คุณอยู่ในกลุ่มนี้ไหม? ข้อมูลจากธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เผยว่า ในประเทศไทยมีคนที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไปอยู่ประมาณ 7 แสนคน

ใน 7 แสนคนนี้ ศัพท์ทางการธนาคารถือว่าเป็นลูกค้ากลุ่มที่มีความมั่งคั่ง (wealth) ซึ่งปัจจุบัน มีสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การบริหาร (Asset Under Management – AUM) ประมาณ 15 ล้านล้านบาท โดยส่วนใหญ่เน้นการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ

ศลิษา หาญพานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสาย First และผู้บริหารสาย Segment Management ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า คาดว่าลูกค้ากลุ่มนี้มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องราว 6% โดยธนาคารจะมุ่งหน้าเดินกลยุทธ์ทางธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) กับลูกค้ากลุ่มนี้

“เรามองว่าธุรกิจกลุ่มลูกค้า Wealth ยังมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตอีกมาก เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ แม้ว่าลูกค้าสามารถปรับพอร์ตการลงทุนให้ดีขึ้นเหมาะสมกับความเสี่ยงที่รับได้ก็ตาม อาจด้วยข้อจำกัดด้านเวลาและการเข้าถึงแหล่งข้อมูลในการตัดสินใจลงทุน”

ศลิษาเปิดเผยว่า สามารถแบ่งระดับการลงทุนของลูกค้ากลุ่ม Wealth ได้ 3 กลุ่ม คือกลุ่มที่ลงทุนความเสี่ยงต่ำมีอยู่ 15-20% กลุ่มที่ต้องมีคนแนะนำอยู่ที่ 10-15% และกลุ่มที่ลงทุนเองอยู่ที่ 65-75%

โดยพฤติกรรมการลงทุน จะหนักไปที่ความเสี่ยงน้อย เช่น เงินฝากธนาคาร กองทุนตราสารหนี้ ซึ่งมีมากถึง 70% ส่วนอีก 30% จะเป็นกลุ่มที่ลงทุนที่มีความเสี่ยงมาก ซึ่งขัดแย้งกับต่างประเทศที่มักจะเอาเงินฝากธนาคารแค่ 30% และอีก 70% ลงทุนในด้านอื่นๆ

จากการสำรวจ ลูกค้ากลุ่ม wealth ที่มีทั้งประเทศ 7 แสนคนนี้ SCB เองก็มีลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ราว 300,000 คน มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท โดยนับจากนี้ธนาคารมีเป้าหมายช่วยลูกค้าขยายการลงทุน และบริหารจัดการสินทรัพย์ให้งอกเงยมากขึ้นผ่าน 3 กลยุทธ์ด้วยกันได้แก่

1) SCB Investment Center ศูนย์รวมองค์ความรู้ในเรื่องการเงินการลงทุนแบบครบวงจร ซึ่งสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับการลงทุนได้ด้วยตัวเอง หรือขอคำแนะนำและที่ปรึกษาด้านทางการลงทุน ปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 10 แห่ง และจะเปิดสาขาเพิ่มเติมอีก 2) CIO office & Wealth Personal Banker ซึ่งปัจจุบันมีทีมที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ 1,700 คน มาให้คำปรึกษาและแนะนำการลงทุนแบบมืออาชีพ และ 3) แอปพลิเคชั่น W-PLAN และ I-WEALTH ซึ่งธนาคารจะพัฒนาแอปพลิเคชันขึ้นมาช่วยแนะนำการจัดพอร์ตการลงทุนตามความเสี่ยงของลูกค้าแต่ละราย

ศลิษายังกล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าหมายที่จะขยายฐานลูกค้า เช่น หากเริ่มสะสมเงินเก็บไว้ได้ระดับหนึ่ง เช่นมีเงิน 1 ล้านบาท แล้วอยากต่อยอดให้มากขึ้นหรืออยากลงทุนเพิ่มขึ้น ในส่วนนี้ ธนาคารมีเป้าหมายจะให้คำปรึกษาด้านการลงทุน แล้วต่อยอดสินทรัพย์ให้เพิ่มมากขึ้นในอีก 3-5 ปีข้างหน้า