หลังจากเปิดตัว นิสสัน ลีฟ รถยนต์ไฟฟ้า 100% ในงาน Motor Expo 2018 ด้วยราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท ก็เกิดคำถามว่าด้วยราคาขายขนาดนี้ รถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันนั้นมีสมรรถนะดีแค่ไหน ในขณะที่ภายหลังรถยนต์อีกแบรนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเช่นกันในราคาล้านต้นๆ 

แต่แล้วเราก็ได้มีโอกาสเข้าร่วมทดลองขับ นิสสัน ลีฟ ด้วยการขับขี่ในสภาพการจราจรที่แตกต่างกันทั้งในเส้นทางกรุงเทพฯ และชานเมือง ด้วยการชาร์จไฟเพียงครั้งเดียว

นิสสัน ลีฟ ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ค่ายนิสสันใช้เวลาพัฒนามานานนับสิบปี โดยปัจจุบันถือเป็นรุ่นสอง ที่พัฒนาในเรื่องของระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าและแบตเตอรีที่ทำให้วิ่งได้ไกลมากขึ้น เทคโนโลยีของตัวรถที่ล้ำสมัย และดีไซน์ภายในและภายนอกให้ดูปราดเปรียว

สำหรับนิสสัน ลีฟ รุ่นสองนี้ รูปลักษณ์ภายนอกดูโฉบเฉี่ยว ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรถยนต์แห่งอนาคต ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายสะอาดตา มาในสีทูโทน คือตัวถังรถสีขาว และด้านบนหลังคาเป็นสีดำ ช่วยให้รถดูสปอร์ตมากขึ้น 

ขณะที่กระจังหน้าเป็นแบบ V-Motion และไฟรูปทรงบูมเมอแรง ที่เป็นไฟโปรเจ็กเตอร์แบบคู่ รองรับการทำงานทั้งไฟต่ำและไฟสูง ส่วนชุดไฟท้ายก็มีเอกลักษณ์และสะดุดตา มีการติดตั้งสปอยเลอร์ท้าย ถ้ามองไกลๆ ถือเป็นรถที่มีบั้นท้ายสวยงามรุ่นหนึ่ง 

ส่วนภายในเน้นความเรียบหรูในโทนสีดำ หน้าจอแสดงผลอัตราความเร็ว ปริมาณกำลังไฟฟ้า และระยะทางที่วิ่งได้ ที่ชอบคือพวงมาลัยเป็นแบบ D-shape ให้ความสปอร์ตและมีปุ่มควบคุมฟังก์ชั่นการใช้งานต่างๆ ภายในรถ

ด้านความบันเทิงและความสะดวกสบายอื่นๆ ที่เราสามารถควบคุมจากหน้าจอแสดงผลตรงกลาง เชื่อมต่อความบันเทิงผ่านบลูทูธ ระบบนำทาง ส่วนคอนโซลด้านหน้ามีที่รองแก้ว และพื้นที่จัดเก็บ วางของเล็กๆ น้อยๆ อย่างกระเป๋าสตางค์หรือสมาร์ตโฟนก็ได้ พร้อมพอร์ตยูเอสบี (แต่เราติดว่าให้พอร์ตยูเอสบีมาแค่ช่องเดียวน่าจะน้อยไปหน่อย)

นอกจากนี้ฟีเจอร์อื่นๆ ที่มาพร้อกับนิสสัน ลีฟ ก็ช่วยเพิ่มทั้งความสะดวกสบายและความปลอดภัยในการขับขี่ เช่น เทคโนโลยีเบรกฉุกเฉิน เทคโนโลยีเบรกมือด้วยระบบไฟฟ้า และเทคโนโลยีกล้องมองหลังรอบทิศทาง เป็นต้น

กลับมาที่สมรรถนะของนิสสัน ลีฟ กันบ้าง หลังจากเราได้ร่วมทดสอบการขับขี่กับนิสสัน โดยหัวใจสำคัญของการร่วมทดสอบครั้งนี้คือการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้าในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การทดสอบสมรรถนะอัตราเร่ง การเข้าโค้งทั้งที่เป็นแบบเลขแปด และการเข้าโค้งแคบๆ รวมทั้งการออกไปขับขี่ในถนนจริงๆ ใจกลางกรุงเทพฯ และออกไปชานเมืองที่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม 

ที่สำคัญคือทางนิสสันต้องการให้เราคุ้นเคยกับเทคโนโลยี e-Pedal ที่มากับนิสสัน ลีฟ ซึ่ง e-Pedal เป็นนวัตกรรมการขับขี่ ที่ให้เราออกตัว เร่งความเร็ว ชะลอความเร็ว และหยุดนิ่งด้วยการใช้แป้นคันเร่งเพียงอย่างเดียว (แต่ยังมีแป้นเบรก กรณีจำเป็นต้องเบรกกะทันหันหรืออยากเพิ่มความมั่นใจในการหยุดรถ) 

หลักการทำงานของ e-Pedal ก็คือ เมื่อปล่อยคันเร่ง รถจะชะลอความเร็วโดยอัตโนมัติจนถึงหยุดนิ่งได้โดยสมบูรณ์ แม้จะจอดรถค้างบนเนินก็ตาม ด้วยอัตราการชะลอความเร็วที่สูงกว่า 0.2G โดยคนขับไม่ต้องขยับเท้าออกจากคันเร่งไปยังแป้นเบรกเพื่อชะลอหรือหยุด ทั้งหมดนี้ช่วยลดความเหนื่อยล้า ซึ่งช่วยลดการใช้แป้นเบรกได้มากถึง 90%

อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องแบตเตอรี ซึ่งในนิสสัน ลีฟ รุ่นสอง เป็นแบตเตอรีลิเธียม ไอออนชนิดอัดซ้อน (Laminated lithium-ion Battery) ทำให้มีความหนาแน่นมากขึ้นเก็บพลังงานได้เพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับนิสสัน ลีฟ รุ่นแรกในปี 2010 โดยเป็นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ขนาดความจุ 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง มีกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 110 กิโลวัตต์ และเมื่อชาร์จแบตเตอรีเต็ม สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดเป็นระยะทาง 311 กิโลเมตร

การได้ลองขับนิสสัน ลีฟ เป็นเวลา 1 วันเต็ม พบว่า สิ่งที่ชอบคือรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูโฉบเฉี่ยวสวยงาม ส่วนภายในห้องโดยสารก็ให้ความรู้สึกกว้างขวาง สามารถนั่ง 4-5 คนได้แบบสบายๆ หน้าจอแสดงผลออกแบบได้สวยงาม บอกสิ่งที่จำเป็น ยิ่งถ้าใครไม่เคยขับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามาก่อนจะต้องแปลกใจในความเงียบเมื่อสตาร์ทรถ เพราะนิสสัน ลีฟ ค่อนข้างเงียบมากจนนึกว่ายังไม่ได้สตาร์ตรถ

ในแง่ของสมรรถนะและความคุ้นชินในการใช้ e-Pedal ต้องบอกว่าในตอนแรกการขับขี่ที่ต้องใช้ e-Pedal แป้นเดียวทั้งเร่งความเร็วและชะลอความเร็ว อาจจะไม่คุ้นเคยนัก โดยเฉพาะเวลาชะลอความเร็วหรือเบรกหยุดรถ อาจจะต้องมีการผ่อนแป้นล่วงหน้าเล็กน้อย เพื่อให้ชะลอรถได้โดยไม่ต้องเหยียบแป้นเบรก แต่ถ้าขับไปสักระยะก็เริ่มจะคุ้นเคย และรู้สึกชอบด้วยซ้ำ เพราะทำให้เราไม่ต้องเหยียบแป้นเบรกบ่อยๆ และไม่เมื่อยล้า โดยเฉพาะการขับในเมืองที่รถติดมากเป็นพิเศษ

ส่วนการทำความเร็ว การเร่งแซงในระยะทางตรง ก็ทำได้ดีไม่ต่างจากรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเลยด้วยซ้ำ ขับได้ลื่นไม่มีสะดุด ไม่รู้สึกถึงการทำงานของเครื่องยนต์ มันเงียบมาก แม้กระทั่งเสียงรถยนต์ภายนอกแทบไม่เข้ามาข้างในเลยด้วยซ้ำ 

การมาด้วยความความเร็วสูงๆ ในทางตรงยาวและเข้าโค้งก็ทำได้ดี เกาะถนนพอสมควร ส่วนหนึ่งคือช่วงล่างที่ถูกออกแบบมาให้มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทำให้การขับด้วยความเร็วสูงๆ ไม่ว่าจะบนทางด่วนหรือเวลาเข้าโค้งทำให้เราสามารถควบคุมรถได้อย่างใจ

ถ้าเปรียบนิสสัน ลีฟ เป็นผู้หญิงสักคน เธอคนนั้นต้องเป็นผู้หญิงสวยทันสมัย หัวก้าวหน้า ดูเป็นผู้หญิงที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง หากแต่หัวจิตหัวใจของเธอเป็นคนอ่อนโยนและห่วงใยโลกใบนี้ 

นิสสัน ลีฟ ก็เหมือนผู้หญิงคนนี้นั่นแหละ ที่หากคุณเปิดใจลองคุยกับเธอดูสักครั้ง แล้วคุณจะเข้าใจว่าผู้หญิงที่สวยทั้งภายนอกและภายในมักมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ

Fact Box

  • นิสสัน ลีฟ รับประกันคุณภาพรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี หรือที่ 100,000 กิโลเมตร พร้อมรับประกันระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าเป็นเวลา 5 ปี และรับประกันแบตเตอรีอยู่ที่ 8 ปี
  • สำหรับการชาร์จสามารถทำได้ 3 วิธี ได้แก่ การชาร์จจากไฟบ้านปกติ เหมือนการชาร์จสมาร์ตโฟน โดยใช้สายเคเบิลอเนกประสงค์ ที่มาพร้อมกับรถยนต์ชาร์จแบบข้ามคืน ใช้เวลา 12-16 ชั่วโมง ส่วนแบบที่สองเป็นการชาร์จจากเครื่องชาร์จไฟฟ้า ที่เรียกว่า Wall Box Charging ที่ติดตั้งไว้ที่บ้านหรือที่ทำงาน ชาร์จได้เร็วขึ้นที่ 6-8 ชั่วโมง และการชาร์จด่วน หรือ Quick Charge โดยใช้เวลาชาร์จประมาณ 40 นาที เพื่อให้แบตเตอรีมีความจุประมาณ 80% มักเป็นสถานีชาร์จตามห้างสรรพสินค้าหรือที่สาธารณะต่างๆ 
Tags: , ,