รัฐบาลนี้ไม่มี ‘พรรคร่วมฯ’ ไม่กลัวพรรคอื่นได้คะแนนมากกว่า ‘อนุทิน’ เผย อะไรได้ประโยชน์ พร้อมทำทันที

วันนี้ (22 กันยายน 2568) ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กรุงเทพฯ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เข้าร่วมงานแถลงผลการศึกษาเพื่อสนับสนุนยุทธศาสตร์ชาติ นักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 67 

ตอนหนึ่ง อนุทินกล่าวถึงภารกิจของรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน คือเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ต้องมีคำตอบและผลลัพธ์ให้ประเทศไทย จงไม่สูญเสียไปมากกว่าบุคคลากรที่เสียชีวิตไป 

สำหรับการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา อนุทินกล่าวต่อว่า จะต้องทำให้สำเร็จภายในระยะเวลา 4 เดือน หากทำไม่ได้ประชาชนจะไม่ยอม ดังนั้นจะต้องขอความร่วมมือ ทั้งจากฝ่ายเหล่าทัพ ข้าราชการ ภาคเอกชน ตลอดจนประชาชน ในการแก้ไขปัญหา

“วันนี้รัฐบาลได้ พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 มาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยความที่พลโทอดุลย์เรียนรุ่นเดียวกับผู้บัญชาการทหารบก แม่ทัพภาคที่ 2 ตนเชื่อว่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการแก้ไขปัญหาไทย-กัมพูชา คลายความกังวลต่างๆ ออกไปได้

ขณะเดียวกันโจทย์ทางเศรษฐกิจ นายกฯ ระบุว่า จะต้องแก้ไขแบบ Quick-Big Win ที่จะต้องแก้ไขให้รวดเร็วและใหญ่ เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่เอาโอกาสให้เป็นประโยชน์ ในเมื่อเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ดังนั้นจะไม่มีคำว่า ‘พรรคร่วมฯ’ จะไม่มีคำว่า กลัวว่าพรรคนี้ได้จะคะแนนเสียงดีกว่าแล้วรัฐบาลไม่สนับสนุน ทุกอย่างที่เป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชนจะถือว่าเป็น Big Win ของประเทศ

สิ่งที่รัฐบาลจะทำต้องเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ส่งเสริมให้มีการลงทุน เพื่อให้คนมีงานทำและเสียภาษีให้รัฐ เพื่อให้รัฐนำเม็ดเงินดังกล่าวไปดูแลประชาชนต่อไป 

อนุทินกล่าวย้ำว่า สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำไม่ใช่ ‘รัฐสวัสดิการ’ ที่ให้ประชาชนหมดทุกอย่าง รัฐบาลที่จะเข้ามานี้จะทำโครงการคนละครึ่ง ซึ่งเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์กับประชาชน โดยรัฐบาลจะใช้ชื่อว่า ‘คนละครึ่งพลัส’ เพื่อสร้างแรงจูงใจที่ิอยู่ในระบบภาษี อาจจะเป็นรูปแบบการจ่ายแบบ 60:40 (รัฐ:ประชาชน)

“ผมมั่นใจว่า การกระตุ้นทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นได้โดยเร็ว เพราะรัฐบาลผมคงมีเวลาไม่มาก แต่เราต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ค้างท่ออยู่ เร่งให้เราสามารถกระตุ้นปัจจัยทั้งหลายให้เกิดขึ้นโดยเร็วเท่าที่เวลาที่เรามีอยู่”

ทั้งนี้อนุทินถือเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 7 ที่จบหลักสูตร วปอ. ตามหลัง จอมพล ถนอม กิตติขจร ศิษย์เก่า วปอ.รุ่น 1, พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ศิษย์เก่า วปอ.รุ่น 9, พลเอก เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ศิษย์เก่า วปอ.รุ่น 5, พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ ศิษย์เก่า วปอ.รุ่น 36, สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ศิษย์เก่า วปอ.รุ่น 38 และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ศิษย์เก่า วปอ.รุ่น 50 โดยอนุทินจบ วปอ.รุ่น 61