ในยุคที่ผู้คนส่งของหรือจดหมายผ่านตัวกลางอย่างไปรษณีย์ สิ่งแรกที่เราจะนึกถึงคงหนีไม่พ้น ‘แสตมป์ไปรษณีย์’ ตัวช่วยเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยคุณค่าและอยู่คู่ผู้คนมานาน ใช้เพื่อเป็นหลักฐานการชำระเงินค่าบริการไปรษณีย์ แบ่งตามน้ำหนัก ประเภท และระยะทาง โดยแสตมป์แต่ละดวงต่างมีเรื่องราวของตัวเอง
นอกเหนือจากการใช้งาน แสตมป์ยังมีลวดลายและเรื่องราวของยุคสมัย ทำให้ใครหลายคนเลือกเก็บสะสมเอาไว้เพราะมองเห็นถึงคุณค่าทางจิตใจ เช่นเดียวกับ โชติช่วง สัจจแพรวพันธ์ ที่เริ่มเก็บสะสมแสตมป์ตั้งแต่วัยหนุ่ม ก่อนที่นักสะสมรายนี้จะมองเห็นโอกาสและหันมาเปิดร้านรับซื้อ-ขายแสตมป์ในชื่อ ‘เล้งแสตมป์’ มานาน 50 กว่าปี
The Momentum พาผู้อ่านเดินไปตามถนนเจริญกรุง แวะชมร้านเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางศิลปะ เรื่องราว และประวัติศาสตร์ ผ่านแสตมป์ดวงเล็กๆ ในร้านเล้งแสตมป์
ภายนอกของเล้งแสตมป์ดูคล้ายกับร้านจำหน่ายของสินค้าทั่วไปบนถนนเจริญกรุง ร้านอยู่ในอาคารเก่าที่ไม่ได้ตกแต่งให้ดูหวือหวาเหมือนกับร้านค้าสมัยใหม่ แต่สิ่งที่ดึงดูดผู้คนโดยเฉพาะนักสะสมให้เดินทางมายังพื้นที่นี้คือ สิ่งที่อยู่ภายในอย่าง ‘แสตมป์’ ที่จัดวางแยกตามช่วงเวลาที่ผลิตเอาไว้อย่างดีโดยเจ้าของร้านอย่างโชติช่วง
“ชื่อร้านนี้ตั้งตามชื่อเล่นของผมเลย ครั้งแรกที่เปิดร้านแสตมป์ขึ้นมาคือปี 2512 ช่วงนั้นยังไปตั้งโต๊ะขายอยู่แถวเยาวราช หลังเลิกจากงานประจำจึงมาขายแสตมป์ต่อในช่วงตอนเย็นตั้งแต่ 6 โมงเย็นถึง 3 ทุ่ม ช่วงนั้นยังหนุ่มๆ เลยเป็นพ่อค้าได้ถึงดึก”
โชติช่วงเล่าต่อว่า เหตุผลที่ทำให้เขาเข้ามาอยู่ในวงการนักสะสมแสตมป์อย่างจริงจัง มาจาก “เห็นว่าเขาสะสมกันแล้วสามารถขายได้เลยหันมาทำตามเป็นงานอดิเรก” จนสุดท้ายแสตมป์ดวงแรกๆ ที่ได้มาผลิตขึ้นในปี 2500 หรือราว 68 ปีก่อน ด้วยการซื้อมาจากนักสะสมแสตมป์คนอื่นๆ เพื่อเก็บสะสมไว้ชั่วคราว และขายไปเมื่อมีลูกค้าขอซื้อ
แสตมป์ชุดโสฬส รูปพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผินพระพักตร์เบื้องซ้ายในกรอบรูปไข่ ซึ่งเป็นแสตมป์ชุดแรกในรัชกาลที่ 5 จำหน่ายวันแรกวันที่ 4 สิงหาคม 2426 หรือเมื่อราว 140 กว่าปีก่อน รักษาไว้ในสภาพดี จัดเก็บอย่างพิถีพิถัน เพื่อเตรียมจำหน่ายในราคาชุดละหลักพันบาท
ณ วันนี้มูลค่าของแสตมป์ที่เก็บสะสมในร้าน ขึ้นอยู่กับตำหนิของแต่ละดวงและระยะเวลาที่ผลิตครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน ที่สำคัญและทำให้แสตมป์มีราคาสูงคือ จำนวนที่ยังหลงเหลืออยู่ในตลาด หากแสตมป์ชุดใดผลิตออกมาน้อยและกลายเป็นของหายากมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ราคาจำหน่ายสูงขึ้นตามไปด้วย
เรื่องเล่าผ่านแสตมป์เก่าที่ยังมีชีวิต
“เราเก็บสะสมเอาไว้ เพราะรู้ดีว่า วันหนึ่งราคาของเหล่านี้จะมีคุณค่ามากขึ้น ยิ่งเป็นแสตมป์รุ่นเก่าที่สมัยก่อนราคาหลัก 10 บาทต่อชุด เดี๋ยวนี้หายากราคาก็ขึ้นไปเป็นแสน”
โดยเฉพาะแสตมป์ที่ไปรษณีย์สยามสั่งผลิตในปี 2440 เป็นรูปพระบรมสาทิสลักษณ์รัชกาลที่ 5 แต่ไม่ได้มีการประกาศใช้ เนื่องจากรัชกาลที่ 5 ไม่ทรงโปรดเกล้าฯ ลงมาด้วยเหตุที่พระบรมสาทิสลักษณ์บนแสตมป์ไม่ตรงกับพระราชประสงค์ เป็นที่มาของชื่อชุด ‘พระพักตร์เพี้ยน’ โดยถูกเก็บเอาไว้ที่กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ แต่เกิดความผิดพลาดเมื่อมีการจำหน่ายแสตมป์ออกไปใน 3 พื้นที่คือ พระตะบอง โคราช และภูเก็ต หลังทางการทราบจึงสั่งหยุดจำหน่ายและเรียกแสตมป์ที่เหลือคืน ก่อนนำมาเผาทำลาย
ในวันนี้แสตมป์ชุดดังกล่าวที่รอดพ้นจากการถูกเรียกคืนก่อนถูกเผา เก็บเอาไว้อย่างดีในทำเนียบของร้านเล้งแสตมป์ และจำหน่ายในราคาสูงถึง 2 แสนบาท
และไม่ใช่แค่ของเก่าหายาก แต่ที่เล้งแสตมป์ยังเต็มไปด้วยแสตมป์จากทั่วโลกกว่า 100 ประเทศที่จัดเรียงไว้ในสมุดทำเนียบเล่มหนาของร้าน “ต่างชาติเขาสะสมแสตมป์รุ่นเก่าๆ กันเยอะ โดยเฉพาะคนเยอรมัน อังกฤษ อเมริกัน เพราะมีราคาแพง สมัยก่อนบางรุ่นเราซื้อมา 40 บาท แต่วันนี้มูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ”
นอกจากตีตั๋วเครื่องบินไปซื้อแสตมป์จากต่างประเทศมาเก็บไว้ในร้าน สาเหตุที่เล้งแสตมป์มีแสตมป์จากเมืองนอกมากมาย มาจากการที่ชาวต่างชาตินำแสตมป์ในประเทศของตนมาขายให้กับร้าน เช่น ญี่ปุ่นก็มักมาพร้อมแสตมป์ลายการ์ตูน อังกฤษมีลายราชวงศ์หรือสถานที่ท่องเที่ยว โดยส่วนมากแต่ละประเทศจะใช้อัตลักษณ์ของประเทศตนเองมาพิมพ์เป็นรูปบนหน้าแสตมป์เป็น ‘Soft Power’ ที่ผู้คนจะนึกถึงเมื่อพูดชื่อประเทศหนึ่งขึ้นมา
“เราก็จะให้ราคาตามสภาพแสตมป์ บางดวงที่เขาเอามาขายอายุเป็นร้อยปีแล้ว แสตมป์ของยุโรปหรือประเทศแถบสแกนดิเนเวียส่วนใหญ่จะสวยหมด เพราะการเก็บรักษาและอากาศที่ดีทำให้แสตมป์ไม่ค่อยเสียหาย”
การเก็บรักษานั้นยากไม่แพ้การตามหาแสตมป์
นอกจากการเป็นนักสะสม อีกพาร์ตของโชติช่วงคือ ผู้เชี่ยวชาญในการเก็บรักษาแสตมป์ เขาเล่าว่า ประเทศไทยมีสภาพอากาศร้อนชื้นส่งผลให้ลวดลายของหน้าแสตมป์มีสีซีดจางลง ขณะที่ต่างประเทศมีสภาพอากาศหนาวเย็น สีของหน้าแสตมป์จึงยังเป็นสีสดสวยงาม ทั้งนี้เจ้าของร้านไม่สามารถย้ายไปเปิดร้านจำหน่ายแสตมป์ในประเทศที่หนาวเย็นได้ในตอนนี้ การเก็บรักษาแสตมป์ในไทยจึงต้องพึ่งพาการเก็บไว้ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ สอดใส่ไว้ในแฟ้มป้องกันความชื้น และไม่จับแสตมป์ด้วยมือเปล่า เนื่องจากมีเหงื่ออาจทำให้แสตมป์เกิดคราบได้เมื่อเวลาผ่านไป และจะทำให้เสียราคา
“แสตมป์ปลอมก็เหมือนกัน ปกติตัวแสตมป์จะไม่ปลอม แต่ตราประทับหน้าดวงแสตมป์สามารถปลอมได้ โดยการปั๊มตราในช่วงหลังที่ผ่านมานานแล้ว จึงเรียกว่าเป็นของปลอม”
ความรู้ทั้งหมดทั้งมวลของโชติช่วง มีที่มาจากประสบการณ์ในการออกเดินทางไปจำหน่ายและรับซื้อแสตมป์ตามพื้นที่ต่างๆ ในช่วงที่การค้าขายและการสะสมแสตมป์ยังคงได้รับความนิยมราวปี 2530 มักมีการจัดงานแสตมป์ขึ้นโดยไปรษณีย์ไทยเป็นเจ้าภาพตระเวนไปตามจังหวัดต่างๆ เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี และกรุงเทพฯ ทำให้เขารู้ว่าแสตมป์แบบใดปลอมตราประทับ
ที่สำคัญเมื่อแสตมป์ยังเป็นสินค้าเนื้อหอมเป็นที่ต้องการของคนยุค 90s เพราะเป็นของมูลค่า จึงเป็นไปได้ว่า จะเกิดการขโมยแสตมป์กันในที่จำหน่ายโดยอาศัยจังหวะชุลมุน
“บางทีเราเอาวางขายไว้ด้านหน้า เขามายกหนีไปเลยอาศัยช่วงชุลมุน ตอนไปเปิดบูทขายในงานแสตมป์โลกที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เมื่อปี 2536 เลยแก้ปัญหาด้วยการทำแผงลอยๆ แล้วจดเบอร์ของแสตมป์แต่ละชุดไว้ ใครอยากได้ชุดไหนก็จดรหัสให้กับเรา เราจะเป็นคนไปหยิบมาให้”
แสตมป์ในยุคเปลี่ยนผ่าน
อย่างไรก็ตามในวันที่การส่งพัสดุปัจจุบันไม่มีความจำเป็นต้องใช้แสตมป์แล้ว หากใช้บริการของเอกชน ความนิยมในการสะสมแสตมป์จึงเริ่มลดลง เจ้าของร้านเล้งแสตมป์ยังคงยืนหยัดในความเป็นนักสะสมของตนเอง และเดินหน้าเปิดร้านแสตมป์ต่อไป ด้วยมองว่า แสตมป์ไม่ได้มีคุณค่าแค่ความสวยงาม แต่เป็นเสมือนสิ่งของที่ผ่านกาลเวลาและเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์
“เมื่อก่อนเด็กจะรู้จักกับแสตมป์เยอะ เพราะว่าครูเขาจะมีงานอดิเรกให้เด็กนักเรียนไปสะสมแสตมป์มาเล่มหนึ่ง เด็กก็จะเข้ามาถามที่ร้านเรามีแสตมป์แบบไหนแนะนำไหม ผมจะเอาทำเป็นเล่มๆ แล้วเอาไปส่งครู สมัยนั้นจะมีแบบนั้น เด็กเลยมาเยอะมาก แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเลย ครูไม่ได้มีงานแบบนี้ให้ทำเพราะมีมือถือเข้ามาแทนที่ เด็กสมัยนี้เขาอาจจะไม่รู้จักแสตมป์กันแล้ว
“แต่การสะสมแสตมป์ยังไม่หายไปหรอก ต่างประเทศเขายังคงสะสมกันอยู่มาก อาจจะเงียบเหงาลงไปบ้าง แต่อย่างไรแล้วก็ไม่ถึงขนาดหายไปอย่างแน่นอน”
Fact Box
- ‘เล้งแสตมป์’ ตั้งอยู่ริมถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ