1.

วันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ปีเตอร์ ซัตคลิฟฟ์ (Peter Sutcliffe) วัย 74 ปี เสียชีวิตด้วยโควิด-19 หลังปฏิเสธที่จะเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ปีเตอร์เสียชีวิตในเรือนจำ เขาเป็นนักโทษในคดีสุดอื้อฉาว ได้รับฉายาว่า ‘ยอร์กเชียร์ ริปเปอร์’ (Yorkshire Ripper) โดยคำแรกมาจากย่านที่เกิดเหตุฆาตกรรมหญิงสาว ซึ่งอยู่บริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ ส่วนคำหลังล้อไปกับ Jack The Ripper ฆาตกรต่อเนื่องที่ก่อเหตุสังหารหญิงสาวเมื่อ 100 กว่าปีก่อนและไม่เคยถูกจับกุมตัวได้

ปีเตอร์คือฆาตกรต่อเนื่อง ในช่วงปี 1975-1980 เขาก่อเหตุกับหญิงสาวไป 20 ราย เสียชีวิต 13 ราย บาดเจ็บสาหัส 7 ราย และอาจจะมีผู้ถูกฆ่าและถูกทำร้ายจากเขาอีกเป็นจำนวนมาก แต่ตำรวจละเลยไป

ความตายของเขา ทำให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตหลายคนบอกว่าโล่งใจ เหยื่อที่โดนเขาทำร้ายบอกว่า บางคืนยังรู้สึกหวาดกลัวและปวดหัวยามนึกถึงเหตุการณ์วันนั้น

สำหรับตำรวจ มันคือความผิดพลาดในการปล่อยให้ปีเตอร์ก่อเหตุได้ยาวนานกว่า 5 ปี ทั้งที่เคยนำตัวเขามาสอบปากคำถึง 9 ครั้ง แต่ก็ไม่สามารถจับได้ จนปีเตอร์ต้องออกมาพูดว่า “มันเหมือนปาฏิหาริย์ที่พวกเขาไม่ได้จับตัวผมให้เร็วกว่านี้ ทั้งๆ ที่มีทุกอย่างครบหมดแล้ว” 

สำหรับหญิงสาว มันคือฝันร้ายที่กลายเป็นจริง ไม่เพียงแต่จะต้องกลัวฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ พวกเธอยังเจอกับอคติของเจ้าหน้าที่ในการไล่ล่าตัวคนร้ายอีกด้วย

นี่คือเรื่องราวบาดแผลที่กินลึกไปกว่าฆาตกรรมสุดเหี้ยมโหดของปีเตอร์ ซัตคลิฟฟ์

2.

ฆาตกรต่อเนื่องรายนี้เปิดเผยว่า แรงจูงใจที่เขาลงมือฆ่าผู้หญิง ก็เพราะพระเจ้าบอกให้ลงมือทำ ชีวิตในอดีตเขานั้นเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่เกิดในชนชั้นแรงงาน ออกจากโรงเรียนตั้งแต่วัยรุ่น และทำงานหลากหลายชนิด ทั้งสัปเหร่อ รปภ. และงานรับจ้างทั่วไป มีบางครั้งก็ตกงาน เขาแต่งงานแต่ไม่สามารถมีลูกได้ เพราะภรรยามีปัญหาในเรื่องนี้

ปีเตอร์มีงานอดิเรกคือ ชอบหาความสนุกกับโสเภณีจนเป็นที่รับรู้กันในหมู่เพื่อนฝูง ก่อนจะเกิดเหตุฆาตกรต่อเนื่องในปี 1969 เขาเคยติดตามโสเภณีและตรงไปใช้ค้อนทำร้ายเธอ แต่ไม่ถึงกับเสียชีวิต มันเป็นครั้งแรกที่ปีเตอร์ได้ลองก่อเหตุ ซึ่งผู้บาดเจ็บจำทะเบียนรถที่เขาขับออกไปได้ วันต่อมา ตำรวจมาหาเขาที่บ้าน แม้จะมีความผิดชัดเจนเพียงพอต่อการจับกุมข้อหาทำร้ายร่างกาย แต่ตำรวจไม่ได้จับปีเตอร์ เพียงแต่ขู่ปรามว่า โชคดีแค่ไหนที่ผู้บาดเจ็บเป็นเพียงโสเภณี และผัวของเธอยังติดคุกอยู่ จึงไม่มีใครอยากเอาความอะไร

นั่นคือสิ่งที่ตำรวจคิด โสเภณีคือผู้หญิงที่ตัดสินใจออกมาขายตัวรับความเสี่ยงจากการถูกปล้นฆ่าเอง

การปล่อยปีเตอร์ไปครั้งนั้น ทำให้อีก 5 ปีต่อมา เขาจึงได้ลงมือใช้ค้อนทุบหัว วิลมา แมคแคน (Wilma McCann) โสเภณีวัย 28 ปี ซึ่งเป็นแม่ของลูก 4 คน เขาสะกดรอยตามและตีหัวเธอ 2 ครั้งและใช้มีดแทงตามร่างไปกว่า 14 แผล นี่คือศพแรกที่ตำรวจบันทึกไว้ว่าเป็นผลงานแรกของฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ 

วิลมาตายไปโดยทิ้งลูก 4 คนที่รอแม่กลับบ้าน คืนเกิดเหตุลูกสาวคนโตจูงน้องๆ ออกไปรอแม่ที่ป้ายรถเมล์ซึ่งแม่จะกลับมาทุกคืน แต่ไม่พบแม่ ผ่านไปหลายปี ลูกสาวคนโตตัดสินใจผูกคอตายจากความเจ็บปวดในวันนั้น น้องชายของเธอคนหนึ่งเกิดบาดแผลในใจจากความตายของแม่ จนต้องพึ่งยาเสพติดและติดคุกจากปัญหานี้

ก่อนหน้าจะสังหารเหยื่อรายแรก ปีเตอร์ไล่ทำร้ายโสเภณีไปทั่ว เพียงแต่ไม่มีการแจ้งความ เพราะเหยื่อเป็นเพียงโสเภณีที่รู้ว่าแจ้งไปตำรวจก็คงไม่สนใจ นั่นทำให้ฆาตกรรายนี้ใช้เวลาอีก 4 ปี สังหารหญิงสาวไป 3 ศพ แม้ตำรวจจะจัดรูปแบบการก่อเหตุและแยกได้ว่าคดีไหนคือคดียอร์กเชียร์ ริปเปอร์ คดีไหนไม่ใช่ โดยพฤติกรรมการฆ่านั้น ผู้ตายหรือผู้บาดเจ็บจะโดนทำร้ายกระหน่ำตีที่หัวด้วยค้อนจากข้างหลัง มีการใช้มีด ไขควงหรือของมีคมกรีดทรวงอกและหน้าท้อง เสื้อผ้าของเหยื่อจะถูกเฉือนออกให้เห็นร่างที่แหว่งวิ่น โดยตำรวจยังคงพุ่งเป้าไปหาผู้ชายที่เกลียดโสเภณีเป็นหลัก

จนเมื่อเกิดเหตุคนร้ายใช้ค้อนทุบหญิงสาววัย 16 ปีซึ่งไม่มีประวัติขายบริการ แต่กลับถูกฆ่าด้วยรูปแบบคล้ายกับวิธีการฆ่าของยอร์กเชียร์ ริปเปอร์ ตำรวจจึงเริ่มจัดลำดับคดีใหม่ โดยกลับไปตรวจคดีย้อนหลังแล้วจัดความสำคัญเหยื่อ ว่าคนตายคนไหนประวัติดี คนไหนประวัติเลว (เป็นโสเภณีจะถูกจัดว่าประวัติเลว) 

การกระทำของตำรวจนี้ ทำให้ญาติผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตไม่พอใจมาก เพราะเท่ากับละเลยบทบาทความเป็นคนของผู้ตายอย่างน่าเจ็บปวด ทางการออกกฎให้หญิงสาวระมัดระวังตัว ห้ามใส่ชุดล่อแหลม ห้ามออกนอกบ้านยามวิกาล ไม่เช่นนั้นจะโดนจับกุม มีการลาดตระเวนอย่างหนัก 

สิ่งเหล่านี้ทำให้นักสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะกลุ่มเฟมินิสต์ไม่พอใจ เนื่องจากมองว่าตำรวจมีอคติทางเพศกับผู้หญิงมากไป การแต่งชุดจะล่อแหลมหรือไม่ ก็ไม่ช่วยให้เหยื่อรอดจากการโดนฆาตกรรายนี้ฆ่าหรือทำร้ายได้ พวกเธอทำการประท้วงกองถ่ายหนังโป๊ที่มีการร่วมเพศแบบทารุณกรรมหญิงสาวที่มาใช้ฉากในโรงภาพยนตร์ละแวกเกิดเหตุฆาตกรรมนี้ 

ปรากฏว่าผู้ประท้วงซึ่งเป็นผู้หญิงกลับโดนตำรวจจับไปโรงพัก 11 คนแทน แถมยังให้ประกันตัวตอนเที่ยงคืน สร้างความหวาดกลัวต่อผู้หญิงที่ได้รับการปล่อยตัวเพราะต้องกลับบ้านยามวิกาล และฆาตกรต่อเนื่องก็ยังเพ่นพ่านอยู่ข้างนอก อีกทั้งรถเมล์ก็ไม่มีวิ่งแล้ว แต่ตำรวจที่ปล่อยตัวกลับพูดจาเหยียดหยามว่า “ผู้หญิงที่เล่นกับไฟ ก็ควรโดนไฟไหม้” 

แปลง่าย ๆ ว่าพวกเธอรนหาที่เอง

3.

จริง ๆ แล้วปีเตอร์เจียนอยู่เจียนไปกับการโดนจับหลายครั้ง แถมเขาไม่เคยย้ายที่อยู่หรือหลบหนี ยังคงอาศัยอยู่กับภรรยา ทำงานปกติ และชอบใช้บริการโสเภณีเป็นประจำ ที่จริงข้อสันนิษฐานของตำรวจก็ไม่ได้ผิดพลาด แต่พวกเขากลับทำงานไม่รอบคอบ ปล่อยปีเตอร์รอดไปได้ ก่อนหน้านี้ตำรวจเคยจับปีเตอร์ข้อหาเมาแล้วขับ หลังจากที่เขาเพิ่งฆ่าเหยื่อไป 2 ราย แม้จะมีผู้รอดชีวิตมาให้ข้อมูลสเกตซ์ภาพคนร้ายซึ่งก็ใกล้เคียงกับหน้าตาของปีเตอร์ แต่ตำรวจกลับจับตัวเขาไม่ได้

สาเหตุส่วนหนึ่งของการคว้าน้ำเหลว ก็เพราะมีเทปบันทึกเสียงชายที่อ้างตัวว่าเป็นฆาตกรในคดีนี้ส่งไปหาตำรวจ ทำเอาเจ้าหน้าที่หลงประเด็นกันไปใหญ่

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 1978 มีจดหมายส่งมายังตำรวจเขียนโดยชายที่บอกว่าตัวเองคือ แจ็ค เดอะริปเปอร์ อ้างว่าเป็นฆาตกรสังหารหญิงสาว จดหมายถูกส่งมาจากเมืองซันเดอร์แลนด์ ไม่กี่วันต่อมา จดหมายแบบเดียวกันส่งไปยังหนังสือพิมพ์เดลิมิเรอร์ โดยตำรวจเรียกชายคนนี้ว่า Wearside Jack คำแรกคือย่านที่จดหมายถูกส่งมาซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของอังกฤษ คนละทิศกับจุดที่ปีเตอร์อยู่ คำหลังยังอ้างอิงถึงฆาตกรต่อเนื่องเมื่อ 100 กว่าปีก่อน 

ต่อมาชายคนนี้ได้ส่งเทปเสียงมายังตำรวจ เทปดังกล่าวทำให้ตำรวจเชื่อว่า คือเสียงของฆาตกรตัวจริง และทำให้ประเด็นการสืบคดีหักเห มันถูกส่งไปยังสื่อมวลชนและถูกพูดถึงในวงสนทนา มีคนถึง 4หมื่นคนโทรหาตำรวจ อ้างตัวเป็นชายคนดังกล่าว ในช่วงนั้นตำรวจได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า ไม่ใช่โสเภณีเท่านั้นที่มีความเสี่ยง แต่ผู้หญิงทุกคนล้วนเสี่ยงโดนฆ่าหมด

แม้ผู้รอดชีวิตจะยืนยันว่า เสียงของคนในเทปไม่ใช่ฆาตกรแน่นอน เพราะคนละสำเนียง แต่ตำรวจกลับไม่สนใจ มีการตั้งรางวัลนำจับ 1 ล้านปอนด์ เพื่อตามหาเสียงคนในเทปที่เย้ยตำรวจว่า ยังจับเขาไม่ได้สักที ผลของเทปนี้ ทำให้ตำรวจสอบปากคำผู้ชายในย่าน Wearside ไปกว่า 4 หมื่นคนและตำรวจก็ยังไม่หยุดควานหาตัวชายคนนี้ที่เชื่อว่าคือฆาตกรต่อเนื่องตัวจริง ถึงขนาดที่ว่าพอจับตัวปีเตอร์มาได้ เจ้าหน้าที่ได้ให้ฆาตกรตัวจริงเขียนหนังสือเพื่อเอาไปเทียบกับจดหมายที่ฆาตกรตัวปลอมเขียน จนเมื่อพิสูจน์ได้ว่าปีเตอร์คือฆาตกรต่อเนื่องในคดีนี้ตัวจริง ตำรวจจึงเริ่มทำการสืบหาตัวฆาตกรตัวปลอม จนพบว่าคือ จอห์น ฮัมเบิล ชายติดเหล้า 

จอห์นรับสารภาพว่า ที่ทำแบบนี้ก็เพราะไม่ชอบตำรวจ และหลงใหลเรื่องราวของแจ็ค เดอะริปเปอร์ จึงปั้นเรื่องขึ้น ผลของการกระทำนี้ทำให้เขาติดคุกไป 8 ปี ต่อมาฮัมเบิลยอมรับว่าเสียใจที่เมื่อเทปส่งไปหาตำรวจแล้วยังมีการก่อเหตุฆ่าหญิงสาวอีก 2 ราย

ด้านฆาตกรตัวจริงอย่างปีเตอร์ยืนยันว่าเขาคือฆาตกรในคดีนี้ และยืนยันย้ำอีกว่าไม่เคยเขียนจดหมายหาตำรวจ แถมภูมิลำเนาของเขานั้น คือย่านตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษ ไม่ใช่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือแต่อย่างใด

4.

เมื่อตำรวจยังมึนงงกับการควานหาตัวฆาตกรต่อเนื่องรายนี้ จนหลายคนเริ่มคิดว่ามันจะซ้ำรอยแจ็ค เดอะ ริปเปอร์หรือไม่ ที่สุดท้ายก็จับใครไม่ได้ 

แต่แล้วดูเหมือนโชคชะตาก็เป็นใจ ในวันที่ 2 มกราคม 1981 ตำรวจสายตรวจ 2 นายเรียกรถของปีเตอร์จอด หลังพบว่าเขาขับมากับหญิงสาวที่เหมือนโสเภณี ตำรวจคนหนึ่งได้ตรวจสอบทะเบียนรถแล้วพบว่าเป็นทะเบียนปลอม จะด้วยไหวพริบหรือดวงจะจับโจรได้ เจ้าหน้าที่ได้พาปีเตอร์ไปโรงพักเพื่อสอบปากคำ หลังพบว่าเขาอยู่กับโสเภณี ซึ่งเป็นข้อสงสัยอย่างหนึ่งว่าอาจเป็นฆาตกร อีกส่วนก็คือเขามีข้อมูลว่าถูกสอบปากคำในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีนี้มาแล้ว

ปีเตอร์ปฏิเสธว่าไม่ได้เรียกโสเภณีขึ้นรถ แต่เป็นคู่ขามากกว่า ระหว่างนั้นเขาได้ขอตัวเข้าห้องน้ำ เจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งได้ไปตรวจรถแล้วพบไขควงในช่องเก็บของ ด้วยความที่ปีเตอร์เป็นผู้ต้องสงสัยในคดีนี้อยู่แล้ว ตำรวจจึงมีความตั้งใจกลับไปตรวจจุดเกิดเหตุที่รถถูกเรียกและย้อนดูข้างทางที่รถขับมา พวกเขาพบมีดและค้อนถูกทิ้งระหว่างทาง

การค้นพบนี้ทำให้ตำรวจกลับไปโรงพักทันที แล้วพบว่า อาวุธส่วนหนึ่งถูกทิ้งในห้องน้ำ ซึ่งปีเตอร์เพิ่งไปเข้ามา เมื่อเริ่มมีมูลและเค้าลาง ตำรวจจึงไปสอบปากคำภรรยาของปีเตอร์ โดยไล่ช่วงเวลาฆาตกรรมของเหยื่อ 13 รายว่าตอนนั้นปีเตอร์อยู่ไหนบ้าง ก่อนจะพบว่าช่วงเวลาฆาตกรรมหญิงสาววัย 16 ปีนั้น ปีเตอร์ไม่อยู่บ้าน

ยิ่งเค้นยิ่งสงสัย ตำรวจจึงเข้าไปในห้องสอบปากคำแล้วค่อยร่ายข้อมูลที่พบ บอกกล่าวถึงหลักฐานที่ตำรวจมีอย่างต่อเนื่อง 

“ใช่แล้ว ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร ยอร์กเชียร์ ริปเปอร์คือผมเอง ผมฆ่าผู้หญิงเหล่านั้น”

คำสารภาพเรียบ ๆ จากปากของปีเตอร์ ทำเอาตำรวจช็อกเหมือนกัน หลังจากใช้เวลาไปเกือบล้านชั่วโมง ใช้เจ้าหน้าที่มากมายตามหาตัว สุดท้ายพวกเขาก็พบตัวฆาตกรรายนี้อย่างง่าย ๆ

ตำรวจทำการตรวจสอบทุกอย่าง แล้วแจ้งภรรยาของปีเตอร์ว่า ผู้ต้องหาอยากพบส่วนตัวเพื่อบอกว่าเขาคือฆาตกรต่อเนื่องเอง โดยหลังจากจับกุมส่งตัวผู้ต้องหาขึ้นศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตแล้ว เจ้าหน้าที่ก็หันมาตรวจสอบตัวเอง จนพบความผิดพลาดของตัวเองหลายอย่าง เช่น เพื่อนของปีเตอร์เคยส่งจดหมายนิรนามมาแจ้งว่าปีเตอร์อาจเป็นฆาตกรต่อเนื่องคดีนี้ แถมพวกเขายังพบหลักฐานหลายชิ้นในตัวเหยื่อซึ่งสามารถโยงไปหาปีเตอร์ได้อย่างง่ายดาย แต่ตำรวจกลับเชื่อมโยงไม่ได้

นอกจากนี้แม้จะสอบปากคำปีเตอร์ไปหลายครั้ง แต่ตำรวจกลับจัดเขาเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยประเภทที่ 3 ซึ่งห่างไกลจากผู้ต้องสงสัยประเภท 1 กับ 2 ที่หลายคนเป็นผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้และถูกตำรวจสะกดรอยตามและโดนเรียกมาสอบปากคำอย่างเจ็บปวดอยู่หลายเดือน

5.

ความตายของปีเตอร์นั้น สำหรับครอบครัวของผู้เสียชีวิต มันเหมือนกับการปิดฉากบาดแผลที่ฝังในความทรงจำนานหลายปี ขณะเดียวกันมีการพุดคุยนำไปสู่ข้อสรุปว่า เหตุที่เขาลอยนวลได้หลายปีนั้นเกิดจากตำรวจเองมีอคติทางเพศต่อผู้หญิงเกินไปจนหลงประเด็นในคดี หากตำรวจและเจ้าหน้าที่คำนึงถึงเหยื่อผู้บาดเจ็บ ผู้เสียชีวิตในฐานะมนุษย์ พวกเขาอาจจับกุมตัวคนร้ายได้เร็วกว่าเดิมและคงมีหลายครอบครัวที่ไม่ต้องเผชิญความปวดร้ายแบบนี้

ลูกชายของผู้เสียชีวิตรายหนึ่งจากคดีนี้ได้ให้สัมภาษณ์หลังทราบข่าวความตายของปีเตอร์ว่า 

“เขาไม่ได้ฆ่าแม่ผม เขาฆ่าครอบครัวเรา พวกเราบางคนไม่เคยพูดถึงอดีตเมื่อ 40 ปีก่อนเลย นั่นคือสิ่งที่เขาทำกับเรา เขาสังหารครอบครัวเรา”

ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องราวของความจริงอันแสนเจ็บปวดจากคดีสุดสะเทือนขวัญนี้

ข้อมูลอ้างอิง

  1. https://www.aljazeera.com/features/2020/11/25/forgotten-women-the-overlooked-victims-of-serial-killers?fbclid=IwAR1G7qTyTRYqweGbf-iNMfYn-Ns1FESI5O8vzmX4LtkvLqiZND–QfKEO-s

  2. https://www.bbc.com/news/uk-england-54874713

  3. https://news.sky.com/story/yorkshire-ripper-serial-killer-peter-sutcliffe-has-died-sky-news-understands-12131042

  4. https://www.yorkshireeveningpost.co.uk/news/crime/how-was-yorkshire-ripper-peter-sutcliffe-caught-3034952

  5. https://www.bbc.com/news/uk-england-54930118

  6. https://www.theguardian.com/world/2007/dec/27/ukcrime.uk

  7. https://www.chroniclelive.co.uk/news/north-east-news/wearside-jack-sunderland-hoaxer-who-19272884

Tags: , ,