เมื่อวานนี้ (7 สิงหาคม 2022) สำนักข่าว เซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานว่า เด็กนักเรียนหญิงและสตรีชาวอินโดนีเซียกำลังเผชิญกับการคุกคาม ไม่ว่าจะเป็นการกลั่นแกล้ง หรือการล่วงละเมิด หากพวกเธอไม่สวมใส่ผ้าคลุมศีรษะของผู้หญิงมุสลิมหรือฮิญาบ
ลินิ วิเดียสตูติ (Rini Widiastuti) แหล่งข่าวของเซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ซึ่งเป็นครูสอนนาฏศิลป์ร่วมสมัยชาวชวา และผู้ผลักดันเสรีภาพในการเลือกสวมใส่ฮิญาบให้สตรีชาวอินโดนีเซียกว่า 4 ปี กล่าวว่า แม้เธอและครอบครัวจะเป็นชาวมุสลิม ทว่าจำนวนของผู้หญิงมุสลิมที่สวมใส่ฮิญาบมากขึ้นในปัจจุบัน ทั้งโดยสมัครใจหรือเนื่องจากแรงกดดันทางสังคม กลับทำให้เธอกังวลเป็นอย่างมาก
ในปี 2014 ลินิให้ข้อมูลว่า เธอมีปัญหากับบุคลากรในโรงเรียนประถมของหลานสาว เกี่ยวกับการที่โรงเรียนบังคับให้เธอสวมใส่ฮิญาบ ต่อมาจึงได้พาหลานสาวไปเรียนที่โรงเรียนใกล้บ้านแทน อย่างไรก็ตาม 5 ปีถัดมา เธอยังได้รับจดหมายจากคุณครูใหญ่แจ้งเรื่องการบังคับให้เด็กผู้หญิงทุกคนต้องสวมใส่ฮิญาบ
“แม้ว่าฉันและครอบครัวจะเป็นมุสลิม แต่เราไม่เห็นฮิญาบเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงออกทางวัฒนธรรมของเรา ถ้าฉันต้องการให้หลานสาวสวมฮิญาบ ฉันจะส่งเธอไปโรงเรียนสอนศาสนา”
ลินิกล่าวต่อว่า หลานสาวของฉันตั้งใจแน่วแน่ที่จะสวมฮิญาบเฉพาะในชั้นเรียนศาสนาเท่านั้น แต่จากการตัดสินใจดังกล่าวของเธอ กลับทำให้เพื่อนและครูรังควานเธอมากขึ้นเรื่อยๆ พอจบเดือนแรกของการเรียน เธอก็เริ่มใส่ฮิญาบบ่อยขึ้น และพอเข้าเดือนที่ 3 ของการเรียน เธอก็ใส่ฮิญาบทุกวันเป็นประจำ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว ลินิได้เขียนข้อความลงในสื่อสังคมออนไลน์ของตัวเอง ข้อความของเธอได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางรวมทั้งหลานสาวของเธอก็ได้รับอนุญาตให้ไม่ต้องสวมฮิญาบด้วย “อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น ฉันก็ได้รับข้อความที่แสดงถึงความเกลียดชังจากเพื่อนบ้านและพ่อแม่คนอื่นๆ เป็นจำนวนมาก”
จากรายงาน ‘I Wanted to Run Away: Abusive Dress Codes for Women and Girls in Indonesia’ ขององค์กรสิทธิมนุษยชน ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ (Human Rights Watch) เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2021 ให้ข้อมูลว่า เด็กและสตรีชาวมุสลิมในอินโดนีเซียราว 80 ล้านคนหรือประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของสตรีชาวมุสลิมในอินโดนีเซียสวมใส่ฮิญาบ
เซาต์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ให้ข้อมูลว่า ประสบการณ์ของ ลินิ วิเดียสตูติ ไม่ใช่เหตุการณ์ซึ่งเกี่ยวโยงกับการเสรีภาพในการแต่งกายเดียวที่เกิดขึ้นในอินโดนีเซีย ในปลายเดือนกรกฎาคม หน้าแรกของสื่อสังคมออนไลน์ของชาวอินโดนีเซียเต็มไปด้วยข่าวเด็กนักเรียนหญิงนิรนามรายหนึ่งเกิดอาการทางประสาทหลังจากถูกครูบังคับให้สวมฮิญาบ
ด้าน เอโค ซูวานโต (Eko Suwanto) หนึ่งในสมาชิกกลุ่มยอกยาการ์ตา (Yogyakarta) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ส่งเสริมด้านสิทธิมนุษยชน กล่าวประณามเหตุการณ์ดังกล่าวว่า รัฐบาลต้องทำทุกวิถีทางไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคต และพลเมืองทุกคนมีอิสระในการใช้เสรีภาพทางศาสนาของตน
ด้านหน่วยงานของรัฐออกมาเตือนในเวลาต่อมาว่า โรงเรียนที่บังคับให้เด็กผู้หญิงสวมผ้าคลุมศีรษะจะถูกคว่ำบาตรทันที
หากกล่าวถึงสาเหตุของการบังคับให้สวมใส่ฮิญาบที่แพร่หลายอย่างเห็นได้ชัดในโรงเรียนอินโดนีเซีย ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ ให้ข้อมูลในรายงาน ‘Indonesia: Dress Codes Discriminate Against Women, Girls Schoolgirls, Female Civil Servants Suffer Under Abusive Regulations’ ในวันที่ 18 มีนาคม 2021 ว่า ในปี 2014 กระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมของอินโดนีเซียได้ประกาศชุดนักเรียนประจำชาติโดยให้นิยามของ ‘เสื้อผ้ามุสลิม’ ว่ามีลักษณะเป็นกระโปรงยาว เสื้อเชิ้ตแขนยาว และผ้าฮิญาบ ซึ่งในประกาศดังกล่าวให้คำแนะนำว่าลักษณะเสื้อผ้าดังกล่าวเป็นเสื้อผ้าแบบเดียวที่เด็กผู้หญิงมุสลิมสามารถใส่ได้
ฮิวแมน ไรต์ส วอตช์ กล่าวในรายงานดังกล่าวว่า การนิยามข้างต้นกระตุ้นให้สำนักงานการศึกษาระดับจังหวัดและระดับท้องถิ่นออกกฎใหม่ ซึ่งทำให้โรงเรียนของรัฐหลายพันแห่ง ตั้งแต่ระดับประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย เขียนนโยบายเกี่ยวกับชุดนักเรียนใหม่โดยมีฮิญาบเป็นองค์ประกอบ
ก่อนหน้าจะนิยามลักษณะของเสื้อผ้าแบบมุสลิมในปี 2014 กฎหมายฉบับปี 1982 ของกระทรวงศึกษาธิการฯ อินโดนีเซีย ไม่อนุญาตให้สวมฮิญาบในโรงเรียน ต่อมาจึงแก้ไขเป็นให้นักเรียนชาวมุสลิมสามารถแต่งกายตามแบบศาสนาในโรงเรียนได้เป็นครั้งแรกในปี 1991
ดังนั้น หลายฝ่ายจึงมองว่า จากการอนุญาตให้เด็กนักเรียนชาวมุสลิมแต่งกายตามแบบของศาสนาในโรงเรียนได้ ประกอบกับการนิยาม ‘เสื้อผ้าแบบมุสลิม’ ของกระทรวงศึกษาธิการและวัฒนธรรมของอินโดนีเซีย นำมาซึ่งการบังคับให้นักเรียนหญิงชาวมุสลิมต้องสวมใส่ฮิญาบเท่านั้น
ที่มา
https://www.hrw.org/news/2021/03/18/indonesia-dress-codes-discriminate-against-women-girls
Tags: Report, มุสลิม, อินโดนีเซีย, ฮิญาบ