“รักเหมือนโคถึก ที่คึกพิโรธ” – สุนทราภรณ์

“ความรักมันทำให้ตาบอด” – พี่ตูน บอดี้สแลม

“แต่เธอรู้ไหม หัวใจไม่มีเหตุผล” – ทาทา ยัง

 แม้ความรักจะเป็นความรู้สึกที่เรามักเชิดชูว่ามีความสำคัญยิ่งต่อชีวิต แต่ถ้าดูจากเนื้อเพลงภาษาไทยด้านบนแล้วก็จะเห็นว่า ในขณะเดียวกัน ความรักถูกมองว่าเป็นห้วงความรู้สึกประหลาดที่ทำให้เราสูญเสียความสามารถในการควบคุมตัวเอง ส่งผลให้ประสาทสัมผัสหรือการใช้เหตุผลของเราบกพร่องด้วย

ที่น่าสนใจก็คือแนวคิดที่ว่าความรักทำให้สติสัมปชัญญะเราไม่สมบูรณ์นั้นไม่ได้มีอยู่แต่ในภาษาไทย แต่พบได้ในภาษาอังกฤษอีกด้วย

ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งท้ายวันวาเลนไทน์ที่เพิ่งผ่านไปเมื่อวานนี้ เราจะไปสำรวจศัพท์ที่เกี่ยวกับการตกอยู่ในภวังค์แห่งความรักในภาษาอังกฤษและดูว่าคำเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการขาดสติสัมปชัญญะอย่างไรบ้าง

ความรักทำให้โง่

คนจำนวนไม่น้อยไม่ค่อยอยากจะมองย้อนกลับไปทบทวนความสัมพันธ์ในอดีตของตัวเอง เพราะอาจจะเห็นว่าสิ่งที่เราทำลงไปในระหว่างที่อยู่ในห้วงความรักนั้นช่างเป็นสิ่งที่โง่เขลา อยากจะนั่งไทม์แมชชีนกลับไปตัดพ้อตัวเองในตอนนั้นว่าทำไมไม่รู้จักใช้สมอง

ประสบการณ์นี้น่าจะแพร่หลายพอสมควร เพราะในภาษาอังกฤษเองก็มีคำที่เกี่ยวกับความรักที่มีที่มาที่ไปเกี่ยวกับความโง่เขลา นั่นก็คือคำว่า infatuated ซึ่งหมายถึง หลงใหล มีที่มาจากคำว่า fatuus ที่แปลว่า คนโง่ ในภาษาละติน (ยังพบเจอได้ในคำว่า fatuous ซึ่งแปลว่า ไร้สาระ และ ignis fatuus ที่ใช้เรียกไฟเรืองๆ แบบบั้งไฟพญานาค หรือแบบผีกระสือ) เช่น I was completely infatuated with her. ก็จะหมายถึง ผมหลงเธอหัวปักหัวปำ เห็นภาพว่ารักแบบโยนเหตุผลออกนอกหน้าต่าง ตรรกะใดๆ ในโลกก็ไม่สนใจอีกแล้ว

อันที่จริง แรกเริ่มเดิมทีแล้วกริยา infatuate ยังไม่ได้แปลว่า ทำให้หลงใหล แต่มีความหมายตรงตัวคือ ทำให้โง่เขลา พรากสติปัญญาไป แต่คงด้วยคนส่วนใหญ่จะรู้สึกตัวเองโง่เขลาขึ้นมาก็คือตอนที่ไปหลงรักใครเข้า (คงไม่ใช่โง่แบบ IQ ต่ำกว่าเกณฑ์ แต่โง่แบบไม่ได้มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่ได้ใช้เหตุผลเป็นที่ตั้ง อะไรทำนองนั้น) ในเวลาต่อมาความหมายของคำนี้จึงพัฒนามาจนกลายใช้กับภาวะหลงใหลเพียงอย่างเดียวอย่างในปัจจุบัน

ความคิดแบบนี้ยังมีให้เห็นในคำว่า besotted ด้วย ซึ่งมาจากคำว่า sot ที่แปลว่าคนโง่ และแปลว่า หลงใหล หัวปักหัวปำ อีกเหมือนกัน เช่น Her besotted boyfriend will soon become disillusioned once he learns that she is a serial cheater. (เดี๋ยวตาแฟนหนุ่มที่หลงรักแฟนสาวหัวปักหัวปำรู้เข้าว่าแฟนมีประวัตินอกใจมาอย่างโชกโชนก็คงตาสว่างเอง) ที่น่าสนใจก็คือคำว่า besotted นี้ใช้แปลว่าเมามายจากฤทธิ์สุราได้อีกด้วย เพราะเวลาที่เราดื่มเหล้าจนเมาก็จะขาดสติสัมปชัญญะจนอาจทำสิ่งที่โง่เขลาได้นั่นเอง

ความรักทำให้ตกอยู่ภายใต้มนตรา

หลายๆ คำในภาษาอังกฤษยังสื่อให้เห็นด้วยว่าเจ้าของภาษามองความรักว่าเป็นห้วงภวังค์ที่เป็นเหมือนมนตร์สะกด ทำให้คนที่มีความรักตกอยู่ภายใต้อำนาจของเวทมนตร์ ไม่ได้มีอำนาจเหนือการตัดสินใจของตัวเองโดยสมบูรณ์และอาจลงมือทำสิ่งต่างๆ ด้วยความหน้ามืดตามัว

คำในกลุ่มนี้ก็อย่างเช่น bewitched มาจาก witch ที่แปลว่า แม่มดหรือผู้ใช้เวทมนตร์ มีความหมายว่า หลงใหลเหมือนถูกมนตร์สะกด เช่น I was bewitched by her beauty. คือ หลงใหลความงามของผู้หญิงคนนี้

อีกคำก็เช่น enchanted มาจากกริยา incantare ในภาษาละตินที่หมายถึง ร่ายมนตร์คาถาสะกด (เป็นญาติกับคำว่า incantation ที่แปลว่า คาถา เวทมนตร์) คำนี้นอกจากจะแปลว่าต้องมนตร์ได้แล้ว (เช่น enchanted forest ป่าต้องมนตร์) ก็ยังแปลว่า หลงใหล ปลาบปลื้ม ได้ด้วย เช่น He was enchanted by her. แบบนี้ก็จะเห็นว่าหลงใหลผู้หญิงคนนี้เข้าราวกับถูกมนตร์สะกด

อีกคำที่คล้ายกันคือ ensorcelled มาจาก คำว่า sorcier ที่แปลว่า พ่อมดหรือแม่มด (เป็นที่มาของคำว่า sorcerer และ sorceress ที่หมายถึง พ่อมด และ แม่มด ด้วย) ให้ภาพในทำนองเดียวกับคำก่อนหน้า คือหลงใหลราวกับต้องอยู่ภายในอำนาจของมนตรา เช่น The sailors were ensorcelled by the sirens. ก็คือ บรรดากะลาสีเรือต่างตกอยู่ภายใต้มนตร์สะกดของนางไซเรน

ส่วนคำสุดท้ายในกลุ่มนี้คือคำว่า entranced ซึ่งหลายคนเห็นปุ๊บก็อาจจะนึกว่า ทางเข้า ก่อน แต่คำนี้ไม่ได้มาจากคำว่า enter แต่อย่างใด แต่มาจากคำว่า trance ที่แปลว่า ภวังค์ มารวมกับ en- ที่แปลว่า ใน ได้ความหมายรวมว่า ทำให้ตกในภวังค์ คำว่า entranced นี้จึงถูกเอาไปบรรยายคนที่หลงใหลอะไรเข้ามากๆ จนเหมือนตกเข้าไปอยู่ในภวังค์บางอย่าง ไม่รับรู้ว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไร เช่น They just met for the first time, but Kyle was instantly entranced by Nick’s charms. ก็คือ แม้จะเพิ่งเจอกัน แค่ไคล์ก็หลงเสน่ห์ของนิคทันที

ความรักทำให้เป็นบ้า

นอกจากความรักอาจทำให้เราโง่หรือตกอยู่ใต้มนตร์สะกดแล้ว ความรักก็ยังอาจทำให้เราบ้า เสียสติได้ด้วยในภาษาอังกฤษ ตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็คือคำว่า crazy ที่สามารถนำมาใช้บรรยายความคลั่งไคล้กับคนที่เรารักได้ด้วย เช่น She’s totally crazy about her new girlfriend. ก็คือ มันบ้าแฟนใหม่มันมาก

ทั้งนี้ เรายังสามารถใช้คำว่า nuts ที่เป็นสแลงแปลว่า บ้า สติไม่ดี ในทำนองนี้ได้เช่นเดียวกัน เช่น It’s obvious that he’s nuts about you. Don’t be cruel to him. คือ ดูก็รู้ว่าเขาชอบแกขนาดไหน อย่าใจร้ายกับเขาเลย

 

บรรณานุกรม

http://www.etymonline.com/

https://oed.com/

American Heritage Dictionary of the English Language

Ayto, John. Word Origin: The Hidden Histories of English Words from A to Z. 2nd ed. A&C Black: London, 2008.

Barnhart, Robert K. The Barnhart Concise Dictionary of Etymology: The Origins of American English Words. H. W. Wilson: New York, 1995.

Cresswell, Julia. Oxford Dictionary of Word Origins. OUP: New York, 2009.

Gulland, Daphne M., and Hinds-Howell, David. The Penguin Dictionary of English Idiom. Penguin Books: London, 2002.

Hoad. T. F. (Ed.). Oxford Concise Dictionary of English Etymology. OUP: Oxford, 2003.

Lewis, Norman. The Comprehensive Word Guide. Doubleday & Company: New York, 1958.

Longman Dictionary of Contemporary English

Longman Idioms Dictionary. Pearson: Essex, 2010.

Merriam-Webster Dictionary

Oxford Advanced Learners’ Dictionary

Oxford Idioms Dictionary for Learners of English. OUP: New York, 2006.

Skeat, Walter. A Concise Etymological Dictionary of The English Language. Forgotten Book: NY, 2012.

 

Tags: ,