“ข้อเสนอของพรรคประชาชน เรารับหมด” ภูมิธรรมขนพรรคร่วมเยือนพรรคส้ม ขอเสียงสนับสนุนตั้งรัฐบาล

วันนี้ (31 สิงหาคม 2568) ที่พรรคประชาชน ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำแกนนำพรรคเพื่อไทย ได้แก่ สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรค, ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค, จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค, จิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรคประชาชาติ แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา เข้าหารือกับ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และ ศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค

ภูมิธรรมแถลงข่าวตอนหนึ่งภายหลังหารือว่า วันนี้ได้มาคุยกับพรรคประชาชน เพราะพรรคประชาชนมีข้อเสนอที่สำคัญที่อยากเสนอ โดยหากใครรับข้อเสนอ พรรคประชาชนก็พร้อมผลักดันให้เป็นนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี

“วันนี้พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดได้มานำเสนอ ได้มีการพูดคุยกัน ในข้อเสนอพรรคประชาชน เรารับหมด พร้อมปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้น”

ส่วนข้อเสนออื่นๆ ที่พรรคเพื่อไทยเสริม ภูมิธรรมระบุว่า หลายข้อเป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ที่ต้องเดินหน้าต่อไป รวมถึงคดีต่างๆ ก็จะดำเนินต่อไปทั้งหมด

ภูมิธรรมยังกล่าวด้วยว่า ภายหลังรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ พรรคประชาชนระบุว่า จะนำข้อเสนอไปพิจารณาต่อไป โดยขณะนี้ พรรคประชาชนเองยังไม่รับปากว่าจะยกมือให้ใคร และในพรรคประชาชนเองยังต้องรับฟังหลายภาคส่วน และรับฟังให้มากที่สุด โดยขณะนี้รับทราบว่าในวันที่ 1 กันยายน 2568 พรรคประชาชนจะประชุมในเรื่องนี้ก่อนตัดสินใจ

สำหรับวาระที่สำคัญที่สุดขณะนี้ ภูมิธรรมกล่าวว่า หากทางฝั่งพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลขึ้นมา เรื่องสำคัญที่สุดคือเรื่องรัฐธรรมนูญ การจัดการกติกาการเมืองใหม่ให้เป็นประสิทธิภาพมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม เรื่องอื่นๆ ยังเป็นเรื่องของกระบวนการและรายละเอียด

ขณะเดียวกัน ภูมิธรรมยังระบุด้วยว่า การที่มีพรรคร่วมรัฐบาลเดิมเข้ามาเจรจาด้วยกันทั้งหมดสะท้อนให้เห็นความเป็น ‘เอกภาพ’ ในพรรคร่วมรัฐบาลเดิม โดยในวันนี้ พรรคร่วมรัฐบาลเดิมทั้งหมดส่งแกนนำเข้าหารือกับพรรคประชาชน ขาดเพียงพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่ง เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค มีภารกิจต้องไปพบแพทย์

สำหรับรายละเอียดข้อเสนอของพรรคประชาชนที่พรรคเพื่อไทยรับ และได้ประกาศต่อสาธารณชนเช้านี้ มีทั้งสิ้น 4 ข้อ ได้แก่

1. รัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่ตั้งขึ้นจากข้อตกลงนี้ จะยุบสภาภายใน 4 เดือนนับจากวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา และหากกระบวนการตามเงื่อนไขบรรลุผลก่อนกำหนดเวลา รัฐบาลจะยุบสภาทันที

2. การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะตั้งคำถามเรื่องเห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยใช้รัฐธรรมนูญฉบับประชาธิปไตย พ.ศ.2540 เป็นร่างหลักหรือไม่ เพื่อกระชับเวลาในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

3. ในการทำประชามติครั้งเดียวกัน จะตั้งคำถามเรื่องการคงไว้หรือยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 เพื่อหาข้อยุติและลดความขัดแย้งภายในประเทศ

4. รัฐบาลชุดนี้จะร่วมมือกับพรรคประชาชนและทุกฝ่าย เร่งดำเนินการคดีฮั้ว สว. และคดีที่ดินเขากระโดง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญและอยู่ในความสนใจของประชาชน ตามกฎหมายและหลักนิติธรรมอย่างตรงไปตรงมา