สิ่งที่ปรากฏชัดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา งานด้านซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาลเริ่มมีความคืบหน้ามากขึ้นตามลำดับในช่วงเวลาของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยมี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะมาตั้งแต่ต้น ยกระดับ ‘วัฒนธรรมสร้างสรรค์’ ไปสู่การตั้งคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ดึงกระทรวงที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานด้วยกัน 

หนึ่งในคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ที่มีมากถึง 14 ด้าน คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้านภาพยนตร์ดูจะเป็นกลไกที่คึกคักในลำดับต้นๆ โดยมี คุณชายอดัม-หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล เป็นหัวเรือใหญ่ ซึ่งเหตุสำคัญที่มีความคืบหน้ามากที่สุด เพราะอุตสาหกรรมภาพยนตร์มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว มีการรวมตัวกันเองเป็นประจำ และเมื่อรัฐบาลยื่นดาบให้ จึงได้นำเสียงที่เก็บเงียบมานอนส่งต่อไปยังรัฐบาล และนำข้อเสนอเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ไปจัดทำเป็นนโยบายได้หลายระดับ

ข้อเสนอจากคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ภาพยนตร์ถูกปรับให้เป็น ‘นโยบาย’ แก้กฎระเบียบ แก้ข้อกฎหมายได้ทันที ด้านภาพยนตร์ ที่มีการรวมตัวอย่างเข้มแข็งที่สุด มีการประกาศเพิ่มสัดส่วนเอกชนในคณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ชุดใหม่ จากเดิมที่เป็นคนของฝ่ายรัฐมากกว่าเอกชน เป็น ‘เอกชน’ นำหน้า

ฉะนั้นภาพยนตร์หลายเรื่องที่มีข้อจำกัดในการสร้างว่าด้วยเรื่อง ‘ศีลธรรมอันดี’ ตอนนี้ กลายเป็นแหลมคม-ก้าวหน้ามากขึ้น หรือการประกาศเพิ่มมาตรการคืนเงิน (Cash Rebate) ให้กับกองถ่ายภาพยนตร์ต่างประเทศ มากกว่า 30% ซึ่งทำให้ซีรีส์ดังๆ อย่าง The White Lotus Season 3, Alien Earth หรือหนังดังอย่าง Jurassic World: Rebirth ต่างเข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ด้วยนโยบายที่รัฐสนับสนุน 

เพราะในแง่หนึ่ง การที่มีกองถ่ายระดับโลกมาใช้สถานที่ในประเทศไทย นอกจากเกิดการจ้างงาน-เกิดตำแหน่งงานใหม่ๆ รวมถึงพาสถานที่ท่องเที่ยว พาโลเคชันไทยไปให้โลกเห็นมากขึ้น ยังทำให้กองถ่ายไทยได้เรียนรู้วิธีการทำงานระดับโลกมากขึ้น สร้างคอนเนกชันกับผู้สร้างหนังระดับโลก ส่งคนไทยออกไปเติบโตในตลาดโลกได้เช่นกัน

นอกจากหนังต่างประเทศจะเข้ามาในไทยแล้ว คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้านภาพยนตร์ยังช่วยพาหนังไทยออกไปในตลาดโลกได้ไกลมากขึ้น ไม่นานมานี้ เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ นักแสดง-ผู้สร้างภาพยนตร์ เพิ่งกล่าวขอบคุณกระทรวงวัฒนธรรมและรัฐบาล ที่สนับสนุนงบประมาณ ขานรับข้อเสนอของอุตสาหกรรม 

ขณะเดียวกัน ข้อเสนอของหลากอุตสาหกรรมกำลังยกระดับเป็น ‘ร่างกฎหมาย’ ไม่ว่าจะเป็นร่างพระราชบัญญัติอุตสาหกรรมเกม (แยกจากร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ จากที่เคยอยู่ร่วมกัน) ร่างพระราชบัญญัติภาพยนตร์ฉบับใหม่ เปิดช่องให้เอกชนควบคุมกันเองเต็มรูปแบบ โดยเฉพาะการ‘เซ็นเซอร์’ และการจัดเรตติงหนัง รวมถึงเปิดช่องให้โรงภาพยนตร์สามารถเปิดได้ง่ายขึ้น ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตหลายขั้นตอน 

ที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือบทบาทของสำนักงานส่งเสริมวัฒนธรรมสร้างสรรค์ หรือ THACCA ที่ร่วมสนับสนุนหนังไทยหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เดอะสโตน พระแท้ คนเก๊ ของเป้ อารักษ์, ซองแดงแต่งผี, ท่าแร่ รวมถึงซีรีส์อีกหลายเรื่อง และซีรีส์วายอย่าง ฉันนี่แหละท่านขุนที่สวยที่สุด บทภาพยนตร์ไทย หนังสั้น แอนิเมชัน และสารคดี อีกหลายๆ เรื่องภายใต้กรอบวงเงิน 220 ล้านบาท

และหากคุณรู้สึกว่าบทภาพยนตร์ไทย ซีรีส์ไทย และละครไทย ซ้ำซากจำเจ THACCA ยังสนับสนุนการทำงานเชิงความคิด ด้วยการสร้างระบบ Writer’s Room จัดเวิร์กช็อปการเขียนบทคอนเทนต์ พัฒนาบท ให้คนเขียนบทระดมสมองหาแนวคิดใหม่ๆ หาวิธีเล่าเรื่องใหม่ๆ ทำงานเป็นทีม เพื่อสู้กับซีรีส์ต่างชาติที่เป็นผู้นำด้าน Soft Power ไปก่อนหน้านี้

กระทั่ง Creative Lab ให้บรรดาทีมโปรดักชันได้เรียนรู้เทคนิคการเล่าเรื่องใหม่ๆ เทคโนโลยีใหม่ และใช้เป็นพื้นที่พัฒนาโครงการ พัฒนาไอเดียตั้งแต่เริ่มแรก จนถึงการทำเดโมขายโครงการให้ผู้สนใจลงทุนต่อ ด้วยวิธีนี้จะทำให้มีผู้เล่นหน้าใหม่ก้าวเข้าสู่วงการมากขึ้น ไม่ได้จำกัดเพียงค่ายหนัง-ผู้สร้างไม่กี่ค่ายแบบเดิม

“ภาพยนตร์ไทยคือเวทีที่เราจะเล่าเรื่องของเราให้โลกฟัง เราจะสนับสนุนคนทำหนังไทยให้กล้าฝันและกล้าสร้าง ผ่านพื้นที่ทดลองอย่าง Writer’s Room และ Creative lab ด้วยการสนับสนุนเทคโนโลยีเพื่อสร้างหนังไทยที่มีเอกลักษณ์ ให้ต่างชาติเข้าใจความบันเทิงแบบไทย” แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวบนเวที THACCA Splash เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา

ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลยังเตรียมจัดงาน ‘เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพฯ’ (Bangkok International Film Festival) ซึ่งว่างเว้นไปนานหลายปี ให้กลับมาใหม่อีกครั้ง และปั้นให้เป็นเทศกาลภาพยนตร์สำคัญของโลก สร้างตลาดการซื้อขายภาพยนตร์นานาชาติที่กรุงเทพฯ โดยจะกลับมาใหม่อีกครั้งในงาน Bangkok International Film Festival 2026

หากเดินต่อในจังหวะนี้ ภาพยนตร์-คอนเทนต์ไทยได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ มีแววว่าหนังไทยจะไปได้ไกลขึ้น บุคลากรไทยจะมีความสามารถมากขึ้น รอเวลาอีกสักระยะจะได้ออกไปเฉิดฉาย โชว์ศักยภาพไทยในเวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ

Tags: , , , , ,