Q: หนูรู้สึกเหมือนคุณพ่อกำลังมีเมียน้อย ไม่สบายใจเลยค่ะ ควรทำยังไงดีคะ
A: คำถามนี้สะท้อนความทุกข์ของคนมากมายเมื่อความสัมพันธ์ในครอบครัวแบบพ่อแม่ลูกไม่เป็นไปตามแบบแผนกติกา เมื่อความเปลี่ยนแปลงในความรัก/ความสัมพันธ์ของคนคู่หนึ่งกระทบคนใน ‘ครอบครัว’ กลายเป็นการสร้างบาดแผลในใจและในชีวิตเมื่อหลายคนเติบโตขึ้นในครอบครัวแบบพ่อแม่ลูก
ความสัมพันธ์ซ้อนอาจจะสะท้อน
การไม่สามารถจะจัดการกับภาระ ความคาดหวัง
และความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับชีวิตแต่งงาน
คนมากมายใช้เวลายาวนานในชีวิตจัดการกับปมความสัมพันธ์ที่ตัวเองมีกับพ่อแม่ และหลายเรื่องเกี่ยวข้องกับความอึดอัดเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตัวตนและความปรารถนาทางเพศของพ่อแม่
ใน ‘ครอบครัว’ ขนาดเล็กตามความเข้าใจและจินตนาการของคนมีความสัมพันธ์หลายชุดที่เกี่ยวข้องกัน แต่ไม่ใช่เรื่องเดียวกันเสียเลยทีเดียว ความวุ่นวายใจของหลายๆ คนมาจากการเชื่อมโยงความสัมพันธ์เหล่านี้ให้เป็นเรื่องเดียวกันและกระทบกันไปมา
เช่น ปัญหาความสัมพันธ์ที่ไม่เป็นสุขของผัวเมียที่แสดงออกผ่านการทะเลาะเบาะแว้ง ความเย็นชา ฯลฯ ถูกรับรู้และรู้สึกร่วมโดยลูก การกระแหนะกระแหนประชดประชันระหว่างผัวเมีย สะเทือนขวัญและอารมณ์ของลูกได้เสมอ
ที่ยุ่งไปกว่านั้นคือ การดึงลูกเป็นพวกเมื่อทะเลาะกัน หรือมีปัญหาความสัมพันธ์ หลอมรวมความสัมพันธ์ผัวเมียกับพ่อแม่ลูกให้เป็นเรื่องเดียวกัน กลายเป็นว่าผัวเมียหมดรักกัน ก็ต้องทำให้ลูกหมดรักพ่อหรือแม่ของเขาไปด้วย
คุณคนถามสงสัยว่าพ่อมีเมียน้อย และไม่สบายใจ แต่ไม่ได้ขยายความว่าไม่สบายใจอย่างไร เลยขอชี้ชวนแง่มุมที่อาจจะพิจารณาในสถานการณ์ทำนองนี้ โดยแยกความสัมพันธ์ซ้อนของพ่อออกจากความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและตัวคนถามออกจากกัน ก่อนจะจับมารวมกันใหม่
ถ้าพ่อของเจ้าของคำถามมีความสัมพันธ์ซ้อน ก็น่าจะคิดต่อไปอีกนิดว่าการไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นทั้งที่มีคู่อยู่แล้วบอกอะไรเราบ้าง ความสัมพันธ์ซ้อนในระบบความเชื่อว่าความสัมพันธ์ที่ดีงามต้องเป็นเรื่องของคนสองคนที่รักและตอบสนองอารมณ์และความต้องการทุกอย่างของกันและกันได้ สะท้อนความไม่พอดี/ไม่สอดคล้องในความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้ว ตั้งแต่เรื่องการมองโลก วิถีชีวิต ไปจนถึงเรื่องเพศ ความไม่พอดีนี้อาจจะจัดการได้โดยการเรียนรู้และปรับรับกันที่ต้องอาศัยเวลา ความพยายาม และการลงทุนทางอารมณ์
แต่ความไม่พอดีของคนหลายคู่อาจจะถูกทิ้งไว้เช่นนั้น หล่อเลี้ยงความอึดอัดไม่เป็นสุขที่ผลักให้คนมีความสัมพันธ์ซ้อนเพื่อชดเชยหรือทดแทนความไม่พอดีในความสัมพันธ์เดิมก็เป็นได้
ความไม่พอดี/ไม่สอดคล้องในความสัมพันธ์ที่มีอยู่แล้ว
ตั้งแต่เรื่องการมองโลก วิถีชีวิต ไปจนถึงเรื่องเพศ
ความไม่พอดีนี้อาจจะจัดการได้โดยการเรียนรู้
และปรับรับกันที่ต้องอาศัยเวลา ความพยายาม
และการลงทุนทางอารมณ์
ความสัมพันธ์ซ้อนอาจจะสะท้อนการไม่สามารถจะจัดการกับภาระ ความคาดหวัง และความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับชีวิตแต่งงาน ความแน่นิ่งชะงักงันของชีวิตที่มีแบบแผนตายตัว และอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างในตัวตนและอารมณ์ของคน
ความสัมพันธ์ซ้อนของพ่อสะท้อนคุณภาพความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับเมียของเขา โดยอาจจะไม่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกเลยก็ได้ แต่เนื่องจากความสัมพันธ์ซ้อนกระทบใจและสถานะของเมียและแม่ และมีผลถึงรูปแบบวิถีชีวิตของทั้งครอบครัวได้ คนเป็นลูกจึงหลีกเลี่ยงจากความเดือดร้อนกายและใจไม่ค่อยได้
หลายคนพยายามจะเข้าใจความสับสนไม่ลงตัวในความสัมพันธ์ของตัวเองกับคนที่รัก แต่กลับมองไม่เห็นว่าพ่อแม่ของตัวเองก็อาจจะเผชิญความทุกข์ใจนานาประการจากความสัมพันธ์ระหว่างคู่ของเขาได้เช่นกัน เรามักลืมไปว่าพ่อแม่ก็มีตัวตนทางเพศและความรู้สึกแบบมนุษย์ๆ อย่างที่เราเป็นได้เช่นกัน
เป็นไปได้ว่าการมีความสัมพันธ์ซ้อนของหลายๆ คนสะท้อนการหมดรักผัวหรือเมียตัวเอง แต่ไม่ได้แปลว่าเธอหรือเขาจะหมดรักลูกไปด้วยพร้อมกัน อาการรักบางคน/หมดรักบางคนในครอบครัวทำให้การจัดการกับสถานการณ์ความสัมพันธ์ซ้อนเป็นไปอย่างยากลำบากและสร้างความทุกข์ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ความไม่สบายใจของเจ้าของคำถามนี้น่าจะมาจากหลายปัจจัย อย่างความสงสารแม่และ/หรือรู้สึกว่าพ่อหมดรักหรือไม่รักตัวเองมากพอ ไปจนถึงความกังวลว่าวิถีชีวิตแบบครอบครัวที่ตัวเองคุ้นเคยกำลังจะเปลี่ยนแปลงไป
เป็นไปได้ว่าการมีความสัมพันธ์ซ้อนของหลายๆ
คนสะท้อนการหมดรักผัวหรือเมียตัวเอง
แต่ไม่ได้แปลว่าเธอหรือเขาจะหมดรักลูกไปด้วยพร้อมกัน
ไม่ว่าพ่อจะมีความสัมพันธ์ซ้อนหรือไม่ การมองเห็นและเข้าใจสถานะความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ว่ามีแง่มุมไม่ลงรอย/ไม่ลงตัวได้มากมาย อาจจะทำให้คนเป็นลูกเห็นใจทั้งพ่อและแม่ได้พร้อมกันโดยไม่ต้องเลือกข้าง
เรื่องที่ต้องพิจารณาจริงจังคือ ความสัมพันธ์ซ้อนของพ่อกระทบความสัมพันธ์พ่อลูกอย่างไร การพูดคุยกับพ่อ ลองฟังความรู้สึกและการเห็นโลกของพ่อ และวิธีการจัดการกับผลกระทบของความสัมพันธ์ซ้อนต่อความสัมพันธ์อีกหลายแบบในครอบครัว อาจจะทำให้เราได้เห็นและเข้าใจสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงนี้ได้มากขึ้น และปรับตัว/ปรับใจรับกับการตัดสินใจในชีวิตของพ่อได้มากขึ้น
พ่ออาจจะเลือกไปหรืออยู่กับครอบครัวเดิมก็ได้ ถ้าเลือกจะอยู่ก็น่าจะพยายามจัดการคลี่คลายปมความไม่ลงตัวในความสัมพันธ์เดิมให้ได้ ไม่ใช่กลบหรือซ่อนเร้นปัญหาเดิมๆ ที่เผชิญ เพราะจะกลายเป็นการหล่อเลี้ยงทุกข์ที่อาจจะนำไปสู่ปัญหาอีกหลายเรื่องได้อีกในอนาคต
ถ้าพ่อเลือกจะไป ก็คงต้องเดินทะลุความโกรธและน้อยใจพ่อไปให้ได้เพื่อจะเข้าใจและปรับใจกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโดยไม่แตกแหลกสลาย เพราะเป็นไปได้ว่าลูกไม่ได้เสียความรักของพ่อและแม่ เพียงแต่รูปแบบการอยู่ร่วมกันเท่านั้นที่เปลี่ยนไป
แต่เชื่อหรือไม่ว่าสำหรับคนจำนวนไม่น้อย ความเป็นพ่อ (และอาจจะปะปนด้วยความหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงในชีวิต) มักจะทำให้คนเลือกจะอยู่กับ ‘ครอบครัว’ เดิมและความทุกข์ที่เขาเคยชิน มากกว่าจะเปลี่ยนเส้นทางไปเผชิญกับความไม่แน่นอนในชีวิต คงเพราะอย่างนี้ผู้ชายมากมายจึงเลือกจะอยู่กับเมียคนเดิมและครอบครัวเดิมของตัวเองต่อไป
ที่ตอบมายืดยาวนี้ตั้งอยู่บนการสมมติว่าพ่อของคุณคนถามไปมีความสัมพันธ์ซ้อน และผลกระทบที่จะมีต่อความสัมพันธ์แบบต่างๆ ในครอบครัว แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันว่าคำถามนี้เป็นเพียงความสงสัยที่อาจจะไม่ได้เป็นจริง
ลองให้เวลาค่อยๆ คลี่คลายให้รู้ว่าที่สุดแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ระหว่างรอคำตอบก็ลองมองความสัมพันธ์แบบผัวเมียของพ่อแม่ให้ดี ลองทำความเข้าใจความสุขความทุกข์ในความสัมพันธ์นั้น ถามตัวเองว่าถ้าเราเป็นเขาเราจะทำอย่างไร จะเรียกร้องให้พ่อแม่อดทนกับความทุกข์ทุกรูปแบบเพื่อลูกหรือไม่
การทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับแม่ ทำให้เราเข้าใจเขาและน่าจะเพิ่มพูนความเข้าใจของเราเกี่ยวกับความรักและความสัมพันธ์ รวมทั้งปมหรือความหวาดกลัวของเราในเรื่องความรักได้บ้างไม่มากก็น้อย
และเมื่อเวลามาถึงคุณคนถามอาจจะเข้าใจทั้งพ่อและแม่ และพร้อมจะเห็นใจมากกว่าจะเกลียดชังและเลือกข้างก็เป็นได้
ภาพประกอบ: Karin Foxx
Tags: Relationship, LOVE