การล่าแม่มดเกิดขึ้นในยุคกลางของยุโรปหรือที่เรียกกันว่ายุคมืด ทั่วยุโรปอยู่ภายใต้การปกครองของคริสตจักร และความเชื่อนอกรีตก็เป็นสิ่งร้ายแรง แม่มดถูกตีตราว่าเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายและเป็นภัยคุกคามที่ต้องถูกกำจัดทิ้ง เมื่อมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เป้าของต้นเหตุจึงพุ่งไปที่แม่มด แล้วเมื่อหาผู้หญิงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มดมาได้ พวกเธอก็จะถูกจับสอบสวน ทรมาน และจบลงที่ความตาย นี่คือสิ่งที่ชอบธรรมในยุคหนึ่ง
การล่าแม่มดอย่างในอดีตได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่แท้จริงรูปแบบของมันแค่เปลี่ยนแปลงไป ดังที่เราจะเห็นได้จากการล่าแม่มดทางโลกออนไลน์ มันคือการที่คนกลุ่มหนึ่งเลือกจะโจมตีคนคนหนึ่ง ทั้งขุดคุ้ยเรื่องมาประจาน ด่าทอด้วยคำหยาบ และเหยียบย่ำอย่างไม่ไว้หน้า แล้วผู้กระทำก็ใช้ชีวิตต่อไปอย่างไม่รู้สึกรู้สาว่าสิ่งที่ตนทำนั้นมันจะกรีดแทงคนอื่นอย่างไร ในขณะที่อีกคนอาจจมอยู่ในเงามืดของบาดแผลจนค่อยๆ ตายไป…
The Crucible (1996)
ภาพยนตร์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทละครของอาร์เธอร์ มิลเลอร์ ซึ่งบทละครนี้ก็ดัดแปลงมาจากเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อีกต่อหนึ่ง นั่นคือ คดีล่าแม่มดที่ใหญ่ที่สุด (The Salem Witch Trials) คดีนี้เกิดขึ้นระหว่างปี 1692-1693 ในตอนที่มนุษย์ยังหวาดกลัวต่อเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่พวกเขาไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ซึ่งบางเรื่องนั้นถูกโทษว่าเป็นคำสาปของแม่มด แล้วปฏิบัติการล่าแม่มดจึงเริ่มขึ้น
แม้ว่าจะขึ้นอยู่กับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ แต่อาร์เธอร์ มิลเลอร์ ก็เปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางจุด เพื่อให้ส่งผลกับเนื้อเรื่องมากยิ่งขึ้น และขนานไปกับประสบการณ์ของเขาในช่วงต้นศตวรรษ 1950 กับเหตุการณ์ที่ถูกจดจำในชื่อ McCarthyism ซึ่งเป็นการโจมตีผู้บริสุทธิ์ว่าเป็นคอมมิวนิสต์
เช้าวันหนึ่งในปี 1692 หมู่บ้านซาเล็ม แมสซาชูเซตต์ ยังคงหลับใหลอยู่ในความเงียบสงบ แต่นี่เป็นความสงบก่อนที่คลื่มลมพายุจะมาถึง เช้าวันนั้นเด็กสาวในหมู่บ้านจำนวนหนึ่งพากันเข้าไปในป่า พวกเธอเล่นสนุกด้วยการแอบทำพิธีกรรมบางอย่าง โดยไม่คิดว่าจะมีใครมาพบเข้า ซึ่งโชคร้ายที่พวกเธอคิดผิด สาธุคุณปารีสเผอิญผ่านมาพอดี ดังนั้น เด็กสาวทั้งหมดจึงพากันวิ่งหนี ยกเว้นก็แต่หลานสาวของเขา อบิเกลและเบ็ตตี
เบ็ตตีหมดสติตั้งแต่วันนั้น ไม่ว่าด้วยจากสาเหตุอะไรเธอหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีก รวมถึงเด็กสาวบางคนในพิธีกรรมวันนั้นด้วย อบิเกลเริ่มหวาดกลัวว่าความจะแตกและไม่อยากตกเป็นจำเลยในครั้งนี้ เธอจึงใส่ความทิทูบา ทาสผิวสีว่าเป็นแม่มด! สาธุคุณเองก็ไม่อยากให้ใครรู้ว่าหลานสาวตัวเองมีส่วนร่วม เขาจึงเรียกคนอื่นเข้ามาตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลที่กำลังลุกลามไปกันใหญ่ แล้วการปรักปรำผู้บริสุทธิ์ว่าเป็นแม่มดก็ขยายไปเรื่อยๆ ความหวาดกลัวแพร่กระจายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ไม่มีใครอยากตกเป็นผู้ต้องสงสัย เพื่อการณ์นั้นพวกเขาจึงล่าแม่มดมารับผิดชอบ โดยที่น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าคนทั้งหลายนั้นไม่ได้มีความผิดอะไรเลย
The Witch (2015)
การสะกดคำของชื่อภาพยนตร์ The VVitch (อักษร V สองตัว) เป็นวิธีการเขียนคำในช่วงเวลาที่เกิดขึ้นของเนื้อเรื่องในภาพยนตร์ ซึ่งในตอนนั้นตัวอักษร W ยังไม่มีในการใช้งาน กว่าที่ W จะมีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายก็ในตอนที่อังกฤษกลายเป็นมหาอำนาจช่วงศตวรรษที่ 19 นั่นเอง
ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้ทุนสร้างไปทั้งสิ้น 4 ล้านเหรียญ และใช้เวลาในการถ่ายทำเพียง 25 วัน ในเรื่องเราจะได้เห็นสัตว์หลายๆ ชนิดปรากฏอยู่ ซึ่งสัตว์ส่วนใหญ่ เช่น กระต่าย อีกา และม้า เป็นสัตว์ที่ทำงานร่วมได้ง่ายมากในกองนี้ ยกเว้นก็แต่แพะแบล็กฟิลลิป (ในตอนคัดเลือก) เท่านั้นที่ออกจะเอาแต่ใจไปบ้าง และความจริงแล้วหนึ่งในฉากที่ฟิลลิปพุ่งเข้าหาและต่อสู้กับพ่อนั้นไม่ได้ถูกเขียนขึ้นในบท แต่มันเกิดขึ้นในขณะถ่ายทำอย่างกะทันหัน
เหตุการณ์ดำเนินไปในปี 1630 ครอบครัวอพยพชาวอังกฤษครอบครัวหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ในจุดยืนทางศาสนา พวกเขามีความคิดเห็นและแนวทางปฏิบัติที่ไม่ลงรอยกับชาวบ้าน ดังนั้นครอบครัววิลเลียมจึงถูกขับไล่ออกจากหมู่บ้าน และต้องหาถิ่นฐานใหม่ จนมาพบที่ดินแห้งแล้งอันห่างไกลในนิวอิงแลนด์
ความเป็นอยู่ของพวกเขาค่อนข้างแร้นแค้น ข้าวปลาอาหารที่มีก็ค่อยๆ ร่อยหรอ แล้วเหตุการณ์ประหลาดก็ยิ่งทวีความรุนแรงให้ครอบครัวมุ่งไปสู่ความพินาศ ตั้งแต่พืชผักล้มตาย, นมแพะที่รีดออกมาเป็นเลือด, ลูกชายคนสุดท้องหายไปอย่างไร้ร่องรอย, ลูกชายคนกลางเริ่มมีพฤติกรรมเหมือนผีเข้า และลามไปจนถึงการคิดว่าลูกสาวคนโตคือผู้ที่ติดต่อกับซาตาน เธอคือตัวการของเรื่องทั้งหมด และเธอไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นแม่มด! ศรัทธาที่เคยมีกำลังจะถูกทำลาย และคนที่สั่นคลอนมันก็คือตัวของพวกเขาเอง
มนุษย์ต้องการแสงสว่างนำทาง และแสงสว่างที่ว่าก็อาจหมายถึงพระเจ้า พวกเขาจึงเคร่งครัดเหลือแสนเพื่อจะอยู่ในลู่ในทาง เพื่อให้พระเจ้าไม่ทอดทิ้งและยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในวันที่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด แต่บางครั้งเมื่อเราตกอยู่ในจุดที่ต่ำที่สุดแล้วมองหาความช่วยเหลือ เราถึงได้รู้ว่าสิ่งที่เราเฝ้าศรัทธานั้นบางทีก็ไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากความหวังลมๆ แล้งๆ
The Wailing (2016)
The Wailing เป็นภาพยนตร์เขย่าขวัญ ผลงานการเขียนบทและกำกับของผู้กำกับนาฮงจิน ผลงานที่ผ่านมาได้แก่ The Chaser (2008) และ The Yellow Sea (2010) แต่สำหรับครั้งนี้นาฮงจินจะพาเราไปสำรวจหมู่บ้านต้องสาป ซึ่งเนื้อหามีพื้นฐานมาจากความเชื่อของศาสนาพื้นบ้านในเกาหลี, ศาสนาในเนปาล และศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก แต่ขึ้นอยู่กับเกาหลีเป็นหลัก
ในทีแรกตอนต้นของภาพยนตร์จะมีฉากไล่ล่ากันระหว่าง The Woman of No Name และ The Stranger ด้วย แต่นาฮงจินตัดทิ้งไป เพราะคิดว่ามันน่าจะลดทอนความลึกลับของตัวละคร ซึ่งอาจส่งผลในขณะชมภาพยนตร์
ไม่มีใครอยากพบเจอกับความชั่วร้าย แต่ความชั่วร้ายมักเดินทางไปสู่ทุกที่ และครั้งนี้มันก็จอดลงตรงหมู่บ้านอันห่างไกลแห่งหนึ่ง ที่นี่เคยสงบสุขมาตลอด แต่แล้วกลับมีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้น จู่ๆ ชาวบ้านบางคนก็คลุ้มคลั่งอย่างไม่มีสาเหตุ เนื้อตัวเป็นแผลเน่าหนองไม่ต่างอะไรจากซอมบี้ และทำร้ายคนในครอบครัวจนถึงแก่ความตาย ทั้งหมอและตำรวจต่างจนปัญญาจะหาสาเหตุ
ไม่นานชาวบ้านก็ลือกันไปต่างๆ นานาว่าชายลึกลับชาวญี่ปุ่นนั่นแหละที่เป็นต้นเหตุ ตั้งแต่เขาย้ายมาที่นี่ หมู่บ้านก็เปลี่ยนไป แถมบางคนยังอ้างว่าเคยเห็นเขากินซากสัตว์ดิบๆ ด้วย แล้วเรื่องบ้าๆ ก็มาตกอยู่ที่ครอบครัวนายตำรวจจองกู ลูกสาววัยประถมของเขาไม่สบายและมีอาการวิปริตคล้ายกับคนอื่น จากที่เคยไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เขากลับต้องพึ่งพามัน พร้อมกันนั้นในหมู่บ้านก็มีคนแปลกหน้าถึงสามคน นั่นคือ ชายญี่ปุ่นที่ย้ายเข้ามา, สาวปริศนาที่ปรากฏตัวบ่อยๆ ตามบ้านเกิดเหตุ และหมอผีต่างเมือง ความโชคร้ายนี้อาจถูกปัดเป่าให้หายไป หรือไม่ก็เป็นหมู่บ้านนี้เองนั้นแหละที่ต้องตายตามกันไปหมด
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกครั้งที่ฉายให้เห็นความล้มเหลวของตำรวจ พวกเขาไม่สามารถคลี่คลายคดีได้ ไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอุ่นใจหรือปลอดภัยที่มีพวกเขา และอีกด้านหนึ่งเมื่อภาพยนตร์เดินทางเข้าสู่ความเชื่อ จนมีการต่อสู้ระหว่างตัวละคร มันก็เผยให้เห็นอดีตอันบาดหมางระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อาจลบเลือนไปจากหน้าประวัติศาสตร์ ซ้ำยังตามหลอกหลอนพวกเขาไม่ต่างจากภูติผีปีศาจ มันเป็นความชั่วร้ายที่มนุษย์กระทำต่อกันเอง หาใช่ปีศาจสิงสู่ไม่
Svaha: The Sixth Finger (2019)
ภาพยนตร์เรื่องแรกของผู้กำกับจางแจฮยอน The Priests (2015) เกี่ยวข้องกับการวิพากษ์วิจารณ์ความเชื่อทางศาสนาที่เส้นแบ่งแห่งความชั่วร้ายและความชอบธรรมเริ่มพร่ามัว อันเป็นผลมาจากการค้นหาความจริง การกลับมาครั้งนี้ก็เช่นกัน เขายังคงเล่นกับความเชื่อทางศาสนา โดยยึดโยงกับศาสนาพุทธเป็นหลัก
ภาพยนตร์เล่าด้วยสามเส้นเรื่องหลักๆ ที่จะเข้ามาบรรจบกันในที่สุด เส้นแรกมีตัวละครหลักคือศาสนาจารย์ปาร์ก ผู้เปิดบริษัทเล็กๆ เป็นของตัวเอง ซึ่งงานส่วนใหญ่ก็คือการเปิดโปงลัทธิลวงโลก และตอนนี้เขาพยายามจะเปิดโปงลัทธิแห่งหนึ่งที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปกวาง คำสอนของลัทธินี้คล้ายกับพุทธมหายาน แต่พวกเขาบูชาจตุโลกบาล ซึ่งเดิมทีเป็นมารร้าย แต่เมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้าและเริ่มทำตามคำสอนของพระองค์ จตุโลกบาลจึงกลายเป็นเทพที่ต่อสู้กับความชั่วร้าย ซึ่งปาร์กจะต้องสืบค้นว่าแท้จริงแล้วจุดประสงค์ของลัทธินี้คืออะไรกันแน่
เส้นเรื่องที่สอง เป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่เกิดมาพร้อมกับฝาแฝด โดยแฝดอีกคนนั้นสร้างความสยดสยองให้กับทุกคน เธอคล้ายปีศาจมากกว่ามนุษย์เสียอีก ครอบครัวนี้จึงค่อนข้างเก็บตัวเงียบ แล้วพอย้ายไปยังหมู่บ้านไหน หมู่บ้านนั้นก็มักมีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น โดยเฉพาะเสียงโหยหวนในยามค่ำคืน ชาวบ้านบางคนจึงเริ่มที่จะพยายามหาคำตอบของครอบครัวนั้น และเส้นเรื่องสุดท้าย ชายสองคนพยายามตามหาเด็กหญิงที่เกิดในยองวอลปี 1999 เพื่อที่จะสังหารพวกเธอทั้งหมด แต่เขาทำไปเพื่ออะไร เด็กหญิงหลายคนทำไมต้องตาย เงื่อนปมเหล่านี้จะถูกปลดออกในปลายทางที่ละเลงไปด้วยเลือด ศรัทธาบางคนต้องดับมอด แต่ศรัทธาบางคนก็จะยังคงดำเนินต่อไป
Suspiria (2018)
Suspiria เป็นผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์สยองขวัญคลาสสิกของผู้กำกับ ดาริโอ อาร์เจนโต ซึ่งฉบับดั้งเดิมนั้นออกฉายในปี 1977 เนื้อหาหลักของเรื่องยังคงไว้ด้วยเรื่องราวของคณะบัลเลต์ แต่รายละเอียดปลีกย่อยถูกตีความใหม่ให้ต่างไปจากเดิม
ภาพยนตร์เล่าถึงชีวิตของ ซูซี่ แบนเนี่ยน หญิงสาวชาวอเมริกันที่เดินทางมาจากโอไฮโอ เพราะตั้งใจมาเข้าร่วมกับคณะบัลเลต์ที่มีชื่อเสียงในเบอร์ลินตะวันตก ประเทศเยอรมนี ความใฝ่ฝันของเธอคือการได้แสดงเป็นตัวจริง และเธอก็แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง ประกายความสามารถของเธอโดดเด่นจนเป็นที่น่าจับตามอง
แต่ในคณะบัลเลต์นี้ก็มีบรรยากาศของความอึดอัดล่องลอยอยู่ หญิงสาวบางคนหายตัวไป โดยที่ทุกคนคิดว่าเธอหนีไปเอง แต่ความจริงอาจไม่เป็นแบบนั้น มาดามบลังค์ หัวหน้าผู้ฝึกสอนยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป แม้ว่าข่าวลือจะค่อยๆ หนาหูมากขึ้นจนบางคนเริ่มหวาดหวั่น ความไม่ชอบมาพากลเริ่มแสดงตัวออกมาเรื่อยๆ การเต้นของพวกเธอทั้งหมดไม่ได้เป็นแค่การเคลื่อนไหว แต่แฝงไว้ด้วยพิธีกรรมบางอย่าง ซึ่งผู้ที่รู้ความจริงมีเพียงไม่กี่คน และพวกเธอก็คือผู้ที่กุมอำนาจในคณะบัลเลต์แห่งนี้ ความงดงามกับการทรมานกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ขณะที่คนหนึ่งสุขสม อีกคนกลับกำลังทุรนทุราย ทางรอดเดียวคือการเข้าร่วม แต่ใครเข้าร่วมกับใครหรือใครจะกลืนกินใครคือสิ่งที่ภาพยนตร์จะนำพาคุณไปเอง
ความสยดสยองและความลึกลับนี้อ้างอิงมาจากเรื่องของพระแม่ทั้งสาม ได้แก่ พระแม่มาครีมารัม, พระแม่เทเนบารัม และพระแม่ซัสพีริโอรัม ซึ่งปรากฏอยู่ในภาพยนตร์สามเรื่องของดาริโอ อาร์เจนโต โดยที่เขาได้แรงบันดาลมาอีกต่อหนึ่งจากหนังสือ Suspiria de Profundis ในตอน Levana and Our Ladies of Sorrow เทพีแห่งการเกิด และสหายทั้งสามของเธอ สำหรับใครที่อยากขยายเรื่องราวของพระแม่ทั้งสามของอาร์เจนโตให้ตามไปดูได้ที่เรื่อง Suspiria (1977), Inferno (1980) และ The Mother of Tears (2007)
Tags: ภาพยนตร์, ล่าแม่มด, แม่มด