เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 ญาภัทร สรรพวัฒน์ กรรมการผู้จัดการบริษัท โฮโยยูไนท์กรุ๊ป จำกัด หนึ่งในสปีกเกอร์งานครบรอบ 8 ปี Drive the Momentum ที่ SCBX NEXT STAGE ชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ขึ้นกล่าวในหัวข้อ Enhancing Quality of Life through Family Well-being เทรนด์ปี 2025 กับคุณภาพชีวิตที่ดีเริ่มต้นจากความใส่ใจในครอบครัวอย่างไร รวมไปถึงธุรกิจเด็กจะอยู่อย่างไรในวิกฤตประชากรเกิดใหม่ถดถอย
“ประเทศไทยมีอัตราการเกิดน้อยลง จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วย 2 เรื่องคือ หนึ่ง ช่วยยกระดับสินค้าของไทย เพราะเด็กไทยเกิดน้อยลง สอง อยากให้สนับสนุนยกระดับให้สินค้าไทยไปสู่สากลได้”
ญาภัทรกล่าวถึงข้อดีต่อว่า การที่ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือจะส่งผลดีต่อตลาดสินค้า เพราะการส่งออกสินค้าย่อมดีกว่าการนำเข้า แถมยังเป็นการกระตุ้นให้ภาคธุรกิจในไทยเกิดการพัฒนา
“หากมาดูประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า ลาว และกัมพูชา เขามองว่าสินค้าไทยเป็นของมีคุณภาพ ซึ่งหากรัฐบาลไทยสามารถตั้งองค์กรขึ้นมา โดยมีมาตรฐานกำหนดที่ต้องผ่านสแตนดาร์ดเบื้องต้น เพราะต้องเรียนตามตรง คอกกั้นเด็กที่เราทำอยู่ไม่ได้มีการบังคับว่า ต้องผ่านมาตรฐาน มอก. ( มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม) เลย
“ซึ่งจริงๆ แล้วมันควรต้องผ่าน เพราะเด็กต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และควรจะมีมาตรฐานที่กำหนด เป็นมาตรฐานเดียวกัน มันจะส่งผลดีต่อทั้งเด็กและสินค้าส่งออกของไทยด้วย”
อีกสิ่งที่ญาภัทรชี้ให้เห็นคือ อยากให้มีการคุ้มครองทางกฎหมายสำหรับสิ่งประเดิษฐ์และนักคิดค้นสิ่งใหม่ๆ เธอยกตัวอย่างว่า หากไปเดินงานแฟร์ขายสินค้าจะพบว่า สินค้าส่วนใหญ่มีหน้าตาเหมือนกัน นั่นเพราะยังไม่มีการคุ้มครอง
“พอนักคิด นักประดิษฐ์ไปเห็นก็เสียกำลังใจ เพราะทำอะไรออกมาขายปุ๊บ อีกแป๊บก็จะมีคนทำตาม ต้องบอกตามตรงว่า กระบวนการคุ้มครองเรื่องทรัพย์สินทางปัญหาเป็นสิ่งที่ค่อนข้างยาก เช่น หากเราเป็นแค่ SMEs จะขายของจะต้องไปจดทะเบียนทางกฎหมายหลายอย่าง ต้องจ้างทนายเสียเงินหลายบาท ซึ่งหลายคนอาจไม่มีความเข้าใจในเรื่องกฎหมายหรือไม่ได้มีกำลัง ก็จะทำให้ถูกลอกเลียนงานได้ พอเกิดแบบนี้ก็เสียกำลังใจ จึงอยากให้ภาครัฐมีหน่วยงานสนับสนุน SMEs ช่วยคุ้มครองคนที่สร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ขึ้นมา” ญาภัทรทิ้งท้าย
Tags: HOYO, แบรนด์คอกกั้นเด็ก, โฮโยยูไนท์กรุ๊ป, การส่งออก, Drive The Momentum, HOYO แบรนด์คอกกั้นเด็ก