หลายคนอาจพูดว่า ‘จังหวะชีวิต’ ของเราไม่เท่ากัน
ว่ากันว่า จังหวะชีวิตเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ คนเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า มันจะมาตอนไหน มีหน้าตาเป็นอย่างไร บางคนมีจังหวะชีวิตที่เร็ว ประสบความสำเร็จอย่างก้าวกระโดด แต่ขณะเดียวกัน บางคนมีจังหวะชีวิตที่ช้า และอาจใช้ระยะเวลานานในการรอคอย
เหมือนกับจังหวะชีวิตของผู้ชายที่ชื่อ จอง แจฮยอน (Jeong Jaehyun) ศิลปินจากวง NCT 127 ที่แม้จะเลือกใช้ชีวิตไปอย่างช้าและดื่มด่ำกับทุกช่วงเวลาอย่างละเมียดละไม แต่จังหวะชีวิตของเขามักมาพร้อมกับความสำเร็จแบบไม่ทันตั้งตัว
ย้อนกลับเมื่อ 10 ปีก่อน ‘แจฮยอน’ เปิดตัวในฐานะศิลปินฝึกหัดภายใต้ทีม SM Rookies ในปี 2013 และเปิดตัวครั้งแรกในฐานะศิลปินวง NCT ในปี 2016
ในปีเดียวกันเขาได้เดบิวต์อย่างเป็นทางการในฐานะศิลปินวง NCT 127 เจ้าของบทเพลงฮิตติดหู อย่าง Sticker, Kick It, 2 Baddies และ Fact Check
เท่านั้นยังไม่พอ ในช่วงเดือนเมษายน 2023 แจฮยอนเข้าร่วมยูนิต NCT DOJAEJUNG ร่วมกับสมาชิกอย่างโดยอง (Doyoung) และจองอู (Jungwoo) ปล่อยมินิอัลบั้มชุดแรกในเพลง Perfume ซึ่งได้รับเสียงตอบรับจากแฟนๆ อย่างล้นหลาม
ตลอดระยะเวลามากกว่า 8 ปี กับการเป็นไอดอล แจฮยอนค่อยๆ เดินตามจังหวะชีวิตของเขา ไต่ระดับความสำเร็จไปช้าๆ อย่างเข้มแข็ง
กระทั่งในปี 2024 เขาเริ่มต้นเดบิวต์ในฐานะ ‘ศิลปินเดี่ยว’ ภายใต้ชื่ออัลบั้ม J อัลบั้มที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก ตามแบบฉบับวาเลนไทน์บอย มีเพลงไตเติลอย่าง Smoke ที่ปล่อยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้ ‘จังหวะชีวิต’ ของเขาเพิ่มระดับความเร็วขึ้นไปอีกขั้น
นอกจากผลงานในวงการเพลงแล้วนั้น แจฮยอนยังได้รับโอกาสทางการแสดงกับภาพยนตร์เรื่อง You Will Die in 6 Hours ซึ่งคว้ารางวัล Korean Fantastic Audience Award ในเทศกาลหนังปูซานไปครอง
อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่เหล่า NCTzen (ชื่ออย่างเป็นทางการของแฟนคลับ) ปลาบปลื้มกับผลงานของเขามากมาย เมื่อวันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา SM Entertainment ค่ายต้นสังกัดออกประกาศข่าวที่ทำให้แฟนๆ ต่าง ‘ใจหาย’ พร้อมๆ กันว่า แจฮยอนจะเข้ารับราชการทางทหารในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2024
ดังนั้นเพื่อเป็นการร่ำลา (แต่เพียงชั่วคราว) ให้กับแฟนๆ แจฮยอนและบริษัทฯ จึงจัดแฟนคอนเสิร์ตเดี่ยวในชื่อ ‘2024 Jaehyun Fan-Con <Mute>’ ขึ้นมา
The Momentum จึงตัดสินใจจองตั๋วเครื่องบิน ลัดฟ้าไปถึงกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อชมการแสดงครั้งนี้ ซึ่งเป็นการแสดงบนเวทีครั้งสุดท้ายของศิลปินจากวง NCT 127 ก่อนจะเข้ารับราชการทางทหาร โดยจัดขึ้นที่ Olympic Handball Gymnasium
ซึ่งงานครั้งนี้ ก็ได้รับการตอบรับจากเหล่าแฟนๆ อย่างล้นหลาม ทำให้บัตรถูกจำหน่ายหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็วทุกที่นั่งไม่เว้นแม้แต่ที่นั่งจำกัดการมองเห็น ถือเป็นการตอกย้ำความนิยมของชายคนนี้
ก้าวตาม ‘จังหวะชีวิต’ ของ ‘จอง แจฮยอน’
ผู้เขียนอยากเริ่มต้นที่จะเชิญชวนให้ทุกคนได้ดื่มด่ำไปกับบทเพลงในโลกอันเงียบสงบของแจฮยอน โลกที่เต็มไปด้วยความทรงจำ ความผูกพันธ์ และความรักอันล้ำค่าของเขาในการแสดงครั้งนี้
ทันทีที่ผู้เขียนก้าวเท้าออกจากรถไฟฟ้าสถานี Olympic Park เพื่อเข้าไปยังสถานที่จัดแฟนคอนเสิร์ตก็พบกับลานกว้างๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงามของสวนสาธารณะโอลิมปิก ประกอบกับที่ฤดูกาลแปรเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ร่วง ผู้เขียนจึงได้พบกับบรรยากาศความงามที่คาดไม่ถึง ต้นไม้บางต้นเริ่มผลัดใบจากสีเขียวสู่สีส้ม สลับสีเหลืองแดง
นับเป็นบรรยากาศที่ช่างดูอบอุ่นและโรแมนติกเป็นอย่างมาก
เหล่า NCTzen หลากหลายเชื้อชาติเดินทางจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อมาสร้างความทรงจำสุดพิเศษร่วมกันกับแจฮยอน โดยพร้อมใจแต่งกายตาม Dress Code ที่ SM Entertainment ได้ประกาศไว้ผ่านทางสื่อออนไลน์ ซึ่งเป็น ‘ธีม MUTE’ หรือการแต่งกายด้วยชุดสีดำและเทาของคอนเสิร์ตวันแรก
ขณะที่ ‘ธีม VIVID’ จะเป็น Dress Code ของการแสดงวันสุดท้ายที่เน้นการแต่งกายสีสันสดใส
นับเป็นภาพหาชมได้ยาก เพราะปกติแล้วชาวเกาหลีไม่นิยมแต่งตัวสีสันสดใสสักเท่าไร และมักจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีดำ
แต่ด้วยอิทธิพลของแจฮยอนทำให้ NCTzen เลือกที่จะแต่งกายตาม Dress Code ที่ว่าอย่างพร้อมเพรียงกัน
โลกอัน ‘เงียบสงบ’ และเต็มไปด้วย ‘ความทรงจำ’ อันล้ำค่า
ทันทีที่ Intro VCR จบลง แจฮยอนปรากฏตัวในชุดสูทสีดำประกายเพชร ในลุคแข็งแกร่งและสง่างาม เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าแฟนคลับอย่างล้นหลาม พร้อมเปิดฉากแรกการแสดงด้วยเพลง B-Side ในอัลบั้ม J (2024) อย่างเพลง Roses เพลงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความเจ็บปวด และความทรงจำที่ชวนนึกถึงใครบางคน
ความพิเศษของการแสดงนี้ คือ ช่วงท้ายของเพลงมีท่าเต้นแตกต่างกันในแต่ละวัน โดยแจฮยอนเลือกจะสานต่อการแสดงด้วยบทเพลง Forever Only เพลงจากโปรเจกต์ SM ‘STATION : NCT LAB’ ที่เขามีส่วนร่วมในการแต่งเนื้อร้องด้วยตัวเอง พร้อมกับถ่ายทอดห้วงอารมณ์สุดลึกซึ้ง และเสียงร้องไฮโน้ตบนเตียงขนาดใหญ่กลางเวที ชวนให้นึกถึงเพลง Lost ที่เคยทำการแสดงในคอนเสิร์ต NCT 127 2nd Tour “NEO CITY – THE LINK” ที่ผ่านมา
หลังจากนั้นการแสดงถูกคั่นกลางด้วย VCR อีกครั้ง ก่อนจะมูฟออนไปข้างหน้าด้วยเพลง Horizon บทเพลงสไตล์ R&B สุดโรแมนติกจากโปรเจกต์ SM ‘STATION : NCT LAB’ เช่นเดียวกัน โดยแจฮยอน ปรากฏตัวในลุคที่ดูสบายๆ ด้วยแจ็กเก็ตขาว พร้อมเสียงร้องนุ่มทุ้ม และถ่ายทอดอารมณ์ผ่านบทเพลงได้เป็นอย่างดี
หลังจากจบการแสดงในช่วงก่อนหน้า แจฮยอนพักดื่มน้ำและพูดคุยเกี่ยวกับที่มาของชื่อคอนเสิร์ตในครั้งนี้ว่า ‘MUTE’ เป็นคำที่มีความหมายกับแจฮยอนในหลากหลายด้าน
โดยบ่งบอกตัวตนของเขาได้ชัดเจนที่สุด เห็นได้จาก VCR ทั้ง 2 ช่วงที่ผ่านมา ที่ถ่ายทอดเรื่องราวโลกอันเงียบสงบของแจฮยอนในอดีต ที่เคยใช้ชีวิตอย่างราบเรียบ และไร้อารมณ์ความรู้สึก สะท้อนผ่านโทนสีของวิดีโอตอนต้นด้วยสีโมโนโครม (Monochrome) ทั้งหมด
ขณะที่คำว่า ‘MUTE’ จะถูกใช้เป็นคีย์เวิร์ดของทั้งเส้นเรื่องหลักในทุก VCR และถือเป็นธีมหลักของคอนเสิร์ตในครั้งนี้
นอกจากนี้ แจฮยอนเล่าให้แฟนคลับฟังว่า อยากทำการแสดงเพลงอื่นจากอัลบั้มใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนเพื่อให้แฟนคลับเห็นถึงตัวตนในมุมมองที่หลากหลายขึ้น
ก่อนที่แจฮยอนจะเลือกสานต่อบรรยากาศที่ชวนอบอุ่นหัวใจด้วยเพลงคัฟเวอร์ (Cover) ทั้ง 3 เพลง ได้แก่ Because I Love You ของ ยู แจฮา (Yoo Jae Ha), Close To You ของวง คาร์เพนเทอร์ (Carpenters) และปิดท้ายด้วยเพลง Can’t Take My Eyes Off You จาก แฟรงกี้ วัลลี่ (Frankie Valli) ที่ครั้งหนึ่งตัวเขาเคยร้องเป็นเวอร์ชัน Cover เผยแพร่ผ่านช่องยูทูบ NCT และต่อด้วยบทเพลงความหมายลึกซึ้งอย่าง Completely ที่ผู้ชมเริ่มแฟนโปรเจกต์ชิ้นแรกด้วยการเปิดแฟลชและโบกไปตามเสียงเพลง สร้างบรรยากาศให้มีความพิเศษ
ตลอดการแสดงทั้ง 4 เพลง ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงที่ผู้เขียนชื่นชอบ เพราะในฐานะผู้ฟัง เราเหมือนได้ ‘ปลดล็อคสกิลหูเคลือบทอง’ โดยเฉพาะการมีนักดนตรีมืออาชีพบรรเลงบทเพลงร่วมกับแจฮยอน โดยใช้คียบอร์ดเป็นเครื่องดนตรีเดียวในการแสดง และเมื่อเสียงร้องและเสียงดนตรีประสานเข้าด้วยกัน จึงไม่ยากนักกับการสะกดผู้ฟังทุกคนในฮอลล์ให้ตกอยู่ในภวังค์และโลกแห่งดนตรีของเขา
ก่อนที่ VCR จะฉายขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเป็นการเบรกอารมณ์ แจฮยอน ปรากฏตัวออกมาในลุคที่เท่ห์และเซ็กซี่มากขึ้นกว่าเดิม ด้วยเสื้อซีทรูสีดำ สวมทับด้วยแจ็คหนังสีน้ำตาล ก่อนยกระดับความสนุกขึ้นไปอีกขั้นกับเพลง Smoke เพลงไตเติลหลักจากอัลบั้มชุดแรก ที่คว้ารางวัลอันดับหนึ่ง จากการโปรโมตเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยวไปครองถึง 3 รางวัล ทั้ง Show! Music Core, Inkigayo Hot Stage และ Music Bank Best Performance
เพื่อเพิ่มอุณหภูมิของความสนุกนับต่อจากนี้ แจฮยอนเลือกการแสดงต่อด้วยเพลง Easy ก่อนระเบิดการแสดงให้แฟนคอนเสิร์ตครั้งนี้ร้อนแรงมากเป็นขีดสุดด้วยเพลง Flamin’ Hot lemon (หรือชื่อไทยคือ ‘คุณมะนาวสุดฮอต’) ที่เรียกเสียงฮือฮา และเสียงกรี๊ดจากแฟนคลับอย่างถล่มทลาย ด้วยท่าเต้นที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะมี (รวมถึงผู้เขียน) ก่อนปิดท้ายด้วย Dandelion บทเพลงที่อาศัยเสียงร้องอันเบาสบาย ชวนให้ NCTzen ผ่อนคลายอารมณ์ลงมา
ขณะที่นักร้องหนุ่มเปิดโอกาสให้แฟนๆ มีส่วนร่วมในเพลงนี้ด้วยการร้องคอรัสตามช่วงท้าย แม้จะร้องคร่อมจังหวะและจำเนื้อเพลงผิดไปบ้าง แต่เขาก็ชมแฟนคลับว่าร้องได้ดีมาก (แม้ว่าจะไม่ดีเท่าไรก็ตาม)
อีกหนึ่งช่วงเวลาสุดพิเศษที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ คือช่วง Real Peach Live : All About Jaehyun หรือการถ่ายทอดแจฮยอนในภาพลักษณ์ที่แตกต่างทั้ง 2 บุคลิก คือ ‘Professional Jamal’ ที่ดูมีความเท่และโตเป็นผู้ใหญ่ และ ‘Adorable Jay’ ที่ใสซื่อบริสุทธิ์ราวกับเด็กหนุ่ม
ก่อนที่ VCR ช่วงท้ายสิ้นสุดลงด้วยคำว่า Coming Soon.. ท่ามกลางเสียงคาดเดาของแฟนๆ ว่า หรือนี่จะเป็นคอนเทนต์รายการเรียลลิตี ที่จะเผยแพร่ให้แฟนคลับคลายความคิดถึงในช่วงแจฮยอนรับใช้ชาติในกรมทหาร หลังจากนั้นไม่นานนัก กิจกรรมของแฟนคอนเสิร์ตก็มาถึงช่วงเวลาเปิดจดหมายจากทางบ้าน โดยเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการพูดถึงความทรงจำของเหล่า NCTzen ที่มีถึงแจฮยอน รวมถึงสิ่งที่อยากบอกกับเขา ซึ่งจดหมายบางฉบับนั้นบรรจุไว้ซึ่งเนื้อหาซึ้งกินใจ เรียกหยดน้ำตาและรอยยิ้มอยู่ไม่น้อย อาทิ
“ 재현삼촌 ~ (คุณลุงแจฮยอน~)”
“อยากไปเป็นทหารแทนเธอจัง”
“การปลดประจำการแบบไม่บาดเจ็บนั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด พอออกมาแล้วช่วยปล่อยเพลงอีกเยอะๆ นะครับ”
“จะรอดูท่าตะเบ๊ะเท่ๆ แบบในเพลง Raise the roof นะ”
ก่อนที่ปิดท้ายช่วงอ่านจดหมายด้วยซิงเกิลล่าสุดอย่าง Unconditional ที่ยกกองถ่ายไปไกลถึงนครลอสแอนเจลิส (Los Angeles) รัฐแคลิฟอร์เนีย (California) ประเทศสหรัฐอเมริกา มาทำการแสดงเป็นครั้งแรก โดยแจฮยอนเลือกจะถ่ายทอดความขี้เล่น ซุกซน ตามเนื้อหาเพลงตลอดการแสดง เรียกเสียงเอ็นดูจากชีจือนี่เป็นอย่างดีด้วยท่าเต้นที่แฝงไว้ซึ่งความเซ็กซี่และยูนิเซ็กซ์ (Unisex) ในเวลาเดียวกัน
ระหว่างรอคอยการแสดงถัดไป แฟนคลับได้เตรียมโปรเจกต์พิเศษร้องเพลงให้กับแจฮยอน ด้วยการเปิดเพลง Dandelion พร้อมให้ทีมงานขึ้นเนื้อเพลงบนจอ LED เพื่อร้องคลอจบเพลง จนกระทั่งแจฮยอนปรากฏกายกลับมาบนเวทีอีกครั้งด้วยที่คาดผมลูกพีชอันเป็นเอกลักษณ์ของเขา (ลูกพีชถือเป็นอิโมจิที่ถูกเรียกแทนแจฮยอน) และวันสุดท้ายเปิดเพลง Promise ของ NCT 127 แจฮยอนเปลี่ยนมาสวมมงกุฏดอกไม้พร้อมกับสติ๊กเกอร์หัวใจดวงจิ๋วบนหน้าสร้างความน่ารักไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน (โปรเจกต์ทั้งหมดได้รับการอนุมัติจากค่ายเรียบร้อย)
ก่อนจะเริ่มการแสดงช่วงสุดท้ายด้วยเพลง Can’t Get You ที่เขาตั้งใจเซอร์ไพรส์ทุกคน ด้วยการปรากฏตัวในโซนที่นั่งของผู้ชมการแสดง ก่อนจะเดินไปพบปะแฟนๆ อย่างใกล้ชิดทั่วฮอลล์แฟนคอนเสิร์ต และกลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง พร้อมกล่าวคำขอบคุณแฟนคลับที่เดินทางตามจังหวะชีวิตช้าๆ ของเขา ขอบคุณที่ติดตามและอยู่ด้วยกันมาตลอด และคอยมอบพลังงานดีๆ สร้างความทรงจำอันสุดแสนพิเศษไปด้วยกัน
ก่อนจะบันทึกภาพความทรงจำร่วมกัน เหล่า NCTzen เซอร์ไพรส์พ่อหนุ่มลักยิ้มด้วยโปรเจกต์สโลแกนในความหมายและโทนสีที่แตกต่างกันทั้งสองวัน เพื่อให้ภาพในงานมีสีสันและสวยงามมากขึ้น โดยสโลแกนในวันแรกกำหนดธีมเป็นสีออโรราคือ สีน้ำเงินและสีเขียว ด้วยประโยค ‘먼 길을 다시 돌아간다 해도 난 항상 재현일테니까’ มีความหมายว่า แม้จะต้องย้อนกลับไปในเส้นทางที่แสนไกล ก็จะอยู่เคียงข้างแจฮยอนเสมอ และวันที่สอง ธีมแดนดิไลออน คือสีน้ำเงินและสีเหลือง ด้วยประโยค ‘윤오야 5월 Dandelion이 활짝 피면 다시 만나자’ ซึ่งมีความหมายว่า ยุนโอ แล้วพบกันใหม่เมื่อดอกแดนดิไลออนบานในเดือนพฤษภาคมนะ เพื่อส่งท้ายและต้อนรับการกลับมาของเขาในเวลาเดียวกัน
‘การจากลา’ ‘เสียงสะอื้น’ และ ‘คราบน้ำตา’
บทสรุปสุดท้ายของ MUTE แจฮยอนเลือกแสดงด้วยเพลง Try Again บทเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งระหว่างตัวเขาและแฟนคลับ
นับเป็นการจากลาที่เศร้าที่สุด แต่ก็ชวนระลึกถึงความทรงจำที่มีร่วมกันมา จึงทำให้ช่วงเวลานี้พิเศษและมีคุณค่า
ก่อนที่ม่านการแสดงปิดฉากลง พ่อหนุ่มลักยิ้มเลือกเดินเพื่อพูดคุย-โบกมือลาแฟนคลับ เป็นครั้งสุดท้าย ช่วงเวลานี้ถือเป็นการบอกลาว่า ความสุขครั้งนี้กำลังจะจบลงในไม่ช้า
“ตอนที่เห็นทุกคนร้องไห้รู้สึกเศร้าไปด้วย แต่ก็คิดขึ้นมาได้ว่าความสัมพันธ์ของเรามันดีมากๆ เลย ได้แบ่งปันความรู้สึกซึ่งกันและกัน เป็นความสัมพันธ์ที่มีพลังบวกต่อกัน และแบ่งปันความรู้สึกดีๆ ร่วมกัน” แจฮยอนกล่าวก่อนจะลงจากเวที
และแล้วก่อนที่จะลาจากเวที เซอร์ไพรส์จาก VCR ครั้งสุดท้ายก็ ปรากฏขึ้นบนจอ LED ขนาดใหญ่อีกครั้ง เป็นภาพจดหมายที่เขาเขียนถึง NCTzen เพื่อขอบคุณว่า เป็นเพราะอาชีพนักร้อง ทำให้เขาได้มีความทรงจำอันแสนมีค่า และมีความสัมพันธ์พิเศษร่วมกับแฟนคลับ
“หวังว่าคอนเสิร์ตนี้จะกลายเป็นความทรงจำที่มีค่าของทุกคน ในอนาคตยังมีหลายอย่างที่อยากทำด้วยกัน เพราะฉะนั้นฝากติดตามกันต่อไปเรื่อยๆ ด้วยนะครับ
“ผมจะกลับมาอย่างปลอดภัย ทุกคนเองก็ต้องรักษาสุขภาพกายสุขภาพใจให้ดีด้วย ผมจะคอยคิดถึงความทรงจำที่มีร่วมกัน และตั้งตารอสิ่งจะทำด้วยกันในอนาคตอย่างตั้งใจ
“ขอบคุณและรักเสมอครับ” แจฮยอนทิ้งท้าย
แฟนคอนเสิร์ตครั้งแรกของศิลปินเดี่ยวจากวง NCT 127 ครั้งนี้ถือว่า เป็นอีกก้าวที่สำคัญของ ‘แจฮยอน’ ที่แม้จะมีตารางงานยุ่งเหยิงและมีเวลาเตรียมตัวไม่นานมาก แต่เขาใช้ทุกวินาทีอย่างคุ้มค่า ให้เเฟนๆ มีช่วงเวลาสุดแสนพิเศษ และหล่อหลอมความทรงจำหลักสีเหลืองอร่าม ไม่ต่างจากที่ ‘จอย’ (Joy) เลือกจะทะนุทถนอมความทรงจำให้กับ ‘ไรลีย์ แอนเดอร์ซัน’ (Riley Anderson) ตัวละครจากแอนิเมชัน Inside Out เลยก็ว่าได้
ท้ายสุดนี้ผู้เขียนในฐานะ NCTzen ขออวยพรให้ ‘แจฮยอน’ สนุกกับประสบการณ์ใหม่ตลอด 1 ปี 6 เดือนหลังจากนี้ และขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ไม่บาดเจ็บในระหว่างการฝึก เข้มแข็งและแข็งแรงตลอดการทำหน้าที่ลูกผู้ชาย และปลดประจำการกลับมาอย่างปลอดภัย
ผู้เขียนจะตั้งตารอคอย เส้นทางครั้งใหม่ของแจฮยอน เพื่อให้ ‘จังหวะชีวิต’ ของ NCTzen และแจฮยอนก้าวไปพร้อมกันอีกครั้ง
ผู้เขียนก็หวังลึกๆ ว่าในปี 2026 จะได้มีโอกาสชม Jaehyun Fan-Con <Mute> in บางกอก ประเทศไทยบ้าง เพราะเป็นที่รู้กันดีกว่าเมืองฟ้าอมรแห่งนี้เคยสร้างความทรงจำดีๆ ให้แจฮยอนอยู่หลายครั้งหลายครา
มาจนถึงตอนนี้ ในฐานะแฟนคลับ เราเพียงทำได้แต่เฝ้ารอ ปล่อยให้ ‘ความคิดถึง’ ทำได้หน้าที่ของมันอย่างเต็มที่ คิดถึงก็บอกว่าคิดถึง เสียใจก็บอกว่าเสียใจ
เพราะท้ายที่สุดผู้เขียนเชื่ออย่างสุดหัวใจว่า เมื่อความรู้สึกสุกงอมเต็มที่ พลังงานในวันที่เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง จะบานสะพรั่งไม่ต่างจากทุ่งดอกแดนดิไลออนที่เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิอย่างแน่นอน..
Tags: Jaehyun, แจฮยอน, Jeong Jaehyun, จอง แจฮยอน, NCT 127, Screen and Sound, SM Entertainment