วันนี้ (25 กันยายน 2568) กาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พร้อมด้วย กิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการ รฟม.และตัวแทนจากกิจการร่วมค้า CKST-PL ผู้ก่อสร้างตามสัญญา 1 โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูณระ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) แถลงความคืบหน้าเหตุ ‘หลุบยุบ’ บริเวณหน้าโรงพยาบาลวิชรพยาบาล ถนนสามเสน พร้อมทั้งแนวทางการดำเนินการเพื่อเยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้น

กาจผจญเล่าลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า เมื่อช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. ของเมื่อวานนี้ ประชาชนเริ่มพบเห็นว่า มีการต่างระดับของถนน และหลังจากนี้ประมาณครึ่งชั่วโมง เริ่มมีน้ำเอ่อล้นขึ้นมา ทำให้ตำรวจจราจรสั่งปิดเลนจราจร 1 เลน ทั้งนี้ทางโครงการก่อสร้างติดต่อไปยังการประปานครหลวง เนื่องจากคาดว่า เกิดจากการรั่วไหลของท่อประปาที่อยู่ใต้ดิน

หลังจากนั้นเวลาประมาณ 07.00 น. เหตุการณ์พังทลายก็เกิดขึ้น โดยกาจผจญสันนิษฐานว่า เกิดจากสภาพของดินในบริเวณดังกล่าวรวมตัวกับน้ำที่อยู่ใต้ดิน ทำให้สภาพของดินเปลี่ยนแปลงไปจึงเกิดการ ‘ทรุดตัว’ ทำให้ท่อน้ำประปาและท่อระบายน้ำเสียชำรุด ทำให้ของเหลวปนเข้าไปในดินที่เสียสภาพไปแล้ว ยิ่งเสียสภาพมากขึ้นไปอีก

กาจผจญอธิบายต่อว่า ดินที่ถูกเปลี่ยนสภาพเป็นของเหลวไหลเข้าสู่ช่องว่างระหว่างอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้าและสถานี ด้วยแรงดันขนาดมหาศาลของดินและน้ำทำให้รูช่องว่างเริ่มขยายตัวมากขึ้น ก่อนที่จะเกิดการพังทลายลงมา

ผู้ว่าการ รฟม.ขอเรียนว่า การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า รฟม.ดำเนินการมากว่า 10 ปีด้วยเทคนิคที่เป็นมาตรฐานตามหลักวิชาการ มีผู้ออกแบบ ผู้รับจ้างก่อสร้าง ตลอดจนผู้รับสัมปทานที่เป็นมืออาชีพมาโดยตลอด อย่างไรก็ตามเหตุการณที่เกิดขึ้นเป็น ‘เหตุการณ์ครั้งแรก’ หลังจากนี้ทางกระทรวงคมนาคม รฟม. ผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม จะร่วมหารือเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุเช่นนี้ขึ้นอีก

สำหรับมาตรการดำเนินการแก้ไข กาจผจญระบุว่า จะแบ่งออกเป็น 2 ระยะด้วยกัน โดยในระยะแรกจะ ‘เร่งคืนพื้นที่’ โดยสถานการณ์ปัจจุบัน สภาพของดินมีความเสถียรพอสมควร อาจจะมีการสไลด์ได้อีกเล็กน้อย ทาง รฟม.จะเริ่มอุดรูรั่วระหว่างอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้ากับสถานี โดยใช้กระสอบทราย 5 หมื่นลูก 

หลังจากนั้นถมด้วยซีเมนต์ผสมก่อนจะกลบด้วยดินหรือทราย เพื่อให้พื้นผิวกลับมาอยู่ในสภาพปกติและสามารถทำผิวถนนชั่วคราว เพื่อให้การสัญจรเกิดขึ้นโดยเร็วได้ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์

ขณะที่ระยะที่ 2 จะเป็นการซ่อมแซมอุโมงค์ทางวิ่งรถไฟฟ้าและตัวสถานีให้กลับมาทำงานปกติ ซึ่งในขั้นตอนนี้ทาง รฟม. ผู้รับจ้างการก่อสร้าง และผู้เชี่ยวชาญ จะลงรายละเอียดและวิเคราะห์อีกครั้ง พร้อมกันนั้นในระยะนี้จะดำเนินการซ่อมแซมอาคารใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบด้วย

“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รฟม.กราบขออภัยทั้งผู้ใช้บริการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ผู้อยู่อาศัย และผู้ที่สัญจรถนนสามเสนทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด รฟม.จะเร่งรัดเพื่อแก้ไขทั้งระยะที่ 1 โดยเร็วที่สุด การดูแลผู้ได้รับผลกระทบ รฟม.และผู้รับจ้างจะดูแลทั้งหมด” กาจผจญกล่าว

สำหรับเหตุการณ์ความกังวลที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าประมาณ 08.30 น.ที่ผ่านมา บริเวณหน้าบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ถนนสามเสน ที่ประชาชนพบว่า เริ่มมีน้ำเอ่อขึ้นมาบนผิวถนน ผู้ว่าการ รฟม.กล่าวว่า ได้เข้าไปตรวจสอบเรียบร้อยแล้วพบว่า ท่อประปาย่อยขนาด 40 เซนติเมตรมีการรั่วไหล อย่างไรก็ตามการประปานครหลวงลดแรงดันน้ำเรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าไม่มีความเสี่ยง เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวอยู่ระหว่างสถานี 2 สถานี

นอกจากนั้นเพื่อความปลอดภัย กาจผจญเปิดเผยว่า พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กำชับมายัง รฟม.ให้ตรวจสอบงานก่อสร้างทั้งหมด ตลอดจนทบทวนแผนการก่อสร้าง แบบการก่อสร้าง ลำดับขั้นตอน และความปลอดภัยทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว

Tags: , , , ,