สำหรับเลโอนาร์โด ดา วินชีแล้ว วิทยาศาสตร์และศิลปะเกี่ยวโยงกัน แต่จะว่าไป ทุกสิ่งอย่างล้วนเกี่ยวโยงกันสำหรับเขา เพราะเขาเป็นคนใคร่รู้ใคร่เห็น อยากเข้าใจโลก และปล่อยให้การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ไหลเข้าไปในงานศิลปะของตนเอง
ตั้งแต่วัยเด็ก เขาชอบหยิบสมุดเล่มเล็กๆ ถือไปนั่งที่หน้าประตู เฝ้ามองนกและก้อนเมฆบนท้องฟ้า แล้วบันทึกสิ่งที่เขาเห็น ครั้นเมื่อโตขึ้น เขาก็ชอบแอบผ่าศพ เพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างร่างกาย กล้ามเนื้อ ข้อต่อ และสัดส่วนของมนุษย์
เลโอนาร์โดเกิดเมื่อวันที่ 15 เมษายน 1452 ในอันเชียโน หมู่บ้านเล็กๆ ของชุมชนวินชี ในแคว้นทัสคานี พ่อเป็นนักกฎหมายที่มีหน้ามีตาในสังคม และแม่เป็นสาวชาวไร่วัย 16 ที่ได้เสียกันโดยไม่ได้แต่งงานตามประเพณี ช่วงวัยเด็กเลโอนาร์โดอยู่ในความเลี้ยงดูของตา เรียนเขียนอ่านและคิดเลขได้ช้า ทว่ามีความสนใจด้านศิลปะ จนพ่อพาเข้าไปเรียนในฟลอเรนซ์ จากนั้นเขาเริ่มเรียนรู้และรักการวาดเขียน
วันหนึ่งเขามีโอกาสได้เข้าไปเป็นเด็กฝึกงานของอันเดรีย เดล แวร์โรคคิโอ (Andrea del Verrocchio) นักประติมากรรมที่มีชื่อเสียง ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำงานประติมากรรมให้กับครอบครัวพ่อค้าและนายธนาคาร ผู้กุมอำนาจและความมั่งคั่งในฟลอเรนซ์มายาวนาน
ต่อมา เลโอนาร์โด ดา วินชีได้เข้าสู่แวดวงที่สูงขึ้น และกลายเป็นสมาชิกของ Guild of St. Luke ซึ่งเป็นสมาคมศิลปินในฟลอเรนซ์ ช่วงเวลานั้นเขามุ่งมั่นวาดภาพเหมือนและมาดอนนาอย่างตั้งอกตั้งใจ ผลงานบางภาพของเขาถูกเก็บไว้ในห้องทำงาน แล้วพยายามวาดแต่งเติมซ้ำครั้ง อย่างเช่นผลงานภาพโด่งดัง โมนา ลิซา ที่ปัจจุบันถูกจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟว์ในกรุงปารีส เป็นภาพที่เขานำติดตัวไปไหนต่อไหนด้วยนานนับปี
ใครคือต้นแบบของ “โมนา ลิซา”
ภาพวาด โมนา ลิซา ดึงดูดผู้คนให้ไปเยือนพิพิธภัณฑ์ลูฟว์นับล้านคนต่อปี เป็นผลงานที่เลโอนาร์โด ดา วินชีทิ้งไว้มากกว่าภาพเขียนของหญิงสาวภาพหนึ่ง – แววตาของเธอดูเอิบอิ่ม ฉายความปีติ และสะกดสายตาผู้ชมทุกขณะที่จดจ้อง ทั้งที่เธอปราศจากขนตาหรือคิ้ว เสื้อผ้าของเธอดูเรียบและสีคล้ำ ราวกับว่าเธอกำลังอยู่ในความโศกเศร้า ทว่าทำไมเธอจึงเผยรอยยิ้ม
เรื่องราวความเป็นมาของเธอนั้น นักประวัติศาสตร์ศิลปะเองยังพิศวง ทฤษฎีที่รู้จักกันดีและน่าเชื่อได้มากที่สุดเป็นของนักเขียนชีวประวัติชื่อ จิออร์จิโอ วาซารี (Giorgio Vasari) ที่เชื่อว่าดา วินชีวาดภาพเหมือนของลิซา ดิ นอลโด เจห์ราร์ดินี (Lisa di Noldo Gherardini) ภรรยาของฟรานเชสโก เดล จิโอคอนโด (Francesco del Giocondo) พ่อค้าผ้าไหมแห่งฟลอเรนซ์ ซึ่งมอบหมายให้ดา วินชีเขียนภาพในปี 1503 แต่ดา วินชีไม่มีโอกาสได้ส่งมอบภาพเขียนนี้แก่ผู้ว่าจ้าง สิ่งซึ่งเป็นข้อน่าสังเกตคือ ในช่วงเวลานั้นศิลปินไม่ค่อยมีเวลาทำงานของตนเองเป็นอิสระ ส่วนใหญ่แล้วมักทำงานให้กับผู้ว่าจ้างเป็นหลัก
นอกจากนี้ ยังมีบันทึกจากปี 1517 ของนักประวัติศาสตร์ชื่อ อันโตนิโอ เดอ เบอาติส (Antonio de Beatis) ที่ระบุว่า ดา วินชีเป็นคนบอกเล่าด้วยตนเองว่า ได้เขียนภาพนี้เพื่อตอบแทนจุยเลียโน เดอ เมดิซี (Giuliano de’ Medici) ผู้มีพระคุณ เบอาติสอยู่ในเหตุการณ์ตอนที่ศิลปินเดินทางไปพบคาร์ดินัล ลุยจิ ดา’ราโกนา (Luigi d’Aragona) ซึ่งเป็นเพื่อนของเดอ เมดิซี ที่สตูดิโอของเขาในเมืองอังบัวส์ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 1517 ในบันทึกของเบอาติสยังกล่าวถึงอีกว่า ดา วินชีส่งภาพเขียนให้คาร์ดินัลดูจำนวนสามภาพ ได้แก่ ภาพเหมือนของนักบุญยอห์น (John the Baptist) ภาพนักบุญแอนนา (Saint Anne) และภาพสตรีชาวฟลอเรนซ์คนหนึ่ง ซึ่งเขาวาดตามคำร้องขอของจุยเลียโน เดอ เมดิซี
ภาพดังกล่าว ดา วินชีวาดขึ้นตามจินตนาการของปาซิฟิกา บรันดานี (Pacifica Brandani) คนรักของเดอ เมดิซี ที่มีลูกนอกสมรสด้วยกัน หากเพราะปาซิฟิกา บรันดานีเสียชีวิตระหว่างคลอดเสียก่อน ภาพเหมือนดังกล่าวจึงเป็นเสมือนเครื่องปลอบใจเด็กน้อย
ทั้งสองทฤษฎีเป็นที่กล่าวถึงกันในหมู่นักประวัติศาสตร์ศิลปะ แต่ตราบถึงปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถพิสูจน์ความจริงได้ว่า โมนา ลิซา เป็นใคร ทว่าความจริงข้อหนึ่งคือ ภาพวาดนี้มีความหมายต่อดา วินชีมาก กระทั่งเขาไม่เคยคิดจะขายมัน และในปี 1516 เขาก็ยังนำติดตัวไปฝรั่งเศสด้วย ไม่นานก่อนเขาเสียชีวิตในปี 1519 นักเรียนคนหนึ่งได้ขายผลงานชิ้นนี้ให้กับราชวงศ์ฝรั่งเศส หลังจากนั้นมันก็ถูกนำไปประดับไว้ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟว์
แม้กระทั่งวันที่เปิดแสดงภาพ ‘โจคอนด์’ (Joconde) ที่ในฝรั่งเศสเรียก โมนา ลิซา สู่สาธารณะก็ยังไม่แน่ชัด แต่เรื่องนี้มูลนิธิมรดกวัฒนธรรมปรัสเซีย ของเยอรมนี ลงความเห็นว่าเป็นวันที่ 10 ตุลาคม 1517
ศิลปินชื่อดัง ที่คนไม่ได้รู้จักมากนัก
ในเรื่องส่วนตัวของเลโอนาร์โด ดา วินชี ไม่ปรากฏมีการกล่าวถึงมากนักว่าเขาเป็นคนอย่างไร ครั้นจะศึกษาจากผลงานทั้งหมด เขาก็ไม่ได้ทิ้งภาพเขียนไว้มากมาย เท่าที่พบมีเพียงจำนวนหลักสิบเท่านั้น ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นการศึกษากายวิภาค เช่นภาพสเก็ตช์ ตำราการเขียนกระจก และแบบก่อสร้าง ที่ปราศจากการใช้ศิลปะ หรือแบบร่างรถถัง เครื่องบิน อุปกรณ์ดำน้ำ นอกจากนั้น เขายังเขียนร่างโครงสร้างสะพาน และออกแบบผังเมืองทั้งเมือง แนวความคิดต่างๆ ของเขาไม่เคยถูกนำมาสร้างให้เป็นจริงได้เลย
ฟลอเรนซ์ มิลาน และโรม เมืองหลวงแห่งยุคเรอเนซองส์ล้วนเป็นสถานที่ทำงานของเขา ที่นั่นเขามีโอกาสพบเจอผู้ว่าจ้าง ถ้าไม่ใช่ตระกูลที่ร่ำรวยก็เป็นพระสันตะปาปา
ปี 1516 พระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 เคยเรียกตัวเขาเข้าเฝ้าเพื่อขอให้เขาอุทิศตนทำงาน จ่ายค่าตอบแทนอย่างงาม และให้เขาทำงานได้อย่างอิสระ หน้าที่หนึ่งในนั้นคือ การจัดงานรื่นเริงที่ครึกครื้นและมีสีสัน
วันที่ 2 พฤษภาคม 1519 เลโอนาร์โด ดา วินชีเสียชีวิตภายในพระราชวังโคลส์ ลูเซ ตามตำนานเล่าว่า เขาสิ้นใจในอ้อมกอดของกษัตริย์ฝรั่งเศส
Tags: เลโอนาร์โด ดา วินชี, โมนา ลิซา