ใครที่เกิดยุคปลายทศวรรษ 1960s หรือยุคต้น 1970s น่าเคยคุ้นหรืออาจจะเคยคลั่งหนังทุนต่ำจากประเทศอิสราเอลเรื่อง Lemon Popsicle หรือที่รู้จักกันในชื่อภาษาไทย ‘รักน้อยๆ หน่อย’

หนังเรื่องนี้ถูกจัดอยู่ในหมวดซอฟต์เซ็กซ์ของยุค 1970s-1980s ที่มีตัวละครวัยรุ่นร่างอ้วนสวมเสื้อฮาวายแสดงอาการห่ามและหื่นอยู่ตลอดเวลา ร่วมกับเพื่อน-คนหนึ่งหงิมๆ กับอีกคนเจ้าชู้

Lemon Popsicle ย้อนกลับมาให้หวนคิดถึงในรูปแบบหนังสารคดีสำหรับโทรทัศน์ ด้วยชื่อ Eskimo Limon ตามต้นฉบับเดิมในภาษาฮิบรู โดยนักทำหนังสารคดีชาวเยอรมัน เอริค ฟรีดเลอร์ (Eric Friedler)

ฟรีดเลอร์รวบรวมเอาเรื่องเล่าและความเห็นของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับหนังตั้งแต่ภาคแรกจนถึงภาคที่แปด จากปี 1978 จนถึง 1988 ครบรสตั้งแต่มุมมองจนถึงดรามา สะท้อนให้เห็นถึงความเหลือเชื่อของหนังต้นทุนต่ำจากประเทศเล็กๆ อย่างอิสราเอลที่ไม่เคยมีชื่อเสียงในเรื่องของภาพยนตร์มาก่อน

ความสำเร็จของ Lemon Popsicle เริ่มจากผู้กำกับฯ โบอาซ เดวิดสัน (Boaz Davidson) หยิบเรื่องราวง่ายๆ ของวัยรุ่นกับประสบการณ์เซ็กซ์ครั้งแรกมาเล่า – เบนนี (อิฟทัค คัตซัวร์-Yftach Katzur) หนุ่มขี้อาย จอห์นนี (ซาชิ นอย-Zachi Noy) หนุ่มอุ้ยอ้าย โมโม (โจนาธาน ซากัลล์-Jonathan Sagall) หนุ่มเจ้าชู้ และอานัต อัตซ์มอน (Anat Atzmon) หญิงสาวในฝันของเบนนี มีทั้งการผจญภัย ความรัก ความตลก เรื่องน่าขายหน้า กล่อมคลอด้วยเพลงร็อคแอนด์โรลล์คลาสสิกจากยุคทศวรรษ 1950s …ทั้งหมดล้วนมีแรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงของผู้กำกับฯ เอง

Lemon Popsicle

ยิ่งฟรีดเลอร์ตั้งคำถามกับผู้กำกับฯ และทีมงานนักแสดง นักเขียนบท ช่างภาพ คนตัดต่อ หรือฝ่ายคอสตูมมากเท่าไร ภาพตัวตนของแต่ละบุคคลก็จะยิ่งชัดเจนมากขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องราวของซาชิ นอย ที่อายุปาเข้าไป 60 กว่าแล้ว แต่ยังจมปลักอยู่กับงานผลิตรายการทีวี ทั้งรายการดีๆ และรายการห่วยแตก ฟังดูแล้วไม่ใช่เรื่องราวชีวิตที่น่าอภิรมย์นัก

นอย และนักแสดงคนอื่นๆ ต่างถูกโน้มน้าวแกมบังคับให้เล่นฉากเปลือย ซึ่งทุกคนต้องยอมทำ สำหรับนักแสดงหญิง-โอเฟเลีย สทรูห์ล (Ophelia Shtruhl) แล้ว แม้จะมีบทเปลือยกายเพียงฉากสั้นๆ มันก็ส่งผลให้เธอต้องหลุดออกจากวงการไป

โจนาธาน ซากัลล์ หนุ่มลูกครึ่งอิสราเอล-แคนาเดียน ที่รับบท ‘โมโม’ นั้น ต้องปกปิดสถานะความเป็นโฮโมเซ็กชวลในชีวิตจริงของตัวเอง แต่ท้ายที่สุดเขาก็ต้องเปิดเผยตัว จากนั้นไปใช้ชีวิตและทำงานกับอามอส กัตต์แมน (Amos Guttman) แฟนผู้กำกับฯ ที่แคนาดา

แต่ไม่เลวร้ายเท่ากรณีของซิบีลล์ เราค์ (Sibylle Rauch) ตัวละครสาวผมบลอนด์ที่เริ่มมีบทบาทตั้งแต่ภาคที่สาม ซึ่งภายหลังเธอต้องพลิกเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่แวดวงหนังอนาจาร และไปจบลงที่อาชีพโสเภณี

ทุกอย่างย้อนแย้งกับบุคคลเบื้องหลังอีกกลุ่ม นั่นคือผู้อำนวยการสร้างของ Lemon Popsicle เมนาเฮม โกแลน (Menahem Golan) และโยแรม โกลบัส (Yoram Globus) ที่ประสบความสำเร็จกับรายได้ทั่วโลกของหนังทั้งแปดภาคเรื่องนี้ ถึงขนาดฮอลลีวูดอ้าแขนต้อนรับ ในขณะที่ทีมงานได้รับเงินค่าตอบแทนเล็กน้อยมาก ซาชิ นอยเปิดเผยว่า เขาได้ค่าตัวจากงานแสดงหนังภาคแรกเพียง 750 ดอลลาร์เท่านั้น (ราว 22,500 บาท) เปอร์เซ็นต์จากรายได้ของหนังก็ไม่มี

ไม่เพียงแต่การกดขี่เรื่องค่าตอบแทน ตลอดการสร้างหนังทั้งแปดภาคนี้ยังมีเรื่องราวของการกดขี่ทางเพศ เหมือนอย่างที่นักแสดงบอกเล่าในตอนท้ายของหนังสารคดีว่า ทุกอย่างเต็มไปด้วยเรื่องวิกลจริต เสื่อมทราม และล้าหลัง

หนังสารคดี Eskimo Limon เกิดขึ้นได้จากการค้นคว้านานหลายปี เอริค ฟรีดเลอร์นำบางส่วนของหนัง และคำบอกเล่าจากความทรงจำของผู้คนมาประกอบชิ้นส่วนเพื่อบอกเล่า แม้กระทั่งบทสนทนาบางส่วนจากปากของเมนาเฮม โกแลน ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี 2014 ก็ยังเอ่ยถึง Lemon Popsicle

ในตอนท้ายของหนังสารคดี มีภาพการกลับมาพบกันอีกครั้งของนักแสดง…ซาชิ นอย อีฟทัค คัตซัวร์ และอานัต อัตซ์มอนนั่งร่วมกันในเรือพาย และคราวนี้ไม่มีใครต้องตกลงไปในน้ำ ทั้งสามคนรอดชีวิตจากปรากฏการณ์ Lemon Popsicle ทุกคนยังอยู่ดี และไม่รู้สึกขมขื่นก็จริง แต่ภาพที่บอกเล่าก็ไม่ได้สะท้อนถึงความสุขจริงๆ

ปฐมบทของ Lemon Popsicle คือ ‘Going Steady’ หรือ ‘รักน้อยๆ หน่อย’ ชื่อเรื่องในภาษาไทย เล่าเรื่องราวของเพื่อนรักสามคน…เบนนี จอห์นนี และโมโม ที่เติบโตขึ้นในเมืองเทลาวีฟตอนปลายทศวรรษ 1950s ต่างคนมีความสนใจร่วมกัน นั่นคือ ผู้หญิง ปาร์ตี้ และการหาประสบการณ์ทางเพศ

แกนของเรื่องอยู่ที่ความรักของเบนนีที่มีต่อนิลี เริ่มแรกที่เขาอยากทำความรู้จักเธอ เขาก็แอบปล่อยลมล้อจักรยานของเธอ แล้วชวนเธอซ้อนท้ายไปกับจักรยานของเขา แต่นิลีสนใจอยากรู้จักโมโม-เพื่อนในกลุ่มของเบนนีมากกว่า เมื่อเธอคบหากับโมโมได้สักพัก นิลีตั้งท้อง โมโมคิดอยากเลิก พวกเขาจึงมีปากเสียงกัน เบนนีมาคอยเฝ้าดูแลเธอ อีกทั้งยังหาเงินและจัดการเรื่องทำแท้งให้เธอ หลังจากนั้นเบนนีสารภาพรักกับเธอ เรื่องราวคล้ายจะลงเอยด้วยดี แต่ฉากสุดท้ายกลับกลายเป็นภาพนิลีในอ้อมกอดของโมโมอีกครั้ง

หนังเรื่องนี้มีชื่อส่งเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ในปี 1979 สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยม นอกจากนั้นยังมีโอกาสเข้าร่วมประกวดในเทศกาล Berlinale 1978 และเข้าชิงในสาขาภาพยนตร์ต่างประเทศในเทศกาลต่างๆ ถึง 19 เทศกาล เพียงแต่ไม่มีชื่อติดหนึ่งในห้าสำหรับงานประกาศผลรางวัลออสการ์ครั้งที่ 51

อ้างอิง:

Fact Box

ชื่อหนังต้นฉบับภาษาฮิบรู Eskimo Limon มาจากยี่ห้อของไอติม Eskimo ที่ทุกวันนี้ยังมีขายในอิสราเอล และเป็นผลิตภัณฑ์ของเครือบริษัทสเตราส์ กรุ๊ป มีหลากรสให้เลือก หนึ่งในนั้นคือ รสมะนาว

Tags: , , , ,