ผ่านสิ้นปีไปอีกปี ฤดูกาลของการตั้ง New Year’s Resolution หรือปณิธานแห่งปีใหม่ก็กลับมาอีกครั้ง ในปีใหม่ทุกคนอยากเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิม เก่งขึ้นกว่าเดิม เก็บเงินได้มากกว่าเดิม สุขภาพดีกว่าเดิม ดูแลคนรักได้มากกว่าเดิม ฯลฯ เมื่อโพสต์ไปแล้ว เพื่อนในโลกออนไลน์ก็อาจเข้ามาชื่นชม กดหัวใจสนับสนุน แชร์ต่อ หรือใช้ปณิธานเหล่านี้มาสะท้อนตัวเอง ย้อนมองดูตัวเอง แล้วโพสต์บ้าง
แน่นอนว่าในโลกของความเป็นจริง เราไม่อาจทำตามปณิธานที่ตั้งไว้ทุกข้อ ในโลกที่ระบบเศรษฐกิจผันผวน การหาเงิน เก็บเงิน และวางแผนการเงินในระยะยาว ไม่ได้เป็นเรื่องง่ายดายนัก ขณะที่เรื่องสุขภาพ เป็นต้นว่า งดหมูกระทะ งดเบียร์ ก็อาจเป็นเรื่องยาก เมื่องานเครียดขึ้น เมื่อเพื่อนเรียกร้อง แล้วใครมันจะไปอดใจไหว
ผลสำรวจเมื่อปี 2023 จากมหาวิทยาลัยโอไฮโอสเตต (The Ohio State University) ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า มีชาวอเมริกันเพียง 9% เท่านั้นที่ทำตามเป้าได้ทั้งหมด กว่า 23% เลิกล้มปณิธานนั้นกลางคัน และมากกว่า 43% เลิกล้มตั้งแต่สิ้นเดือนมกราคม
แต่ครั้นจะไม่ตั้งปณิธานอะไรเลย ชีวิตก็ดูจะไร้เป้าหมาย คำถามก็คือ แล้วเราควรตั้ง ‘ปณิธาน’ เหล่านี้อย่างไร ให้ตรงกับความเป็นจริง ให้เป็นไปได้มากที่สุด ควรตั้งน้อยหรือควรตั้งมาก ควรตั้งสูงหรือควรตั้งแต่พอเพียง Work Tips สัปดาห์นี้หาคำตอบให้
-
ก่อนจะตั้งปณิธานต้องรู้ปัญหาและจัดลำดับความสำคัญให้ดี
ความยากก็คือปณิธานเป็นเรื่องส่วนตัว ทั้งหมดควรจะเริ่มต้นจากตัวเอง ไม่ใช่ต้องตั้งเท่ๆ ตามคนอื่นที่เขียนมายืดยาว เป็นต้นว่า ในชีวิตนี้อยากเริ่มจากอะไร และควรตั้งจาก ‘น้อย’ ฉะนั้นจัดลำดับความสำคัญให้ดีก่อน
เช่น หากรู้สึกว่าสุขภาพไม่ดี เริ่มอ้วน ใส่เสื้อผ้าก็ไม่สบาย จะลดสักกี่กิโลกรัม 3 กิโลฯ 5 กิโลฯ 10 กิโลฯ ก็ว่าไป และใส่วิธีการไปให้ถึงเป้าหมายไว้ด้วยว่า การจะไปถึงตรงนั้นต้องเริ่มอย่างไร ต้องออกกำลัง คาร์ดิโอกี่นาที หรือต้องควบคุมอาหารแบบไหน กลางวันกินอะไร เย็นกินอะไร ซึ่งจะทำให้เป้าพวกนี้เป็นจริงมากขึ้น
แต่นั่นละ หลักสำคัญก็คือเราไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่ทำทุกอย่างได้ ‘ดี’ พร้อมกันในเวลาเดียว เป็นต้นว่า ลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร พร้อมกับทำงานให้เก่งขึ้น พร้อมเลื่อนขั้นไปพร้อมๆ กัน ซึ่งจะสร้างแรงกดดัน ทำให้ทุกอย่างไม่เป็นจริงไปเสียเปล่าๆ
เอาอย่างนี้ หากธุรกิจมีเป้าหมายเป็นราย ‘ไตรมาส’ หรือทุก 3 เดือน คุณลองตั้งว่า ปีนี้จะทำอะไรโดยแบ่งเป็นไตรมาสดีไหม เผื่อทุกอย่างจะได้มีกรอบเวลาที่ชัดเจนมากขึ้น ไม่ปนกันไปหมด
-
วิธีการสำคัญพอๆ กับเส้นชัย
เป้าหมายบางอย่างเช่น อ่านหนังสือเดือนละ 2 เล่ม หรือพัฒนา ‘ทักษะ’ ใหม่ๆ เป็นเป้าที่ดี แต่สิ่งที่ดีกว่าคือการเรียนรู้ระหว่างทาง การอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นคุณจะได้ซึมซัมข้อมูล เรื่องราว และเรียนรู้โลกใหม่ๆ ผ่านตัวหนังสือ ขณะเดียวกันหนังสือ 1 เล่มอาจพาคุณหาข้อมูลต่อได้ไม่รู้จบ ขณะที่การเรียนทักษะใหม่ๆ นอกจากจะได้ทักษะนั้นประดับไว้แล้ว คุณยังได้เจอคนใหม่ๆ เจอเพื่อนใหม่ๆ แล้วนำทักษะนั้นไปใช้ต่อยอด อาจทำให้คุณเก่งขึ้นในงานใดงานหนึ่ง หรืออาจทำให้คุณมีอาชีพเสริมก็เป็นได้
ขณะเดียวกันการตั้งเป้าว่าด้วยการเก็บเงินเดินทางไปต่างประเทศ จะทำให้คุณได้เจอโลกใหม่ พบประสบการณ์ใหม่ และสร้างแรงบันดาลใจให้คุณเก็บเงินไปเที่ยวต่อ หรือการ ‘เก็บเงิน’ ก็อาจทำให้คุณได้รู้จักวิธีการลงทุนอีกแบบ (ที่ไม่ใช่การซื้อหวย)
ชีวิตคน 1 คน นอกจากจะไปให้ถึงเป้าหมายแล้ว การค่อยๆ เดิน ค่อยๆ ตักตวง ค่อยๆ เรียนรู้ ล้วนเป็นเรื่องที่สนุกไม่แพ้กัน เพราะฉะนั้นอย่าลืมมองข้างทางระหว่างกวดให้ถึงเป้าหมายด้วย
-
โลกยังไม่แตก ถ้ายังไปไม่ถึงยอดเขา
อย่างที่บอกไว้ตอนต้น มีปัจจัยอีกมากที่เราควบคุมไม่ได้ เป็นต้นว่า สถานการณ์เศรษฐกิจ-การค้า เป็นต้นว่า สุขภาพของคนรอบตัว คุณพ่อ คุณแม่ คนรัก หรือเรื่องอื่นๆ ที่อาจทำให้คุณจำเป็นต้องใช้เงิน จำเป็นต้อง ‘เครียด’ มากกว่าปกติ ในโลกอันผันผวนและยุ่งเหยิง
ฉะนั้นอย่าไปสนใจว่า หากทำตามเป้าไม่ได้คุณจะกลายเป็นคนล้มเหลวตลอดชีวิต คุณจะกลายเป็นคนที่ต้องอับอายไปตลอดกาล โลกนี้ยังมีเรื่องอีกมาก มีเป้าหมายอีกมากให้คุณได้ไล่กวด หากตั้งหลักดีๆ เริ่มตั้งเป้าจากน้อยไปมาก จากเล็กไปใหญ่ กำหนดวิธีการที่เป็นไปได้จริง ก็ไม่มีอะไรที่ยากไปกว่านั้น จริงไหม?
-
ไม่จำเป็นต้องโพสต์ทุกอย่างลงโซเชียลฯ
เคยเปิดทวิตเตอร์ เปิดโซเชียลมีเดีย แล้วเจอแต่คน ‘รีวิวเงินเดือน’ ตัวเองไหม ในโลกออนไลน์ทุกคนเป็นคนรวย ในโลกโซเชียลฯ ทุกคนล้วนแล้วแต่ประสบความสำเร็จ เงินเดือนจากหมื่นห้าเป็นแปดหมื่นภายใน 3 ปี เหมือนกับยุคหนึ่งโลกในเว็บบอร์ดพันทิป ที่ทุกคนล้วนมีเงินเดือน 2-3 แสนบาทกันหมด แต่นั่นละ โลกโซเชียลฯ คุณจะโพสต์อะไรก็ได้ ไม่มีใครมาตรวจสอบ สิ่งนี้ทำให้ทุกคนอยากรวย อยากมี อยากนั่งอัลพาร์ด (Toyota Alphard) และทำให้รู้สึกว่าเงินหาได้ง่าย เพียงแค่ลงคอร์สเรียนออนไลน์… เหรอ
ประเด็นใหญ่ก็คือ ในโลกออนไลน์ไม่มีใครอยากพูดถึงความล้มเหลวของตัวเอง ทุกคนล้วนอยากแชร์ด้านที่ตัวเองประสบความสำเร็จให้คนอื่นเห็น หลายคนไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไร ก็ต้องพยายามจะประสบความสำเร็จเพื่อจะได้มีอะไรแชร์ และในโลกออนไลน์ที่ทุกคนประสบความสำเร็จกันหมด ก็ต้องข่มทับเข้าไว้ว่า ฉันประสบความสำเร็จกว่า กลายเป็นเรื่องไม่รู้จบ
New Year’s Resolution ก็เช่นกัน บางคนไม่ได้ตั้งไว้ทำตาม แต่ตั้งให้เห็นว่าตัวเองประสบความสำเร็จอย่างไร เงินเดือนเยอะแค่ไหน เปลี่ยนรถไปแล้วกี่คัน ดาวน์บ้านไปแล้วกี่หลัง รักแฟนมากขนาดไหน ฯลฯ ฉะนั้นถ้าคุณวิ่งไล่กวดคนอื่นในโลกออนไลน์ คุณจะเห็นแต่ตัวเองที่ล้มเหลว มีไม่เท่าคนอื่น เก็บเงินได้ไม่มากเท่าคนอื่น การวัดจากคนรอบข้างเป็นสิ่งดี แต่อย่ายึดโลกออนไลน์เป็นสรณะ
ขณะเดียวกันบางเรื่องอาจไม่ต้องประกาศให้คนรู้ เพราะรู้ก็มีแต่จะถูกเทียบว่า ทำไมเก็บเงินได้ ‘น้อยกว่า’ คนอื่น ทำไมทำไม่ได้มากเท่ากับคนอื่น ทำไมยอดไลก์ยอดแชร์มีแค่นี้ รังแต่จะทำให้รำคาญเปล่าๆ
เรื่องพวกนี้ไม่มีใครรู้ดีเท่าตัวเราเอง ไม่มีใครกำหนดเป้าหมายได้แม่นกว่าตัวเอง เพราะฉะนั้นเรื่องบางเรื่อง โพสต์ไปก็มีแต่จะทำให้เกิดภาวะ Toxic อยู่กับตัวเอง แชร์ให้คนรอบข้างรู้น้อยๆ ดีที่สุด
และนี่ก็คือคำแนะนำสำหรับ New Year’s Resolution สำหรับปีหน้า หวังว่าทุกคนจะได้ตั้งเป้าของตัวเอง และอ่านของเพื่อนฝูงกันอย่างมีความสุข
สวัสดีปีใหม่ทุกท่านครับ
ที่มา
https://fisher.osu.edu/blogs/leadreadtoday/why-most-new-years-resolutions-fail#:~:text=In%20fact%2C%20research%20goes%20on,by%20the%20end%20of%20January.
https://www.calm.com/blog/new-year-resolutions#:~:text=Create%20a%20routine,make%20your%20new%20habits%20stick.
Tags: สำรวจตัวเอง, ตั้งปณิธานปีใหม่, New Year’s Resolution, ปีใหม่, Work Tips, พัฒนาตัวเอง