ทุกๆ สิบปี ในสหรัฐอเมริกาจะมีการสำรวจสำมะโนประชากร เพื่อให้รู้ว่า พื้นที่ไหนมีคนเท่าไร ซึ่งจะมีผลต่อการจัดสรรงบประมาณ รวมถึงกำหนดจำนวนที่นั่งในสภา

โดยปี 2020 จะถึงคิวการสำรวจข้อมูลครั้งใหม่ของสหรัฐอเมริกา โฆษกทำเนียบขาวประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า สำนักงานสำมะโนประชากร ภายใต้กระทรวงพาณิชย์ จะเพิ่มคำถามเกี่ยวกับความเป็นพลเมืองอเมริกันลงไปด้วย โดยให้เหตุผลว่า เพื่อให้คำนวณสัดส่วนจำนวนผู้แทนและผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งได้แม่นยำขึ้น

ประเด็นนี้ก่อให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวาง ขณะนี้มีอย่างน้อย 12 รัฐแล้วที่เตรียมฟ้องประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยให้เหตุผลว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้มีคนอเมริกันที่ถูกนับน้อยลง และถือเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ

ตั้งแต่ปี 1970 เป็นต้นมา ทุก 10 ปี สหรัฐอเมริกาจะมีการสำรวจสำมะโนประชากร เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการคำนวณสัดส่วนตัวแทนในสภาคองเกรส สมัยก่อนจัดทำโดยเจ้าหน้าที่ศาล ต่อมา ใช้วิธีส่งแบบสำรวจไปตามบ้าน

ครั้งสุดท้ายที่มีการส่งแบบสำรวจ แล้วมีคำถามเรื่องสถานะการเป็นพลเมืองสหรัฐอเมริกาคือปี 1950 เป็นคำถามว่า แต่ละคนเกิดที่ไหน และตามมาด้วยคำถามที่ว่า “ถ้าเกิดในต่างประเทศ เขาเปลี่ยนสัญชาติหรือไม่”

ต่อมาในปี 1960 กฺ็ไม่ปรากฏคำถามนี้อีก แค่ถามว่าเกิดที่ไหน และนับแต่ปี 1970 สำนักงานสำมะโนประชากรก็ส่งแบบสอบถาม 2 แบบ แบบสั้นเพื่อรวบรวมข้อมูลประชากรพื้นฐาน เช่น ชื่อ ความสัมพันธ์ในครอบครัว อายุ เพศ เชื้อชาติ สถานะการสมรส บ้านเช่าหรือเป็นเจ้าของเอง และแบบยาวที่ถามละเอียดขึ้น ตั้งแต่รายได้ของครัวเรือนไปจนถึงสุขภัณฑ์

ทุกบ้านจะได้รับแบบสอบถามแบบสั้น ส่วนแบบยาวจะเป็นการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง ประมาณ 1 ใน 6 มีคำถามเรื่องสถานะการเป็นพลเมืองในแบบสอบถามแบบยาว ตัวอย่างเช่น ในปี 2000 ผู้ได้รับแบบสอบถามแบบยาวต้องตอบคำถามว่า คุณเป็น “พลเมือง” ของสหรัฐอเมริกาหรือไม่

แต่การเก็บข้อมูลเมื่อปี 2010 ไม่มีแบบสอบถามแบบยาวแล้ว และไม่ได้ถามข้อมูลเกี่ยวกับสถานะการเป็นพลเมือง

ฝ่ายผู้คัดคัานกังวลว่า ข้อมูลที่ได้จะไม่ตรงกับความจริง อัยการรัฐแคลิฟอร์เนียฟ้องร้องทรัมป์ว่า คำถามนี้จะทำให้ประชากรจำนวนมากที่เป็นผู้อพยพซึ่งไม่มีเอกสารหวาดกลัวจนไม่ยอมตอบแบบสอบถาม การนับและคำนวณข้อมูลจึงไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งข้อมูลนี้จะส่งผลต่องบประมาณจากรัฐบาลกลาง และจำนวนสมาชิกในสภาคองเกรสด้วย

รัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาต้องถูกนับในการสำรวจสำมะโนประชากรทุกสิบปี ไม่ว่าจะเป็นพลเมืองหรือไม่ก็ตาม เพราะผลการจัดทำข้อมูลจะถูกใช้เพื่อจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลกลาง และให้เงินเพิ่มสำหรับพื้นที่ที่ต้องการมากที่สุด รวมถึงเป็นข้อมูลพื้นฐานในการวางแผนและตัดสินใจต่างๆ ของเอกชนและรัฐ ไม่ใช่แค่การกำหนดเขตแดนทางการเมืองตั้งแต่โรงเรียนไปจนถึงจำนวนที่นั่งในสภาเท่านั้น

ทั้งนี้ สำนักงานสำมะโนประชากรมีกำหนดส่งรายการคำถามให้สภาคองเกรสพิจารณาภายในสิ้นเดือนนี้

.

.

ที่มา:

Tags: ,