ไรอัน กอสลิ่ง หนุ่มนัยน์ตาโศกที่ไม่ว่าจะสวมบทบาทไหน เราก็พร้อมจะหลงรัก เขาเริ่มต้นชีวิตในวงการบันเทิงด้วยการเป็นพิธีกรรายการ The Mickey Mouse Club รุ่นเดียวกับบริทนีย์ สเปียร์ และจัสติน ทิมเบอร์เลค จากนั้นก็เริ่มงานการแสดงเมื่ออายุ 18 ปี กับซีรีส์เรื่อง Young Hercules

เขาคือผู้ชายที่มีรอยยิ้มหวานเศร้าที่สุดคนหนึ่ง และเป็นรอยยิ้มที่เข้าไปครองหัวใจผู้ชมหลายคน อีกทั้งดวงตาสีฟ้านั้นก็ชวนให้เราสั่นไหวทุกครั้งที่ได้เห็น ทั้ง 5 บทบาทใน 5 ภาพยนตร์ของไรอันนี้ ขอเตือนว่าอย่าเผลอดูในวันเดียว เพราะมันอาจจะทำให้คุณสลัดเขาออกจากใจไปไม่ได้อีกนาน

The Notebook (2004)

ภาพยนตร์รักโรแมนติกขึ้นหิ้งและทำให้ใครหลายคนต้องเสียน้ำตา ดัดแปลงมาจากงานเขียนของนิโคลัส สปาร์คส์ นักเขียนนิยายรักที่ครองใจแฟนทั่วโลกและมีผลงานที่นำไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ถึง 11 เรื่อง

สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ไรอัน กอสลิ่ง ต้องสวมคอนแทคเลนส์ในการถ่ายทำเพื่อปกปิดดวงตาสีฟ้าเศร้าของเขาให้กลายเป็นสีน้ำตาล และการที่เขาได้รับบทนำในภาพยนตร์ The Notebook นั่นก็เพราะผู้กำกับบอกว่าเขาไม่เหมือนนักแสดงหนุ่มคนอื่นๆ ไม่หล่อ ไม่เท่ เป็นแค่ผู้ชายธรรมดาที่ดูบ้านิดๆ

เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นที่สถานพักฟื้นคนชรา ชายชราคนหนึ่งแวะเวียนไปหาหญิงชราที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์บ่อยครั้ง และการไปแต่ละครั้งเขาจะพกสมุดบันทึกไปด้วย สมุดที่เขาใช้เล่าเรื่องของคู่รักคู่หนึ่งให้เธอฟัง ถึงแม้วันหนึ่งเธอจะจดจำสิ่งใดไม่ได้เลยก็ตาม

จุดเริ่มต้นของคู่รักในสมุดเล่มนั้นย้อนกลับไปในฤดูร้อนปี 1947 โนอา ชายหนุ่มธรรมดาฐานะยากจนดันไปตกหลุมรัก แอลลี่ คุณหนูสุดสวย ฐานะดีและมีการศึกษา เธอมาพักร้อนในชนบทเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็นานพอที่จะทำให้เธอกับโนอารักกัน ความรักของทั้งสองนั้นช่างหวานหอม แต่อุปสรรคก็คือครอบครัวของแอลลี่นั้นมองว่าโนอายังไม่ดีพอสำหรับลูกสาวตัวเอง ทั้งคู่จึงจำต้องพรากจากกัน โนอาพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รักกับเธอ แต่ก็โดนกีดกันทุกๆ ครั้ง จนเมื่อเกิดสงครามโลก ความรักครั้งนี้ก็ดูจะสิ้นสุดไปด้วย สิ่งที่ยิ่งใหญ่และสำคัญที่สุดของโนอาและแอลลี่ก็คือกันและกัน แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ลงเอยด้วยกันอยู่ดี

Crazy, Stupid, Love. (2011)

ภาพยนตร์รักอารมณ์ดีที่อาจบอกกับเราได้กลายๆ ว่า “คงจะมีรักจริงรออยู่ที่ดินแดนใดสักแห่ง” เต็มไปด้วยความขบขัน และจริงจังเรื่องครอบครัว หลายสถานการณ์ รวมถึงตัวละครต่างเชื่อมโยงถึงกันได้อย่างลงตัว เป็นภาพยนตร์ที่พูดได้เลยว่ามีแต่รอยยิ้ม ถึงแม้จะบางเรื่องจะเจ็บแปลบขนาดไหนก็ตามที

เมื่อคาร์ล สามีแสนดีที่อาจจะน่าเบื่อไปบ้างกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่คาดฝัน เอมิลี่ ภรรยาของเขาขอหย่าแบบกะทันหัน เพราะไม่อาจทนกับชีวิตคู่ที่นับวันก็กร่อยลงไปทุกที อีกทั้งเธอยังแอบไปมีความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานอีกด้วย

คาร์ลเสียศูนย์ในชีวิต และไม่คิดจะรั้งเธอไว้ เนื่องจากตัวเองเจ็บปวดจนไม่อยากทำอะไร คาร์ลเริ่มดื่มและเที่ยวบาร์ทุกวัน จนไปเจอเข้ากับ เจค็อป ชายหนุ่มรูปงามมากเสน่ห์ เขาช่วยคาร์ลเปลี่ยนแปลงให้เป็นคนใหม่ ไม่ว่าจะการแต่งกาย การพูดจา และนิสัย ทั้งสองเข้ากันได้ดีและเริ่มควงสาวๆ ไม่ซ้ำหน้า

แต่แม้ภายนอก ทั้งคู่จะดูแข็งแกร่งและร่าเริงแค่ไหน ความจริงในใจต่างโหยหายความมั่นคงทางจิตใจ ความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนไม่อาจให้สิ่งเหล่านั้นแก่พวกเขาได้ ดังนั้น เขาจึงต้องถามหัวใจตัวเองกันอีกทีว่าลึกๆ แล้วสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับตัวเองคืออะไร

ทุกความล้มเหลวในชีวิตจะไม่เป็นแค่เพียงเรื่องผิดพลาดที่ผ่านไป แต่ยังเป็นบทเรียนให้กับเราได้อีกด้วย ประสบการณ์จะสอนเราเองว่าควรรับมือกับอะไรในแบบไหน ในแต่ละช่วงวัยเราจะเจอความรักในรูปแบบที่แตกต่างกัน มันจะเจ็บปวดในทุกครั้ง แต่มันก็จะสวยงามทุกๆ ครั้งเช่นกัน

Drive (2011)

Drive นับว่าในหนึ่งในภาพยนตร์ที่ทำให้ใครหลายคนตกหลุมรักไรอันมากยิ่งๆ ขึ้น ด้วยบทบาทที่นิ่งขรึม พูดน้อย แววตาเจ็บปวด และดูเปราะบางเหมือนคนที่พร้อมจะพังตลอดเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็มุ่งมั่น เด็ดเดี่ยวพอจะทำเรื่องอันตราย และซื่อตรงกับหัวใจมากพอ

ภาพยนตร์เปิดมาด้วยฉากขับรถของหนุ่มนิรนามคนหนึ่ง ที่เราทราบในภายหลังว่าหน้าที่การงานของเขาค่อนข้างแปลก ในมุมหนึ่งเขาคือสตั๊นแมนในกองถ่าย และพนักงานในอู่ซ่อมรถ แต่ในอีกมุมเขาคือไดรเวอร์ หนุ่มนักซิ่งซึ่งรับจ๊อบเป็นคนขับรถให้พวกอาชญากร

เขาเป็นชายหนุ่มตัวคนเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่สังสรรค์กับใคร จนเมื่อเขาพบกับไอรีน สาวผมสั้นข้างห้องที่มีลูกชายตัวเล็กๆ อาศัยอยู่ด้วย สามีของเธออยู่ในระหว่างการจำคุก ไอรีนจึงเลี้ยงลูกด้วยตัวคนเดียว นับจากวันแรกที่ได้พูดคุยกัน ทั้งสองต่างก็เก็บกันและกันไว้ในใจ โลกที่อ้างว้างและเปลี่ยวเหงาถูกเติมเต็มด้วยความอบอุ่นจากการตกหลุมรักที่คุกรุ่นอยู่ภายใน เป็นความรักที่ไม่ได้เอ่ยปากหรือมีคำมั่นสัญญาใดๆ

จนเมื่อสามีของไอรีนเป็นอิสระอีกครั้ง ไดรเวอร์ของเราจึงต้องเจ็บปวด แต่เขาก็ไม่เคยก้าวก่ายชีวิตคู่ของเธอเลย ซ้ำยังยินดีที่เห็นเธอมีชีวิตอยู่พร้อมหน้าครอบครัว และก็เหมือนชะตากลั่นแกล้งให้ไดรเวอร์มีเหตุต้องพัวพันกับสามีของไอรีน นั่นก็เพราะเขารักเธอ เขาจึงยอมเสียสละเพื่อให้เธอมีความสุข แต่ก็ไม่รู้ว่ามันจะทำให้เธอมีความสุขหรือพรากความสุขไปจากเธอกันแน่

Drive กำกับโดยนิโคลัส วินดิ้ง เรฟน์ ผู้พาตัวเองไปคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ปี 2011 ด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้

The Place Beyond the Pines (2012)

จาก Blue Valentine สู่ The Place Beyond the Pines บทบาทพ่อที่เหมือนและแตกต่างของไรอัน ซึ่งภาพยนตร์สองเรื่องที่ว่านี้เป็นฝีมือจากผู้กำกับคนเดียวกัน นั่นก็คือ ดีเร็ค เซียนฟรานซ์

ในบทบาทพ่อของภาพยนต์สองเรื่องดังกล่าว ไรอัน คือพ่อที่ไม่ได้เรื่อง เขาพยายามจะเป็นพ่อที่ดี และแสดงออกถึงความรักที่มีต่อลูกและแม่ของลูก แต่สุดท้ายแล้วก็เหมือนว่าอะไรๆ จะสายเกินไป ซึ่งนำไปสู่จุดจบที่ไม่ค่อยสวยงาม

The Place Beyond the Pines คือชะตากรรมและว่าด้วยผลของการตัดสินใจ ซึ่งไม่ใช่แค่ผลในระยะสั้น แต่มันคือผลในระยะยาวที่สืบต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น

ภาพยนตร์ถูกแบ่งออกเป็นสองช่วงอย่างชัดเจน ช่วงแรกเป็นเรื่องราวของลูค สตันต์แมนนักขี่มอเตอร์ไซค์ผาดโผน ที่ไม่ค่อยจริงจังกับชีวิต จนเมื่อมาทราบว่าตัวเองมีลูกชายกับคนรักเก่า เขาจึงพยายามปรับตัวและเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อแก้ไขให้ทุกอย่างเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แต่ลำพังการขี่มอเตอร์ไซค์โชว์อย่างเดียวไม่ได้ให้ค่าแรงที่ดีพอ ลูคจึงตัดสินใจหาวิธีลัดในการหาเงิน เขาลงมือปล้นธนาคารและใช้ทักษะที่ตัวเองมีในการหนีเอาตัวรอด

ช่วงที่สองของภาพยนตร์จะเน้นไปที่ชีวิตของเอเวอรี่ ครอส ตำรวจหนุ่มไฟแรงแต่ไม่ค่อยเอาไหน ทะเยอทะยานและก็ทำให้ทุกอย่างเป็นดั่งหวัง แต่ก็ทำไปในแบบที่ไม่ได้บริสุทธิ์เสียทีเดียว

วันเวลาผ่านไปจนถึงจุดที่เราพบว่า ผลของการกระทำอันยาวนานนั้นปรากฏตัวออกมาเป็นอย่างไร มันเป็นตลกร้ายของชะตากรรมที่ดึงพวกเขาเข้ามาเกี่ยวพันกันไม่ต่างจากสิบกว่าปีก่อน ชีวิตคนหนึ่งขึ้นไปจุดสูงสุดด้วยชีวิตอีกคน และชีวิตอีกคนก็พลอยตกต่ำด้วยชีวิตอีกคน ทั้งหมดมีจุดร่วมที่เหตุการณ์เดียวกัน และหากบอกว่ามันเริ่มมาจากลูคก็คงไม่ผิด การตัดสินใจที่พลาดพลั้งของเขานำมาซึ่งเหตุการณ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง ค่าใช้จ่ายในการใช้ชีวิตของทุกคนมันมากเหลือเกิน

Gangster Squad (2013)

Gangster Squad เป็นภาพยนตร์ที่สร้างมาจากหนังสือขายดีของพอล ลีเบอร์แมน และมีพื้นฐานมาจากเหตุการณ์จริงของมิคกี้ โคเฮน มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลในเมืองลอสแอนเจลิสช่วงยุค ’30s ถึง ’60s เรื่องของมิคกี้นี้ถูกนำไปสร้างและอ้างอิงในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง เช่น Bugsy (1991), L.A. Confidential (1997) และ The Black Dahlia (2006)

เหตุการณ์ในภาพยนตร์เกิดขึ้นในช่วงยุค ’40s เมืองลอสแองเจลิสถูกครอบครองโดยมาเฟียอย่างมิคกี้ โคเฮน เขาทำธุรกิจมืดต่างๆ และตักตวงผลประโยชน์อย่างไม่แคร์ใครหน้าไหน มิคกี้มีช่องทางและอำนาจพอที่จะทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากปัญหาต่างๆ ที่จะตามมา

แต่มันก็ไม่ตลอดไป เมื่อมีตำรวจนายหนึ่งกล้าหาญพอจะรับหน้าที่เพื่อต่อกรกับแก๊งมาเฟีย ซึ่งนำโดยจอห์น โอมาร่า และสมทบโดยคนอื่นๆ อย่างเช่น เจอร์รี่ วูเทอร์ส (ไรอัน) ผู้มีบทบาทสำคัญไม่แพ้กัน แต่ก็ดันไปข้องแวะกับของรักของหวงของมาเฟีย ซึ่งก็ไม่ใช่อะไรอื่นไกลที่ไหน นั่นก็คือผู้หญิง

แผนการของพวกเขาเป็นไปด้วยดีและประสบความสำเร็จขึ้นเรื่อยๆ จนแก๊งมาเฟียเองอยู่ไม่สุข และการต่อสู้เพื่อทวงคืนความสงบเรียบร้อยก็มีราคาที่ต้องจ่าย มันจึงเป็นไปด้วยความไม่ราบรื่น ไม่มีสิ่งใดจะจบลงอย่างง่ายดาย จนกว่าจะตายจากกันไปข้างนึง ความอยุติธรรมจะหมดลงไปได้ ไม่ใช่ด้วยคำพูด แต่มันเป็นไปได้ด้วยการกระทำ

Tags: , ,