อีกหนึ่งวงการที่มีความเปลี่ยนแปลงไม่น้อยในปี 2019 ก็คือวงการเพลงสากล ที่อีกไม่นาน วันที่ 26 มกราคมนี้ ก็จะมีการประกาศผลรางวัลแกรมมี่ อวอร์ด รางวัลออสการ์สำหรับคนทำเพลง ซึ่งรายชื่อเราก็คงได้เห็นกันไปแล้ว ดาวเด่นโดยเฉพาะอารีอานนา แกรนเด, บิลลี่ อายลิช และลิซโซ่ เรียกได้ว่าเป็นปีแห่งพลังสาวรุ่นใหม่ก็ว่าได้ และอีกหนึ่งตัวเต็งอีกคนก็คือลิล แนส เอ็กซ์ ผู้ที่สร้างตำนานครองอันดับหนึ่งบนชาร์ตนานที่สุดในเพลง ‘Old Town Road’ ในปีที่ผ่านมา และในประวัติศาสตร์ โค่นแชมป์มารายห์ แครี่ ลงได้สำเร็จ ทำให้ปี 2019 เต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้น และดราม่าในวงการเพลงสากล

การกลับมาของตัวแม่

ในปี 2019 มีตัวแม่ของวงการออกอัลบั้มเพลงหลายคน เริ่มต้นจาก Madame X ของมาดอนน่า ที่เจ้าตัวลงทุนออกรายการโปรโมตถี่ยิบ เปิดตัวด้วยเพลง Medellín เพลงสไตล์ละตินป๊อป เข้ากับเทรนด์ละตินที่ต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว แถมยังได้นักร้องหนุ่มโคลอมเบียนสุดฮอต Maluma มาฟีเจอริ่งอีกด้วย กะว่าคงจะเป็น La Isla Bonita แต่ก็ไม่ฮือฮาได้ขนาดนั้น แม้ว่าจะขึ้นอันดับหนึ่งชาร์ตเพลงแดนซ์ก็ตาม

แม่ยังคงใช้การฟีเจอริ่งกับศิลปินดาวรุ่งเพื่อช่วยให้เพลงมีความปัจจุบันและเกาะเกี่ยวกับคนฟังเพลงรุ่นใหม่มากขึ้น ซิงเกิลที่สอง ‘Crave’ ฟีเจอริ่งกับ Swae Lee ก็ยังไม่สัมฤทธิ์ผล ซิงเกิลที่สามปล่อยเพลงร้องเดี่ยวบ้าง ‘I Rise’ ก็ดับสนิทอีกหนึ่งเพลง เพลงต่อมา God Control ที่มิวสิควิดีโอได้รับคำชมอย่างมาก ก็ยังไม่สามารถให้แม่ฟื้นคืนความเป็นควีนออฟป๊อปได้

อีกหนึ่งตัวแม่ก็คือมารายห์ แครี่ ที่แม้ตัวอัลบั้ม Caution จะออกในปี 2018 แต่หลายซิงเกิลก็คาบเกี่ยวมายังปี 2019 โดยในปี 2018 มีสองซิงเกิลก็คือ GTFO และ With You ซึ่งก็ดับสนิททั้งสองซิงเกิล ตามมาด้วย A No No ในปี 2019 ก็ไปไม่รอดบนชาร์ตเช่นเดียวกัน อีกทั้งตัวอัลบั้มก็ไปไม่ถึงอันดับ 1 ในขณะที่อัลบั้ม Madame X ของมาดอนน่ายังคงขึ้นถึงอันดับ 1 แต่ Caution ของมารายห์ แครี่ ได้เพียงอันดับ 5 แต่ไม่เป็นไรเพราะคริสต์มาสที่ผ่านมา เพลงหากินของแม่ก็ยังมีบุญเก่าส่งให้แม่มีเพลงขึ้นอันดับหนึ่งในปีนี้กับ All I Want For Christmas Is You

อ้อ…อัลบั้ม Courage ของเซลีน ดิออน ก็ไม่พุ่งเช่นเดียวกัน

คงเป็นการยากที่จะบอกว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ตัวแม่ทั้งสามไม่สามารถกลับมาครองบัลลังก์ชาร์ตเพลงได้เช่นเคย ทั้งๆ ที่ต่างก็สะสมแฟนเพลงไว้มากมาย (ใครก็รู้ว่าเหล่าลูกแกะนั้นมีพลังมากแค่ไหน) แต่หากเรามองศิลปินที่ประสบความสำเร็จอย่างมากและโดดเด่นที่สุดในปีนี้อย่างบิลลี่ อายลิช ก็จะพบว่ารูปแบบ เนื้อหา และความสนใจในการฟังเพลงในยุคนี้ ปี (2019) นี้ ได้เปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่เพลงบัลลาด 5 อ็อกเตฟเหมือนที่เคยสร้างชื่อให้มารายห์ แครี่ (ซึ่งตอนนี้แม่ก็ร้องแบบนั้นไม่ได้แล้ว) หรือความเซ็กซี่ในแบบมาดอนน่าก็ขายไม่ได้แล้ว (แม่คนนี้ก็ 61 ปีแล้ว) ที่สำคัญเมื่อฟังเพลงของทั้งสองคนก็จะพบแต่เสียงร้องผ่านเครื่องสังเคราะห์ที่จอมปลอม และไร้เสน่ห์เสียเหลือเกิน

อีกสองตัวแม่รุ่นใหม่ที่น่าสนใจก็คือ ลานา เดล เรย์ และเทย์เลอร์ สวิฟต์ สำหรับลานา มาพร้อมอัลบั้ม Norman Fucking Rockwell! ซึ่งตัวอัลบั้มออกในปี 2019 แต่ซิงเกิลทยอยออกมาตั้งแต่ปี 2018 ตัวอัลบั้มขึ้นชาร์ตสูงสุดอัลบั้ม 3 ตัวซิงเกิลด้วยความที่แนวเพลงของเธอซับซ้อนและเติบโตมากขึ้น ทำให้ไม่ค่อยติดหูเท่าไร และผลงานอันดับบนชาร์ตก็ไม่สู้ดีนัก อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์ต่างก็พากันเทคะแนนให้อัลบั้มนี้กันอย่างมากมาย

สำหรับเทย์เลอร์ สวิฟต์ กับอัลบั้ม Lover จะเรียกว่าดับก็คงไม่ถูกต้องนัก เพราะอัลบั้มนั้นเปิดตัวที่อันดับหนึ่งทั้งที่สหรัฐฯ อังกฤษ และอีกหลายประเทศ ยอดขายก็ดีโดยเฉพาะที่ประเทศจีน เรียกได้ว่ายังคงเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก แต่ที่น่าเสียดายก็คือตัวซิงเกิล ไม่มีเพลงไหนไปถึงอันดับหนึ่งเลย Me! และ You Need To Calm Down ค้างเติ่งที่อันดับสอง ส่วน Lover เพลงเด่นของอัลบั้มได้แค่อันดับ 10 สำหรับศิลปินคนอื่นการได้ถึงอันดับสองบนชาร์ต อาจจะเป็นเรื่องที่เริ่ดหรูมากแล้ว แต่การที่ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มใหม่ของเทย์เลอร์ สวิฟต์ ไปไม่ถึงอันดับหนึ่ง (เพราะถูก Old Town Road ครองชาร์ต) ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มเพลงของเธอไปไม่ถึงอันดับ 1 กลายเป็นเรื่องที่นักวิจารณ์ต่างพากันตกอกตกใจ และทั้งปีก็เต็มไปด้วยข่าวดราม่าของเธออีกด้วย

เพื่อนหญิง พลังหญิง

หากไม่นับ Old Town Road ของลิล แนส เอ็กซ์ ที่ดังสุดๆ และสร้างปรากฏการณ์และประวัติศาสตร์ในวงการเพลง ในปี 2019 น่าจะเป็นปีของเพื่อนหญิงพลังหญิงทั้งหลาย เริ่มต้นจากต้นปีกับอัลบั้ม Thank You, Next ของอารีอาน่า แกรนเด ตัวอัลบั้มขึ้นอันดับหนึ่งทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษ และซิงเกิลแรกชื่อเดียวกันกับอัลบั้ม ก็สร้างปรากฏการณ์การเป็นหัวข้อที่สื่อทุกสื่อนำไปรายงาน ตั้งแต่เรื่องการเสียชีวิตของแฟนเก่า อีสเตอร์เอ้กในมิวสิควิดีโอ แรงบันดาลใจในการทำมิวสิควิดีโอ และตัวเพลงก็ขึ้นถึงอันดับหนึ่งเช่นเดียวกัน แถมบิลบอร์ดชาร์ตยังจัดให้เป็นหนึ่งในร้อยเพลงในทศวรรษที่ 2010s อีกด้วย ซิงเกิลต่อมา 7 Rings ก็ขึ้นอันดับหนึ่งเช่นเคย ส่วน Break Up With Your Girlfriend, I’m Bored ได้เพียงอันดับสอง แต่เรียกได้ว่าปี 2019 เป็นปีของอารีอาน่า แกรนเด จริงๆ

อีกสองสาวที่นับว่าเป็นปีของพวกเธอก็คือบิลลี่ อายลิช และลิซโซ่ สำหรับบิลลี่ อายลิช คงไม่มีอะไรต้องพูดถึงอีกแล้ว เธอคือศิลปินที่ดังที่สุดในปี 2019 ก็ว่าได้ จากเพลง Bad Guy ในอัลบั้ม When We All Fall Asleep, Where Do We Go? ซึ่งออกในปี 2019 และจากกระแสความโด่งดังนี้ก็ทำให้ผลงาน EP ‘Don’t Smile at Me’ ในปี 2017 กลับมาดังพร้อมกันด้วย ไม่ว่าจะเป็นเพลง Ocean Eyes หรือ Idontwannabeyouanymore แนวเพลงและตัวตนของบิลลี่ อายลิช ก่อให้เกิดการพูดถึง รูปแบบของวัฒนธรรมใหม่ๆ ของคนรุ่นใหม่เด็กยุคมิลเลนเนียลส์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ แฟชั่น ตัวตนการแสดงออก โรคซึมเศร้า บิลลี่กลายมาเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่แห่งยุค และทำให้เราเห็นว่าแนวเพลงหรือรูปแบบของการทำเพลง ฟังเพลง เสพเพลงในยุคปัจจุบันของคนรุ่นใหม่นั้นได้เปลี่ยนไปจากที่เคยเป็นมาโดยสิ้นเชิงแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นอีกหนึ่งคำตอบให้เราเห็นว่า เพราะเหตุใด การกลับมาของศิลปินเก่าๆ ถึงไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก

ลิซโซ่เองก็คล้ายๆ กับบิลลี่ คือเขียนเพลงจากเรื่องราวส่วนตัวมากๆ และตัวตนภาพลักษณ์ของเธอก็แสดงออกไปในทางเดียวกันกับเนื้อหาและรูปแบบเพลงที่เธอนำเสนอ ความมั่นใจ ความภูมิใจในการเป็นสาวพลัสไซส์ (หรือที่เธอเรียกว่า I’m A Thick Bitch) ซึ่งทั้งหมดแสดงออกในเพลงอย่าง Truth Hurt, Tempo, Good As Hell, Boys, Jerome และอีกอย่างหนึ่งที่ลิซโซ่เหมือกับบิลลี่ก็คือ พอกระแสความนิยมจุดติด เพลงเก่าๆ ของเธอก็กลับมาดัง แม้ว่าจะอยู่ในอัลบั้มก่อนก็ตาม และนั่นเป็นเหตุผลที่เธอได้รับเลือกให้เป็นเอนเตอร์เทนเนอร์แห่งปี 2019 โดยนิตยสารไทม์

อีกสองสาวที่คงไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือฮาลซีย์ และคามิลล่า คาเบลโล สำหรับฮาลซีย์ ดังเรื่อยๆ มาเรียงๆ อยู่แล้วกับการไปฟีเจอริ่งกับคนนั้นคนนี้ แต่ซิงเกิล Without Me ในปลายปี 2018 ก็ทำให้เธอดังเป็นพลุแตกในฐานะศิลปินเดี่ยว เปิดตัวที่อันดับ 18 ก่อนจะไต่ขึ้นมาจนได้อันดับ 1 และในชาร์ตสรุปทั้งปี 2019 เพลงนี้ก็คว้าอันดับ 3 ไปครอง ส่วนคามิลล่า คาเบลโล ก็เป็นการต่อยอดความสำเร็จจาก Havana ส่วนในปี 2019 เธอมาพร้อมกับ Senorita ที่ได้แฟนหนุ่มฌอน เมนเดส มาร่วมร้องด้วย ไม่รู้ว่าด้วยตัวเพลง หรือข่าวการคบกันในช่วงนั้นที่โหมกระหน่ำ กันแน่ที่ทำให้เพลงนี้ดังและขึ้นชาร์ตอันดับหนึ่งทั่วโลก รวมทั้งที่อังกฤษและสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญมันพิสูจน์ให้เห็นว่าเธอไม่ใช่แค่ One Hit Album Wonder อย่างที่หลายคนกลัวกัน

Rap Is Now

สำหรับฝั่งอเมริกา เพลงแร็ปฮิปฮอปยังคงครองชาร์ตต่อเนื่องตลอดทั้งปี ในแบบที่ป๊อปหรือร็อก แบบไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิดอีกแล้ว (ป๊อปยังพอมีบ้าง แต่ร็อกนี่สิ แทบจะหายไปจากแผนที่ดนตรีโลก) เพลงที่โด่งดังที่สุดในปี 2019 ก็คงหนีไม่พ้น Old Town Road ของลิล แนส เอ็กซ์​ ที่ครองอันดับหนึ่งบนชาร์ตยาวนานถึง 19 สัปดาห์ ทำลายสถิติเพลง Despacito ของ Louis Fonsi และ Daddy Yankee และเพลง One Sweet Day ของมารายห์ แครี่ และบอยทูเมน ที่เคยทำไว้ 16 สัปดาห์ และที่สำคัญยังสร้างการวิพากษ์วิจารณ์ในหลายแง่มุมทั้งการนำเอาเพลงฮิปฮอปมาผสมผสานกับเพลงคันทรี่ หรือการเป็นเกย์ผิวสีในวงการฮิปฮอป และวงการเพลงคันทรี่มีที่ความเป็นชายสูงมากอีกด้วย

อีกหนึ่งเพลงที่ถือเป็นเพลงแห่งปีเช่นเดียวกันก็คือ Sunflower ของ Post Malone และ Swae Lee จากภาพยนตร์เรื่อง Spider-Man: Into the Spider Verse และ Swae Lee ก็ถือเป็นแร็ปเปอร์หน้าใหม่ที่มาแรงในปี 2019 เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีลิลนั่นลิลนี่ตามมาอีกมากมาย โดยเฉพาะ ลิล เบบี้ และที่น่าสนใจมากๆ เมื่อเราดูศิลปินฝั่งฮิปฮอปที่ได้รับความนิยมและเหล่าดาวรุ่งในปี 2019 ทั้งหลาย เราก็จะเห็นว่า พวกเขาล้วนเป็นเจเนอเรชั่นเดียวกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Travis Scott, Khalid, 21 Savage, Swae Lee, Lil Baby, Post Malone ซึ่งเหล่านี้อยู่ในช่วงอายุ 20 ไม่เกิน 30 ปีทั้งนั้น (เกิดในช่วงปี 1990s) แร็ปเปอร์รุ่นเกิดปี 1990s ได้ครองวงการ (เพลงในอเมริกา) ไปเรียบร้อยแล้ว

ไม่ใช่แค่ฝั่งอเมริกา ฝั่งสหราชอาณาจักร เพลงแร็ปก็กลายเป็นแนวเพลงที่ได้รับความนิยมเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะแร็ปในแบบไกรม์ ซึ่งเป็นแนวเพลงใหม่ที่ถือกำเนิดในสหราชอาณาจักรในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และศิลปินที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปี 2019 ก็คือ Stormzy ที่ไม่ได้แค่เรื่องดนตรีเท่านั้น เขายังกลายเป็นผู้นำทางด้านความคิดเห็นของคนรุ่นใหม่ในสหราชอาณาจักรอีกด้วย โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องเบร็กซิต ที่ศิลปินเพลงหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นและเป็นผู้นำในการเคลื่อนไหว

นอกจากเพลงแร็ป และไกรม์แล้ว เพลงในสไตล์โฟล์กป๊อปก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างสูงในอังกฤษ มีหัวหอกคือเอ็ด ชีแรน ที่ได้รับตำแหน่งศิลปินแห่งทศวรรษที่ 2010s ของสหราชอาณาจักรไปครอง นอกจากนี้ยังมีดาวรุ่งดวงใหม่อย่างลูวิส คาปาลดี ที่แจ้งเกิดในปี 2019 ได้อย่างสวยงาม แต่ที่เซอร์ไพรส์ที่สุดในฝั่งอังกฤษเห็นจะเป็นเพลง Dance Monkey ของ Tones And I หรือชื่อจริง โทนี่ เอลิซาเบ็ธ วัตสัน เพลงแดนซ์ในสไตล์อิเล็กทรอนิกส์ ที่ครองอันดับหนึ่งบนชาร์ตฝั่งอังกฤษยาวนานที่สุดในปี 2019

เพลงเกาหลีบุกโลก

อีกเรื่องหนึ่งที่ถือเป็นเรื่องที่มาแรงในวงการดนตรีโลกก็คือ ศิลปินเกาหลีใต้ที่ก้าวขึ้นมาโดดเด่นในระดับโลก โดยเฉพาะวง BTS และ Blackpink ทั้งการที่ Blackpink ได้ขึ้นแสดงในเทศการดนตรีระดับโลกอย่าง Coachella และเพลง Kill This Love ก็สร้างสถิติอันดับหนึ่ง เป็นเพลงที่ 5 ของวงบนชาร์ต World Digital Song Sales ของบิลบอร์ดชาร์ต และเดบิวในอันดับที่ 41 ของชาร์ต ซึ่งถือเป็นเพลงที่เดบิวต์สูงที่สุดของศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปฝั่งเกาหลีที่สามารถทำได้บนบิลบอร์ดชาร์ตอีกด้วย หรือการมาร่วมงาน Billboard Music Awards ของ BTS และตระเวนออกรายการทอล์กโชว์ต่างๆ ของอเมริกา (รวมไปถึงอังกฤษด้วย) BTS ออกทัวร์อย่างจริงจังในสหรัฐอเมริกากับ iHeartRadio’s Jingle Ball Tour พร้อมกับศิลปินระดับโลกอย่างเทย์เลอร์ สวิฟต์ และเคที่ เพอร์รี่ แถมยังสร้างสถิติพาอัลบั้ม Love Yourself: Answer อยู่ในชาร์ตนานถึงหนึ่งปีเลยทีเดียว (และเป็นอัลบั้มที่ 3 ของวงที่ได้อันดับหนึ่งบนบิลบอร์ดชาร์ต 200) รวมไปถึงทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกของตัวเอง Love Yourself World Tour และ Love Yourself: Speak Yourself Tour ตั้งแต่ปี 2018 และตลอดปี 2019 ก็ทำให้เขาเป็นกลุ่มศิลปินที่ทำรายได้จากการทัวร์คอนเสิร์ตสูงสุดในปี 2019 อีกด้วย

ซึ่งคาดว่าในปี 2020 นี้ ศิลปินเกาหลีจะทยอยบุกชาร์ตเพลงระดับโลกมากขึ้น

Tags: , , , , , ,