ปัจจุบัน วัฒนธรรมการกินโทสต์ (Toast) กลายเป็นกระแสในประเทศไทย ผู้คนต่างเสาะหาร้านขายโทสต์ที่มีรสชาติถูกปาก ทำให้มีร้านโทสต์มากมายกระจายอยู่ทั่วกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
แต่หากย้อนกลับไปประมาณ 6 ปีก่อนหน้า มีร้านโทสต์เพียงไม่กี่ร้านที่เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียง หนึ่งในนั้นคือ ‘Phuketique’ ร้านดังจากภูเก็ตของ เพียงเพ็ญ ธรรมประดิษฐ์ ที่นอกจากจะทำโทสต์ออกมาได้แตกต่าง มีเอกลักษณ์จากร้านอื่นๆ ยังให้ความสำคัญกับสถานที่และบรรยากาศภายในร้าน จนมีลูกค้าจากทั่วประเทศเดินทางมาลิ้มลองไม่ขาดสาย
วันนี้ Phuketique ขยับขยายสาขามาที่กรุงเทพ ภายใต้ชื่อ ‘Phuketique Bkk’ ตั้งอยู่ใน Saphan55 พื้นที่สำหรับแฮงก์เอาต์ย่านทองหล่อ และยกรสชาติดั้งเดิมจากภูเก็ตมาให้ชาวกรุงเทพฯ ได้สัมผัส อีกทั้งยังมีโทสต์รสชาติใหม่ที่ตั้งใจคิดค้นเพื่อเสิร์ฟให้เข้ากับบรรยากาศใจกลางเมืองหลวงโดยเฉพาะ
เพียงเพ็ญเล่าถึงจุดเริ่มต้นว่า ช่วงปี 2553 ที่ทำงานให้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เธอตั้งคำถามกับตัวเองถึงเป้าหมายในอนาคต จึงทำให้ตัดสินใจลาออกจากงานมาเพื่อให้ตัวเองมีเวลาได้ลองทำอะไรบางอย่างด้วยมือของตัวเอง
“ถ้าวันนั้นไม่ลาออกมา สมองเราจะไม่ว่างเลย จะไม่มีทางได้โฟกัส ไม่มีทางได้คิดว่าเราอยากได้อะไรจริงๆ เพราะจะมัวแต่ห่วงองค์กรที่เราทำงานให้อยู่”
หลังออกจากงานประจำ เพียงเพ็ญจึงมีเวลาสำรวจความชอบที่แท้จริงของตนเอง ด้วยความที่เธอเป็นคนชอบสังสรรค์และดื่มกิน อีกทั้งเป็นคนชอบพูดคุยและพบเจอผู้คน จึงตัดสินใจเปิดร้านกาแฟและเครื่องดื่มกึ่งแอลกอฮอล์เป็นพื้นที่สำหรับแฮงก์เอาต์
“ตอนนั้นเพื่อนมีพื้นที่อยากจะเซ้งพอดี เป็นห้องหนึ่งคูหา แต่ประตูเปิดกว้าง มีพื้นที่ด้านหน้าเยอะหน่อย เราเห็นแล้วรู้สึกว่าขนาดกำลังดี บรรยากาศตอนเช้าก็สบายๆ ชิลๆ จึงเปิดเป็นร้านกาแฟ และมีขายคราฟต์เบียร์เพิ่มขึ้นด้วย จึงกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Phuketique”
สำหรับการขายขนมปังปิ้งหรือโทสต์ เริ่มขึ้นจากเพียงเพ็ญตัดสินใจจะเพิ่มสินค้าภายในร้าน ประกอบกับช่วงปี 2561 กระแสการกินของหวานประเภทโทสต์กำลังได้รับความนิยม เธอจึงตัดสินใจลองคิดค้นสูตรโทสต์ของ Phuketique ขึ้นมา
“เราเชื่อว่าโทสต์ไม่ควรหวานมาก อย่างน้อยควรมีเค็มตัดหน่อย จึงลองทำดู ปรับไปครั้งสองครั้งก็ได้สูตรแบบที่เราต้องการ กลายเป็นโทสต์ที่ขายกับเบียร์ของเราได้”
ต่อมาในปี 2020 ที่สถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้จำหน่ายแอลกอฮอล์ไม่ได้ ในช่วงเวลานั้น กลุ่มลูกค้าของ Phuketique จึงเปลี่ยนจากการดื่มแอลกอฮอล์มากินโทสต์แทน จนทำให้ในเวลาต่อมา Phuketique จึงเปลี่ยนภาพจำกลายมาเป็นร้านขายโทสต์แทน
“เราเคยถามลูกค้าว่าทำไมเปลี่ยนมากินโทสต์ เขาบอกว่า ตอนนั้น (ช่วงโควิด-19) กินอะไรก็ได้ ขอแค่ได้ออกมานั่งเล่น ได้มาเจอคนที่ Phuketique เราเลยรู้สึกว่า ร้านของเราเป็นมากกว่าที่ให้คนมาซื้อของกิน แต่มันคือที่แฮงก์เอาต์ ที่พบปะของคนในพื้นที่”
Phuketique กลายเป็นร้านที่ได้รับความนิยมมากในเวลาต่อมา โดยเฉพาะช่วง 3 ปีที่ผ่านมา Phuketique มีลูกค้าเข้ามากินขนมหวานจนแน่นร้านตลอด ทำให้เพียงเพ็ญมองว่าถึงเวลาแล้วที่จะขยับขยายสาขาเพื่อรองรับลูกค้าในพื้นที่ต่างๆ จึงเกิดเป็น Phuketique ในสาขากรุงเทพมหานครขึ้นมา
เมื่อถามถึงวิธีการทำให้ร้านบรรยากาศดูสบายเป็นกันเองในแบบฉบับของ Phuketique เพียงเพ็ญเล่าว่า สิ่งสำคัญคือพื้นที่และการตกแต่ง ในส่วนของพื้นที่ไม่ได้หมายถึงต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่ แต่หมายถึงการจัดวางสิ่งต่างๆ ภายในร้าน ให้ลูกค้ารู้สึกมีพื้นที่ใช้ชีวิตภายในร้าน รวมไปถึงการตกแต่งที่ต้องทำให้รู้สึกว่าร้านมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
แม้ Phuketique เป็นร้านโทสต์เจ้าดังจากภูเก็ต แต่การมาทำตลาดขนมหวานในกรุงเทพฯ ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากในกรุงเทพฯ มีร้านโทสต์เจ้าดังอยู่มาก่อนหน้า ดังนั้น อาวุธที่ Phuketique นำมาใช้กับร้านสาขากรุงเทพฯ คือการคงไว้ซึ่งความเป็น Phuketique ให้มากที่สุด ทั้งในแง่รสชาติและบรรยากาศ เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจว่าได้ของที่ดีและเหมือนกับสิ่งที่ Phuketique เป็นมากที่สุด
สำหรับเมนูที่ Phuketique แนะนำคือ Burnt Butter Toast Earl Grey Ice Cream with Orange White Chocolate เป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่มีแค่สาขากรุงเทพฯ เท่านั้น โดยเป็นโทสต์ไอศครีมรสชาเอิร์ลเกรย์ราดซอสเลมอน ให้รสชาติหวานมัน ตัดด้วยเปรี้ยว ช่วยดับร้อนและทำให้สดชื่น ในวันที่อุณหภูมิอากาศในกรุงเทพฯ พุ่งสูงได้เป็นอย่างดี
หนึ่งในปัญหาโลกแตกของคนชื่นชอบการกินโทสต์ คือการเลือกไอศครีมให้เข้ากับโทสต์ที่มีมากมายหลายเมนู เพียงเพ็ญในฐานะเจ้าของร้านโทสต์อธิบายว่า การเลือกไอศครีมต้องไม่โดดเด่นจนกลบรสชาติขนมปัง อีกทั้งต้องไม่ใช่รสในเชิง Salted Caramel ที่เป็นโครงสร้างของโทสต์ แต่จะต้องออกรสชาตินม ครีม หวาน มัน ที่สำคัญคือต้องกินแล้วยังอร่อย แม้ไม่ได้กินคู่กับโทสต์ก็ตาม
เพียงเพ็ญอธิบายว่า คนที่มากินโทสต์ Phuketique จะได้ลิ้มรสหวาน มัน เค็ม เป็นรสชาติหลัก อีกทั้งจะสัมผัสและได้กลิ่นความหอมกรุ่นของขนมปังปิ้ง และสุดท้ายจะตัดด้วยไอศครีมเย็นๆ หรือในบางรสชาติก็จะมีความเปรี้ยว ให้ความรู้สึกสดชื่นเพิ่มเติม
วันนี้ Phuketique เข้าสู่ปีที่ 11 และกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่เพียงเพ็ญมองว่าการรักษาบรรยากาศที่ผ่อนคลายและผู้คนที่เป็นกันเอง ยังเป็นเสน่ห์และตัวตนของ Phuketique ที่อยากรักษาไว้ เธอจึงมีแผนที่จะขยายร้านต่อไป โดยหวังสร้างพื้นที่และบรรยากาศให้ผู้คนมาพบเจอ นั่งพูดคุย และใช้เวลาร่วมกับ Phuketique อีกหลายพื้นที่ในอนาคต
Fact Box
-
- ร้าน Phuketique Bangkok เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันเสาร์) วันอังคาร-วันพฤหัสบดี เปิดเวลา 10.30-19.00 น. ส่วนวันศุกร์-วันอาทิตย์ เปิดเวลา 10.30-21.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 09-8982-2255 หรือเฟซบุ๊ก: Phuketique BKK