นักวิจัยศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์กเปิดเผยว่า การทดลองหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดี หลังจากทดลองกับหนูแล้วได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เตรียมขออนุญาตทดลองในคน
นักวิจัยใช้เทคนิคที่พัฒนามาจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ก่อนหน้านี้มาสร้างวัคซีนเพื่อให้กับไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคโควิด-19 กระบวนการทำงานนี้เป็นความร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์อีก 11 คนในศูนย์การแพทย์อิราสมุส เนเธอร์แลนด์ใช้เวลา 10-12 วัน
แอนเดรีย กัมบอตโต รองศาสตราจารย์ด้านศัลยกรรม ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยพิตต์เบิร์ก หนึ่งในนักวิจัยอาวุโสของทีมวิจัยนี้อธิบายเมื่อวันที่ 2 เมษายนว่า เรามีประสบการณ์เกี่ยวกับไวรัส SARS-CoV และ MERS-CoV มาก่อน ซึ่งทั้งคู่ใกล้เคียงกับไวรัส SARS-CoV–2 จึงรู้ว่าโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่าสไปก์โปรตีนสำคัญต่อการต่อต้านไวรัส ตอนนี้เรารู้แน่ชัดแล้วว่า จะต่อสู้กับไวรัสตรงไหน
ในวัคซีนนี้จะใส่ไวรัสที่นักวิทยาศาสตร์สร้างขึ้นจากดีเอ็นเอในห้องปฏิบัติการมาลงไปในปริมาณที่น้อยมากๆ เมื่อมันถูกปล่อยออกมา วัคซีนจะทำหน้าที่ป้องกันไม่ให้สไปก์โปรตีนที่ปกติแล้วเป็นตัวเปิด ก่อนที่ไวรัสจะเข้าไปทำลายเซลล์มนุษย์ได้
นับเป็นครั้งแรกของการวิจัยพัฒนาวัคซีนโรคโควิด-19 ที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารที่ผ่านกระบวนการทางวิชาการ (peer-review journal) ในวารสาร Lancet’s EBioMedicine นักวิจัยสร้างวัคซีนที่ตั้งชื่อว่า ‘PittCoVacc’ ซึ่งมีการทำงานพื้นฐานเหมือนวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ด้วยการฉีดโปรตีนของไวรัสที่สร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการเข้าไปในร่างกายเพื่อให้มันสร้างภูมิคุ้มกัน จากการทดสอบกับหนู นักวิจัยพบว่าปริมาณของแอนติบอดี้ที่สามารถลบล้างไวรัส SARS-CoV–2 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลา 2 สัปดาห์
รูปแบบของวัคซีนที่พัฒนาขึ้นก็ต่างจากวัคซีนที่ฉีดด้วยเข็มใหญ่แบบที่เราคุ้นเคย เพราะใช้เทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่าวัคซีนแผ่นแปะ ทำมาจากเข็มขนาดเล็กมากๆ 400 เล่มเรียงกันเหมือนกับที่ติดแผล เข็มชนิดนี้ทำด้วยน้ำตาลและโปรตีนที่ละลายได้ ผสมเข้ากับแอนติเจนที่แพทย์ต้องการใช้ในวัคซีน
หลุยส์ ฟาโล หนึ่งในนักวิจัยอธิบายว่า แผ่นวัคซีนนี้ไม่ทิ้งรอยและผู้รับวัคซีนไม่เจ็บ ไม่มีเลือดออก นอกจากนี้ แผ่นวัคซีนนี้โรงงานสามารถผลิตได้ในปริมาณมากๆ ไม่ต้องแช่เย็นระหว่างการเก็บหรือขนส่งเลย จึงเหมาะสำหรับการผลิตสำหรับประชาชนจำนวนมาก
จากนี้จะเริ่มทดสอบในมนุษย์ โดยนักวิจัยอยู่ในขั้นตอนขออนุญาตจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปี หรือนานกว่านี้ อย่างไรก็ตาม นักวิจัยกล่าวว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่ากระบวนการทดลองในคนจะใช้เวลานานแค่ไหน
ที่มา:
ภาพ : University of Pittsburgh Medicine Center
Tags: โคโรนาไวรัส, โควิด-19, วัคซีนโควิด-19