วันนี้ (23 กรกฎาคม 2567) ที่อาคารรัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภาชุดที่ 13 ครั้งที่ 1 ประจำปี 2567 โดยมี พลตำรวจโท ยุทธนา ไทยภักดี ทำหน้าที่เป็นประธานวุฒิสภาชั่วคราว โดยวาระสำคัญในที่ประชุมครั้งนี้คือ การพิจารณาเลือกประธานวุฒิสภา รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 และรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2
สำหรับรายชื่อ ส.ว.ที่ถูกเสนอเป็นประธานวุฒิสภามีทั้งหมด 3 รายชื่อ ได้แก่ มงคล สุระสัจจะ ส.ว.กลุ่มการบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง, นายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว.กลุ่มสาธารณสุข และนันทนา นันทวโรภาส ตัวแทนจากกลุ่ม ส.ว.พันธุ์ใหม่ ส.ว.กลุ่มสื่อสารมวลชน ผู้สร้างสรรค์วรรณกรรม
ระหว่างการแสดงวิสัยทัศน์ นันทนาระบุตอนหนึ่งว่า มีความตั้งใจฟื้นฟูศรัทธาของวุฒิสภา ที่เคยถูกมองว่าไม่เป็นที่พึ่งและยึดโยงกับประชาชน โดยหากตนได้รับเลือกเป็นประธานวุฒิสภาจะมีแนวทางการฟื้นฟูตามหลัก 5 ส. ดังนี้
1. สัมพันธ์: วุฒิสภายุคใหม่ต้องยึดโยงกับประชาชนทุกคนทุกกลุ่ม จะสร้างความรู้สึกผูกพันโดยเปิดพื้นที่ ให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงได้ สามารถเข้าฟังประชุมวุฒิสภา เปิดพื้นที่สวนให้ประชาชนมาใช้งาน รวมไปถึงจะจัดตั้งหน่วยรับเรื่องราวร้องทุกข์ ให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชนที่ถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่รัฐ หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากหน่วยงานของรัฐ เพื่อทำให้ทุกข้อร้องเรียนนำไปสู่การแก้ไข
2. สื่อสาร: วุฒิสภายุคใหม่จะใช้การสื่อสารเป็นเครื่องมือในการยึดตรงกับประชาชน โดยจะสื่อสารการทำงานของ ส.ว.ผ่านการถ่ายทอดสดการประชุมสภา และจะผลักดันให้มีการถ่ายทอดสดกรรมาธิการทุกคณะฯ
3. สร้างสรรค์: วุฒิสภายุคใหม่จะทำงานอย่างสร้างสรรค์ โปร่งใส และตรวจสอบได้ เวทีของสภาจะถกเถียงประเด็นที่เป็นปัญหาของสังคม โดยจะบรรจุระเบียบวาระที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนเข้าสู่ที่ประชุม ควบคุมการอภิปรายอย่างเป็นกลางให้อยู่ในประเด็นสะท้อนปัญหาและได้ข้อยุติ
4. สมดุล: วุฒิสภาจะต้องสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นในสังคม สภาคือพื้นที่แห่งความเท่าเทียมและเคารพสิทธิมนุษย์
5. สากล: วุฒิสภายุคใหม่ต้องเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ โดยกฎระเบียบข้อบังคับที่ทันสมัย เป็นประชาธิปไตยตามมาตรฐานสากล สามารถเป็นแบบอย่างของอาเซียน ทำให้ประเทศไทยได้ยืนอย่างสง่างามบนเวที
ด้านมงคลแถลงวิสัยทัศน์ว่า นับตั้งแต่ที่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงมหาดไทย ตนสำนึกว่าแผ่นดินนี้ได้ให้โอกาสในการทำงาน และตั้งปณิธานไว้ว่า จะอุทิศชีวิตและตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตอบแทนคุณแผ่นดิน รับใช้ประชาชน รักษาสถาบัน ชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ มาถึงปัจจุบัน และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงจนกว่าชีวิตจะหาไม่
“ชีวิตของผมมาจากก้อนหินก้อนทราย เป็นเด็กวัด เรียนอาชีวะ ผมเข้าใจความยากจนข้นแค้น ความเป็นคนไม่มีเส้นมีสาย ผมเติบโตมาในระบบราชการด้วยการทำงานอย่างหนัก ผมมีประสบการณ์ในการประสานงานกับพี่น้องประชาชน เพราะฉะนั้นผมทราบดีและเข้าใจความรู้สึกของสมาชิก เข้าใจปัญหา ผมมีประสบการณ์อันยาวนาน และมีเพื่อนอยู่ทุกหมู่เหล่า เพราะฉะนั้นผมเชื่อว่า ผมจะเข้าใจและทำงานร่วมกับทุกคนได้” มงคลกล่าว
ทั้งนี้ในการโหวตว่า เห็นด้วยหรือไม่กับการให้ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานวุฒิสภา ต้องแสดงวิสัยทัศน์คนละ 5 นาที มีเสียง ‘เห็นด้วย’ 143 เสียง คาดว่ามาจากฝั่ง ‘สีน้ำเงิน’ ทั้งหมด เนื่องจากฝั่ง ‘ไม่เห็นด้วย’ เห็นว่า ควรแสดงวิสัยทัศน์ได้ 7 นาที หรือฝั่งของนันทนาที่เห็นว่า ไม่ควรจำกัดเวลา โดยผลปรากฏว่า ฝั่งไม่เห็นด้วยแพ้โหวต มีเพียง 54 เสียงเท่านั้น
สำหรับบรรยากาศในการที่ประชุมวันนี้เป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า เวลา 06.30 น. ส.ว.บางส่วนยังได้รับการต้อนรับจากประชาชนที่มารออยู่ใต้อาคารรัฐสภา และในที่ประชุมวุฒิสภา สมาชิกวุฒิสภาส่วนใหญ่สวมเสื้อสีเหลือง เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) 72 พรรษา