ยาโยอิ ไอคอนสยาม เสิร์ฟประสบการณ์อาหารญี่ปุ่นโดยมาสเตอร์เชฟญี่ปุ่น

ปกติเราคุ้นเคยกับยาโยอิในรูปแบบชุดอาหารญี่ปุ่น ที่ไปถึงโต๊ะก็นั่งสั่งอาหารได้เลย ไม่ได้มีรูปแบบหรือความพิเศษอะไร แต่ยาโยอิสาขาไอคอนสยามเป็นสาขาแรกในเมืองไทยที่มาพร้อมกับคอนเซ็ปต์ใหม่ นั่นคือ ยาโยอิ เชฟเอ็กซ์พีเรียนซ์ แอนด์ ซูชิบาร์ คล้ายกับยาโยอิเวอร์ชันอัปเกรดที่พรีเมียมกว่าปกตินั่นเอง

สิ่งที่แตกต่างจากยาโยอิสาขาอื่นคือการสร้างประสบการณ์ของการทานอาหารญี่ปุ่น แน่นอนว่าอาหารชุดญี่ปุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของยาโยอิยังคงมีเหมือนเคย แต่ได้เพิ่มความพิเศษเข้ามา นั่นคือ มีมาสเตอร์เชฟชาวญี่ปุ่นนามว่า โยจิ โอบาตะ มาคอยกำกับดูแลทุกขั้นตอนในการทำอาหารจนถึงเสิร์ฟให้กับลูกค้า และมีมุมซูชิบาร์ที่มีเชฟนักปั้นซูชิกำลังปั้นข้าวอย่างขะมักเขม้น

โยจิ โอบาตะ มาสเตอร์เชฟชาวญี่ปุ่น

โยจิ โอบาตะ เป็นมาสเตอร์เชฟชาวญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์การเป็นเชฟมากว่า 40 ปี เคยทำงานเป็นเชฟในโรงแรมที่จังหวัดคุมาโมโตะนานถึง 22 ปี ก่อนจะออกมาเปิดโรงแรมเล็กๆ ที่มีร้านอาหารด้วยเป็นของตัวเองในจังหวัดโออิตะ

สำหรับยาโยอิ เซฟเอ็กซ์พีเรียนซ์ แอนด์ ซูชิบาร์ ไอคอนสยาม มีการตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจมาจากโรงละครคาบูกิของญี่ปุ่น โดยผสมผสานแนวคิดด้านความสมดุลของธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ เลือกใช้โทนสีทอง ขาว และดำ เป็นหลัก

ยาโยอิ แกรนด์ ซูชิ เซ็ต

เชฟโยจิยังบอกอีกว่าที่นี่ใส่ใจกับการคัดเลือกวัตถุดิบที่มีคุณภาพนำมาทำอาหาร เลือกใช้ข้าวญี่ปุ่นสายพันธุ์ดี เนื้อวากิว หมูคุโรบุตะ และยังให้ความสำคัญกับหน้าตาการจัดจานที่ต้องดูสวยงาม ถูกใจคนทาน

อาหารชุดตามแบบฉบับญี่ปุ่นถูกนำมาเสิร์ฟต่อหน้า เมนูแรกเป็นยาโยอิ แกรนด์ ซูชิ เซ็ต เป็นชุดซูชิ 10 คำ ประกอบด้วยปลาแซลมอนส่วนท้อง (Salmon Toro), กุ้ง, หอยเชลล์ญี่ปุ่น (Hotate), หนวดปลาหมึกยักษ์, ปลาไหลย่าง, ปลาทูน่า (Maguro Akami), ปลาแซลมอน, ปลาฮามาจิ, ปลาซาบะดอง (Shime Sabe) และครีบปลาตาเดียว (Engawa) ุ ถือว่าสอบผ่านในราคาชุดละ 579 บาท เพราะวัตถุดิบค่อนข้างสด และเชฟก็ปัั้นข้าวได้พอดีคำ ไม่ใหญ่จนเกินไป

ยาโยอิ ฮานะคาโกะ โกเซ็น

ชุดต่อมาเป็น ยาโยอิ ฮานะคาโกะ โกเซ็น เสิร์ฟมาในตะกร้าสานตามแบบฉบับอาหารญี่ปุ่นดั้งเดิม ภายในตะกร้าประกอบด้วยเนื้อสัตว์หลายชนิด เช่น ปลาแซลมอน กุ้ง ไก่คัตสึ ปลาดิบ (แซลมอน, ฮามาจิ, ทูน่า) ไข่ตุ๋น เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่น ซุปมิโสะ และผักเครื่องเคียง เหมาะกับคนที่ต้องการความคุ้มค่าในราคาเพียงแค่ 389 บาท แต่ว่าได้ทานหลากหลาย ที่สำคัญ การตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจจากศิลปะการจัดสวนญี่ปุ่น คล้ายกับตะกร้าที่เต็มไปด้วยดอกไม้ญี่ปุ่น ก็ทำให้อดใจไม่ไหวต้องหยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาถ่ายรูปบ้าง

คิงอิโระ แกรนด์ ซาชิมิ

คิงอิโระ แกรนด์ ซาชิมิ เมนูสำหรับคนชอบปลาดิบ โดยคัดปลาดิบคุณภาพระดับสีทองหรือ kiniro ในภาษาญี่ปุ่น ประกอบด้วย ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ปลาฮามาจิ, หนวดปลาหมึกยักษ์, หอยเชลล์ญี่ปุ่น, ไข่ปลาแซลมอน ที่มาในราคาชุดละ 1,190 บาท ก็ต้องบอกว่าใครชอบทานปลาดิบแบบชุดใหญ่ สั่งชุดนี้มาไม่ผิดหวัง

มิกซ์เทปันยากิที่เลือกได้จะเป็นหมูหรือเนื้อ 

ขณะที่เมนูสไตล์เทปันยากิ อยากให้สั่งชุดแกรนด์ ซีฟู้ดกุ้งแม่น้ำ เทปันยากิ ที่เชฟโยจิได้แรงบันดาลใจจากทำเลของไอคอนสยามที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงออกมาเป็นกุ้งแม่น้ำ ปลากุ้งแม่น้ำ ปลาแซลมอน ปลาหมึก และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ เสิร์ฟพร้อมข้าวญี่ปุ่น ซุปมิโสะ และผักเคียง ราคาชุดละ 669 บาท  

(จากซ้ายไปขวา)  แมงโก้ นัตสึ พาเฟ่ต์ และ มัทฉะ เวลเวท พานนา คอตตา

ส่วนของหวานเป็นแมงโก้ นัตสึ พาเฟ่ต์ ของหวานสไตล์โตเกียวคาเฟ่ที่เลือกใช้ผลไม้ตามฤดูกาลของไทย กลายมาเป็นพาเฟ่ต์พุดดิ้งมะม่วง เสิร์ฟพร้อมมะม่วงสุก และไอศกรีมคุกกี้แอนด์ครีม ในราคา 119 บาท และอีกเมนูของหวานคือ มัทฉะ เวลเวท พานนา คอตตา ท็อปด้วยวิปครีม เสิร์ฟมาพร้อมกับแครกเกอร์ป่นและถั่วแดง ในราคา 109 บาท ทั้งสองเมนูเป็นของหวานที่เชฟทำออกมาได้ดี ตัวพาเฟ่ต์ก็ทำออกมาได้นิ่มและหนึบ รสชาติไม่หวานจนเกินไป ทานกับไอศกรีมมันก็ตัดกับรสชาติมะม่วงได้ดี และพานนา คอตตา มันฉะ รสชาติเข้มข้น แนะนำให้เอาถั่วแดงที่เสิร์ฟมาด้วยโรยเข้าไปในแก้ว ทานพร้อมกันจะดีมาก

สำหรับเราถือว่าเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่อาจไม่ได้แตกต่างจากร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปนัก แต่ถ้าพูดถึงว่าใครอยากทานอาหารญี่ปุ่นแบบง่ายๆ เป็นชุดในราคามิตรภาพ และยังได้ทานอาหารญี่ปุ่นที่ใช้วัตถุดิบค่อนข้างดี เราว่ายาโยอิ เซฟเอ็กซ์พีเรียนซ์ แอนด์ ซูชิบาร์ ถือเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ