หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีมติยกคำร้องของนายณฐพร โตประยูร ในคดี ‘อิลลูมิเนติ’ โดยเห็นว่าข้อบังคับของพรรคที่เขียนว่า ‘ประชาธิปไตยตามรัฐธรมนูญ’ และการกระทำของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล ไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหรือการให้ความคิดเห็นทางการเมืองทั้งในช่วงก่อนหรือหลังเลือกตั้งนั้น ไม่ถือเป็นการล้มล้างการปกครองตามคำร้อง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
โดยในวันนี้ แกนนำพรรคทั้งหมด รวมไปถึงถึงคณะกรรมการบริหารพรรคทั้ง 15 คนนั้น ไม่ได้เดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่ปักหลักอยู่ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ ตึกไทยซัมมิท ซึ่งหลังจากศาลอ่านคำพิพากษาแล้ว ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค และแกนนำพรรค ได้ลงมาพบสื่อมวลชนและผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจจำนวนมากในช่วงเวลา 13.00 น. โดยนายปิยบุตร กล่าวให้ความคิดเห็นถึงผลของคดีในวันนี้ว่า
“เราเห็นว่าคดีนี้ไม่ควรเป็นคดีตั้งแต่แรก ผมและคุณธนาธรและพวกเราทุกคนไม่ได้มีความคิดจะล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่สิ่งที่พวกเราทำคือการพยายามทำให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขยั่งยืน เพราะการรัฐประหารต่างหากที่เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”
นอกจากนั้นนายปิยบุตรยังกล่าวว่า ในสัปดาห์หน้ายังเตรียมยื่นญัตติในสภาผู้แทนราษฎร ให้มีการศึกษาแนวทางการป้องกันรัฐประหาร รวมไปถึงเรื่องฝุ่น PM2.5 และยืนยันเดินหน้าทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์อีกต่อไป
จากนั้นนายธนาธรได้กล่าวต่อว่า “วันนี้พรรคอนาคตใหม่ได้รับสัญญาณแล้วว่า เรายังเดินต่อไป เราขอสัญญากับพี่น้องประชาชนว่าจะมุ่งหน้าทำงานในสภาอย่างแข็งขันและสร้างสรรค์ มุ่งมั่นให้นโยบายและคำสัญญาของเราเป็นจริงให้ได้ ภายใน 2-3 เดือนต่อไปนี้เรายังคงจะรณรงค์ร่างพระราชบัญญัติยกเลิกประกาศคสช. รวมไปถึงร่างพระราชบัญญัติยกเลิกการเกณฑ์ทหารเรื่องร่างพระราชบัญญัติสุราก้าวหน้า และการอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเราก็จะทำงานกับประชานอย่างต่อเนื่องนอกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป”
พร้อมทั้งย้ำว่าพรรคอนาคตใหม่คือการเดินทางและเป็นการเดินทางที่เพิ่มจะเริ่มต้น และกล่าวขอบคุณผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่ให้การสนับสนุนพรรค และผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจในวันนี้และพร้อมเข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองบริสุทธิ์ใจ จากนั้นนายปิยบุตรกล่าวต่อถึงคดีเงินกู้ซึ่งจะมีการตัดสินในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ว่า มั่นใจว่าจะไม่มีความผิด เพราะไม่เข้าข่ายตามกฎหมาย และขอให้ ‘นักร้อง’ ทั้งหลายหยุดได้แล้ว
