วันนี้ (22 สิงหาคม 2567) ที่พารากอนฮอลล์ ศูนย์การค้าสยามพารากอน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นกล่าวปาฐกถา Vision for Thailand 2024 ที่จัดขึ้นโดย Nation Group โดยมองว่าประเทศไทย ณ​ ปัจจุบันมีปัญหาหลายด้านที่ต้องการการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้สิน ปัญหาการปรับตัวช้าทางอุตสาหกรรม และการขาดแคลนการวิจัยและพัฒนา (Reserch and Developement: R&D)

ตอนหนึ่งระหว่างการปาฐกถา ทักษิณกล่าวว่า ประเทศไทยตอนนี้มีสภาพคล้ายคลึงกับประเทศเม็กซิโกหรือโคลอมเบียสมัยก่อน ที่เศรษฐกิจใต้ดิน (Undergroud Economy) มีขนาดสูงเกือบ 1 ใน 3 ของขนาด GDP

อดีตนายกรัฐมนตรียังกล่าวเพิ่มเติมถึงเศรษฐกิจใต้ดินไว้ว่า ประกอบไปด้วย 2 ส่วน ได้แก่ ยาเสพติดและการพนันออนไลน์ โดยความสำคัญของพนันออนไลน์นั้น ปัจจุบันมีเงินหมุนเวียนในระบบสูงถึง 3 ล้านล้านบาท โดยใช้เงินเล่นจริงประมาณ 5 แสนล้านบาท หากรัฐสามารถจัดเก็บภาษีจากอุตสาหกรรมดังกล่าวได้ 3 แสนล้าน และแบ่งออกเป็น 30% หรือคิดเป็น 9 หมื่นล้าน เพื่อไปส่งเสริมการศึกษาของเด็กนักเรียนให้มีความรู้และทักษะจะถือว่าเป็นเรื่องที่ดี

“วันนี้เศรษฐกิจใต้ดินของไทยประมาณ 50% ถ้าเศรษฐกิจใต้ดินขึ้นมาบนดินได้ ก็หมายความว่าจีดีพีจะเพิ่มขึ้นอีก 50% จะทำให้สัดส่วนหนี้สินลดลง ความสามารถในการใช้หนี้ของประชาชนก็จะเพิ่มขึ้น” ทักษิณกล่าวเพิ่มเติม

ขณะที่เรื่องของศูนย์กลางความบันเทิง (Entertainment Complex) ทักษิณกล่าวว่า แท้จริงแล้วสัดส่วนการใช้พื้นที่สำหรับคาสิโนมีเพียง 10% เท่านั้น พื้นที่ส่วนใหญ่จะถูกนำไปใช้เป็นสนามกีฬา ฮอลล์คอนเสิร์ต และเปิดให้เอกชนเข้าไปลงทุน โดยที่รัฐไม่ต้องเสียเงินด้วยตนเอง

“ลงทุนในกรุงเทพฯ อย่างน้อย 1 แสนล้าน เพื่อสู้กับต่างประเทศ ต้องเติมในสิ่งที่เราขาด อย่างวันนี้ถ้าเรามีคอนเสิร์ตดีๆ เราไม่มีคอนเสิร์ตฮอลล์ที่ใหญ่พอ สิ่งไหนที่เราขาด เราก็จะเรียกร้องให้พวกนักลงทุนเข้ามาลงทุน Entertainment Complex โดยที่เราไม่ต้องลงทุน”

ขณะเดียวกัน ในช่วงถาม-ตอบช่วงท้าย ระหว่างทักษิณกับบากบั่น บุญเลิศ และวีระศักดิ์ พงษ์อักษร สองผู้ดำเนินรายการอาวุโสของเครือเนชั่น ทักษิณกล่าวว่า หลักการของประชาธิปไตยคือ 3 เสาหลัก บริหาร ตุลาการ นิติบัญญัติ แต่ ณ ขณะนี้ มีเสาหลักที่ 4 คือองค์กรอิสระ แล้วยังมี ‘นักร้อง’ ขึ้นมาอีก ซึ่งทักษิณระบุว่า ตอนนี้มีโอกาสได้ ‘แผ่นเสียงทองคำ’ โดยไม่ใช่นักร้องจริงๆ

ทักษิณยังกล่าวด้วยว่า ต้องแก้ปัญหาเรื่ององค์กรอิสระ เพราะปัจจุบันมีการเขียนกฎหมายให้องค์กรอิสระไปเขียนระเบียบเอาเอง จนกลายเป็นคำว่า Judicial Overreach เพราะใช้อำนาจตุลาการมากกว่าที่ควรจะเป็น และเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่สมัยตนเอง โดยแม้จบด้าน Criminal Justice มา แต่กลับกลายเป็นไม่ได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด

“มีคนจากก้าวไกลเคยถามผมว่า พรรคเขาจะโดนยุบไหม ผมเลยตอบกลับไปว่า ผมนี่นะ แค่โดนหมั่นไส้ ผมอยู่เมืองนอก 17 ปี ยุบไป 3 พรรค แล้วของคุณมันจะไปเหลือเหรอ” ทักษิณระบุ

อดีตนายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงคำว่า ‘รัฐบาลข้ามขั้ว’ ว่า เสถียรภาพไม่มีปัญหาเลย ปัญหาคือประเทศไทยชอบบัญญัติศัพท์ ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็นระบบรัฐสภา ใครรวมเสียงเกินกึ่งหนึ่งตั้งรัฐบาลได้ จากนั้นให้สิทธิคนที่เป็นหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาลก่อนโดยมารยาท อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคก้าวไกลไม่ยอมยกเลิกเรื่องแก้มาตรา 112 และพรรคอื่นไม่เอาด้วยเรื่องมาตรา 112 จึงทำให้ไปต่อไม่ได้

เมื่อผู้ดำเนินรายการถามว่า หากในเวลานั้น พรรคก้าวไกลยอมยกเลิกเรื่องแก้มาตรา 112 พรรคเพื่อไทยจะยอมจับหรือไม่ ทักษิณระบุว่า ‘ใช่’

ทั้งนี้ ผู้ดำเนินรายการถามว่า มีโอกาสหรือไม่ที่พรรคเพื่อไทยจะกลับมาเป็นที่หนึ่ง ทักษิณระบุว่า หาก ‘หัวหน้าพรรค’ ไม่ลาคลอด หาเสียงจนจบ ก็มีโอกาสไม่แพ้

ส่วนการต่อสู้กับพรรคประชาชนในอนาคต ทักษิณระบุว่า พรรคประชาชนต้องการความเท่าเทียม ซึ่งโดยความเป็นจริงนั้นเป็นไปไม่ได้ ส่วนของพรรคเพื่อไทย เน้นการปฏิรูปเศรษฐกิจให้ ‘โอกาส’ เท่าเทียมกัน

“เขาเน้นสถานะ แต่ผมเน้นโอกาส ไม่เหมือนกัน”

ทักษิณยังระบุด้วยว่า การที่ทุกคนต้องเท่าเทียมกัน ไม่ว่ายศถาบรรดาศักดิ์หรืออะไรก็ตามเป็นเรื่องยากมาก เพราะสังคมไทยมีเรื่องคุณวุฒิและวัยวุฒิ แต่หากช่วยเรื่องโอกาสสร้างตัวของคนไทยได้ ก็มีโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะกลับมา

Tags: , , , , ,