ตลอดปี 2022 ที่ผ่านมา ภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์ของฮอลลีวู้ดหลายเรื่องถูกห้ามฉายในจีน ไล่เรียงตั้งแต่ Shang-Chi and The Legend of The Ten Rings, Spider-Man: No Way Home, Doctor Strange in the Multiverse of Madness ไปจนถึง Top Gun: Maverick ทำให้ภาพยนตร์เหล่านี้สูญเสียรายได้มหาศาลจากการเจาะตลาดจีน ซึ่งมีผู้ชมนับพันล้านรอเข้าชม

ทว่าในอีกไม่ถึง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ชาวจีนจะมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เรื่องใหม่จากยูนิเวอร์แซล นั่นคือ Minions: The Rise of Gru ซึ่งเป็นภาพยนตร์เพียงไม่กี่เรื่องที่รอดพ้นจากคมปากกาของคณะกรรมการเซนเซอร์ของรัฐบาลจีนที่ว่ากันว่า ‘เข้มงวด’ ที่สุดในโลก

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา ยูนิเวอร์แซลพิกเจอร์ส ค่ายของ Minions ได้โพสต์ข้อความลง Weibo โซเชียลมีเดียของจีน ว่า “ไม่ได้พบกันนาน ตัวสร้างปัญหา Minions 2 จะมาพบกับทุกคนในโรงภาพยนตร์วันที่ 19 สิงหาคมนี้ บนจอยักษ์!”

นั่นถือเป็นเรื่องที่สร้างความประหลาดใจ เพราะตลอดปีที่ผ่านมา แทบไม่มีภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่สักเรื่องเข้าฉายในจีน ทั้งที่เป็นแหล่งรายได้อันดับ 2 ของบ็อกซ์ออฟฟิศทั่วโลก รองจากสหรัฐอเมริกา 

ทั้งนี้ การแบนหนังฮอลลีวู้ดของจีนเป็นไปอย่างเข้มข้น และดูจะเลวร้ายลงเรื่อยๆ หลังจากมหาอำนาจทั้งสองชาติเริ่มงัดกัน ตั้งแต่สมัยประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในเวลาเดียวกัน จีนก็พยายามสร้างอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของตัวเอง โดยใช้คำว่าเพื่อสร้าง ‘ความสามัคคีในสังคม’ และ ‘ความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน’ และเพื่อต่อต้านค่านิยมว่าด้วยเรื่อง โกหก อัปลักษณ์รวมถึงวัฒนธรรมเซเลบริตี้ และการบูชาเซเลบริตี้

ในแต่ละปี ทางการจีนอนุญาตให้ภาพยนตร์ต่างชาติเพียง 34 เรื่องเท่านั้นเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ขณะเดียวกัน The China Film Administration (CFA) หน่วยงานที่ทำหน้าที่อนุญาตให้ฉายภาพยนตร์ในจีน ได้ลดจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉาย โดยเฉพาะภาพยนตร์ฮอลลีวูดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเมื่อปี2021 ที่ผ่านมา ในจำนวนภาพยนตร์ที่เข้าฉายทั้งหมด มีภาพยนตร์เพียง 39 เปอร์เซ็นต์ ที่มาจากสหรัฐอเมริกา ลดลงจาก 46 เปอร์เซ็นต์ เมื่อปี 2020 และ 47 เปอร์เซ็นต์ เมื่อปี 2019 

สิ่งที่จีนสั่งแบนมีตั้งแต่ภาพยนตร์ที่มีฉากเกี่ยวข้องกับความรักของตัวละครเพศเดียวกัน ไปจนถึงฉากที่เกี่ยวข้องกับความ ‘ไม่รักชาติ’ เมื่อปีที่ผ่านมา จีนเพิ่งปฏิเสธไม่ให้ Lightyear ภาพยนตร์แอนิเมชันของดิสนีย์เข้าฉาย เพราะมีฉากผตัวละครหญิงจูบกัน นอกจากนี้ Spider-Man No Way Home ก็ถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าฉาย เพราะโซนีพิกเจอร์สปฏิเสธที่จะตัดฉากเทพีเสรีภาพ 

นอกจากนี้ ยังมีการเซนเซอร์อีกระดับ คือเซนเซอร์ในส่วนของนักแสดง และผู้กำกับที่แสดงความคิดเห็นไม่ถูกใจทางการจีน เป็นต้นว่า การแบนภาพยนตร์เรื่อง Shang-Chi เพราะ ซีมู หลิว (Simu Liu) นักแสดงนำ แสดงความเห็นวิพากษ์รัฐบาลจีน หรือภาพยนตร์เรื่อง Eternals ภาพยนตร์อีกเรื่องของมาร์เวล ที่ความเห็นของผู้กำกับเชื้อสายจีน และเกิดในปักกิ่ง ให้สัมภาษณ์ว่าจีนเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยคำโกหก และไม่ให้โอกาสผู้หญิง จนทำให้รัฐบาลจีนโกรธเคือง ทั้งหมดนี้ ทำให้มาร์เวล เจ้าของหนังเหล่านี้สูญรายได้ไปแล้วในหลักหลายสิบล้านเหรียญสหรัฐฯ

กระนั้นเอง ก็มีภาพยนตร์ฮอลลีวูดบางเรื่องที่ประสบความสำเร็จในการเอาจีนในแง่บวก DreamWorks Animation ภาพยนตร์เรื่อง Abominables ในปี 2019 นำเสนอตัวละครหลักชื่อ ‘ยี่’ วัยรุ่นในเซี่ยงไฮ้ พร้อมแผนที่บนผนังห้องนอนของเธอซึ่งแสดงภาพ ‘เส้นประ 9 เส้น’ ที่จีนใช้เพื่อทำเครื่องหมายการอ้างสิทธิ์ในทะเลจีนใต้

สำหรับมินเนียนภาคใหม่ ว่าด้วยชีวิตวัยเด็กของ เฟโลเนียส กรู (Felonius Gru) ก่อนที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นวายร้าย กรูจ้างมินเนียนอย่าง เควิน สจ๊วต ออตโต้ บ๊อบ และ เดฟ ผู้ช่วยที่โหวกเหวกตลอดเวลา ชอบกินกล้วย เมื่อแผนของกรูผิดพลาด เหล่าสมุนของกรู​ ได้ช่วยเหลือเขาด้วยคำสอนฟังฟูจากปรมาจารย์โจว โดยมีฉากหลังเป็นการเฉลิมฉลองวันตรุษจีนในย่านไชนาทาวน์ของนครซานฟรานซิสโก

นักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่าเมื่อ Minions เป็นภาพยนตร์สำหรับเด็ก มีความเป็นการเมืองน้อย ก็ทำให้จีนมองเป็น ‘ภัยคุกคาม’ น้อยลง ขณะเดียวกัน Minions ยังช่วยส่งเสริมด้านเศรษฐฏิจ และการท่องเที่ยวให้กับรัฐบาลปักกิ่ง… ปัจจุบัน Beijing Shouhan Cultural Tourism รัฐวิสาหกิจของจีน ถือหุ้นกว่า 70% ในโครงการ Universal Beijing Resort สวนสนุกแห่งใหม่ในปักกิ่งซึ่งเพิ่งเปิดเมื่อปีก่อน

คริส เฟนตัน (Chris Fenton) อดีตประธานบริษัท DMG Entertainment บริษัทผู้ผลิต และจัดจำหน่ายภาพยนตร์ในจีนอย่าง Iron Man 3 และ Looper ให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Fortune ว่า การอนุญาตให้ Minions เข้าฉาย เป็นการตัดสินใจที่จีนได้ประโยชน์ร่วมโดยตรง เพราะหาก Minions ได้รับความนิยม จะมีคนมาเที่ยวสวนสนุกแห่งนี้มากขึ้น และจีน ก็จะได้รายได้เพิ่มขึ้นตามไปด้วย

แต่ปัญหาใหญ่ของฮอลลีวูด ยังมีอย่างอื่นนอกเหนือจากการเซนเซอร์ภาพยนตร์ อุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนนั้นเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ปีที่แล้ว จีนมีนโยบายสร้างหนังของตัวเองในประเทศมากขึ้น และหวังว่าหนังที่สร้างเอง ต้องมีรายได้อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของรายได้บ็อกซ์ออฟฟิศรวมทั้งหมด นั่นทำให้จำนวนภาพยนตร์ฮอลลีวูดที่เข้าฉายลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

อุตสาหกรรมที่จีนกำลังพยายามปลุกปั้นก็คือภาพยนตร์ ‘แอนิเมชัน’ ก่อนหน้านี้ แอนิเมชันจากจีนถูกระบุว่ามีคุณภาพไม่ค่อยดีนัก และภาพก็ไม่ได้สวยงามเท่ากับแอนิเมชันจากญี่ปุ่น และจีน ซึ่งจีนเองก็เข้าใจเรื่องนี้ดี และต้องการผูกสัมพันธ์กับสตูดิโอแอนิเมชันของอเมริกัน และญี่ปุ่น มากขึ้น

กระนั้นเอง จีนยังคงต้องนำเข้าภาพยนตร์จากฮอลลีวูด เนื่องจากภาพยนตร์ในประเทศยังไม่เพียงพอที่จะทำให้แน่ใจว่ารายได้บ็อกซ์ออฟฟิศโดยรวมจะมากกว่าภาพยนตร์ฮอลลีวูด แต่นั่นหมายความว่าภาพยนตร์ที่เอาเข้ามา จะต้องผ่านกระบวนการเซนเซอร์อย่างเข้มงวดมากขึ้น

ไมเคิล เบอร์รี ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา ประจำมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอส แอนเจอลีส ให้สัมภาษณ์กับฟอร์จูน เช่นเดียวกันว่า ปีที่ผ่านมา ภาพยนตร์จีนเรื่อง The Battle at Lake Changjin ภาพยนตร์ที่ส่งเสริมแนวคิดรักชาติ เป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดกว่า 900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผลมาจากการแบนภาพยนตร์ฮอลลีวูดจำนวนมาก

เบอร์รียังบอกอีกว่า จีนไม่ได้หวังให้ฮอลลีวูดช่วยนำหนังไปฉายในสหรัฐฯ แต่ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่นั้น กระทบกับฮอลลีวูดโดยตรง เมื่อภาพยนตร์หลายเรื่องหมดโอกาสทำตลาดในจีน

“ฮอลลีวูดยังมีสิ่งที่ต้องสูญเสียมากกว่าจีนอีกมาก หากความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นขมขื่น” เบอร์รีระบุ

 

ที่มา

https://fortune.com/2022/08/09/china-movies-marvel-spider-man-minions-hollywood/

https://www.globaltimes.cn/page/202111/1238525.shtml

Tags: , , ,