎหมายปกป้องความลับทางการเงิน และบริษัทเปลือก B ในอีกประเทศที่ความเสี่ยงต่ำและความน่าเชื่อถือสูง บริษัท A ที่ต้องการฟอกเงินสกปรกในประเทศต้นทางจะส่งคำสั่งซื้อหลักทรัพย์ เช่น หุ้นขนาดใหญ่หรือพันธบัตรรัฐบาลสภาพคล่องสูง ส่วนบริษัท B จะส่งคำสั่งขายหลักทรัพย์เหล่านั้นในเวลาเดียวกัน ธุรกรรมทั้งหมดจะดำเนินในตลาดราวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ปกติราวกับบริษัท B ได้เงินมาอย่างถูกกฎหมาย
ธุรกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นจริงระหว่างปี 2011-2015 ที่เศรษฐีเงินเทารัสเซียดำเนินธุรกิจซื้อหลักทรัพย์ในมอสโกเป็นสกุลเงินรูเบิล แล้วขายทันทีในตลาดหุ้นลอนดอนเป็นเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ ธุรกรรมทั้งหมดมูลค่าร่วม 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และดำเนินการโดยด็อยท์เชอบังค์ (Deutsche Bank) ซึ่งถูกปรับเป็นเงินราว 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากความบกพร่องดังกล่าว
บางครั้งธุรกรรมดังกล่าวก็เป็นการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ เช่น ฟิวเจอร์สหรือออปชัน ทั้งที่ 2 ฝ่ายไม่มีการดำเนินธุรกิจใดๆ แต่จงใจทำธุรกรรมให้เกิดผลกำไรขาดทุนเป็นการ ‘ฟอกเงิน’ ในรูปของผลกำไรจากการซื้อขายหลักทรัพย์ หรืออาจเป็นสัญญาการกู้ยืมเงินที่ใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน โดยที่ฝ่ายกู้เงินจงใจผิดนัดชำระหนี้ เพื่อให้อีกฝ่ายมายึดหลักทรัพย์ไป และอีกสารพัด
ความยากในการตามจับธุรกรรมเหล่านี้คือ เหล่าเศรษฐีเงินเทามักมีเงินจ้างเหล่านักการเงินและนักกฎหมาย ที่รับดำเนินการธุรกรรมสีเทาอย่างเป็นล่ำเป็นสัน การซ่อนตัวอยู่เบื้องหลังกองทัพมืออาชีพเช่นนี้เอง ที่ทำให้สื่อมวลชนหรือนักวิชาการอิสระไม่กล้าแตะต้อง เพราะหลายครั้งมักนำไปสู่คดีความและสารพัดเรื่องยุ่งยาก ส่วนหน่วยงานภาครัฐในประเทศกำลังพัฒนาเอง ก็ไม่มีศักยภาพหรือเขี้ยวเล็บพอที่จะจัดการกับขบวนการดังกล่าว
ก้าวแรกในการเปิดโปงขบวนการฟอกเงินและปกป้องผลประโยชน์ของนักลงทุนรายย่อยในตลาดทุนไทยคือ การบังคับให้เปิดเผยผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง (Ultimate Beneficial Owner) อย่างจริงจัง เพื่อให้เห็นว่า ‘บุคคล’ ที่มีอำนาจควบคุมปลายทางของเหล่ากองทุนและบัญชีนอมินีทั้งหลาย ที่เข้ามากว้านซื้อหุ้นบริษัทที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ของไทยคือใคร เกี่ยวโยงกันหรือไม่ และเป็น ‘นายหน้า’ ของใครกันแน่
เอกสารประกอบการเขียน
Hide-and-Seek: Layering Illicit Funds Via Securities Trading in the Market
Private Equity and Hedge Funds: Methods of Choice for Money Laundering Threat Actors
Assessing and reducing the risk of Money Laundering Through the Markets (MLTM)
Money Laundering Techniques in The Investment Sector
Money Laundering and Terrorist Financing in the Securities Sector
Tags: shell company, การฟอกเงิน, บัญชีนอมินี, กองทุนเฮดจ์ฟันด์, บริษัทเปลือก, ฟอกเงิน 101, เศรษฐศาสตร์, เงินสกปรก, ตลาดทุน, เงินเทา, ฟอกเงิน, ฟอกเงินผ่านตลาดทุน, Economic Crunch, ฟอกเงินตลาดทุน