มีข่าวว่าสหรัฐฯ กำลังเปิดศึกแย่งชิงหน้ากากอนามัยจากชาติพันธมิตร จนถูกประณามว่าเป็น ‘โจรสลัดยุคใหม่’ น่าจับตาว่า พฤติกรรม ‘อเมริกาต้องมาก่อน’ ที่ว่านี้จะส่งผลบั่นทอนความร่วมมือระดับโลกในการต่อสู้กับโควิด-19 หรือไม่ อย่างไร
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเยอรมนี ฝรั่งเศส และแคนาดา ออกมาแสดงปฏิกิริยาต่อกรณีสหรัฐฯ ใช้มือที่ยาวกว่าสาวเอาหน้ากากอนามัยไปจากตลาดระหว่างประเทศ พร้อมกับห้ามผู้ผลิตภายในประเทศส่งออกครุภัณฑ์ป้องกันไวรัส
ยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ เพิ่มเป็นกว่า 310,000 รายแล้วเมื่อวันเสาร์ (4 เม.ย.) ยอดผู้เสียชีวิตคงถึงหลักหมื่นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ขณะที่ยุโรปมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 45,000 ราย นับแต่สัปดาห์นี้ โลกอาจได้เห็นอเมริกากับนานาชาติแย่งกันซื้อหน้ากากอนามัยอย่างชุลมุน
ถ้าหากเกิดการแย่งชิงกันแบบอัปลักษณ์หลังจากรัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์เพิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของอเมริกากับพันธมิตรตะวันตกขุ่นมัวด้วยสงครามการค้า น่าสงสัยว่ากลยุทธ์แบบอเมริกันจะกลายเป็นอุปสรรคของการประสานความร่วมมือที่จะยับยั้งโรคระบาดหรือเปล่า
‘บ้านป่าเมืองเถื่อน’
เมื่อวันศุกร์ (3 เม.ย.) รัฐมนตรีมหาดไทยของรัฐเบอร์ลินของเยอรมนี แอนเดรส ไกเซล กล่าวหาสหรัฐฯ ว่า ได้ยึดเอาหน้ากากอนามัยแบบ FFP2 จำนวน 200,000 ชิ้นไปจากเครื่องบินบนลานจอดที่สนามบินในกรุงเทพฯ ขณะแวะเปลี่ยนเครื่อง
เบอร์ลินสั่งซื้อหน้ากากล็อตนี้จากบริษัท 3M ของอเมริกัน ซึ่งผลิตในประเทศจีน เพื่อส่งไปให้ตำรวจของเบอร์ลิน แต่ท้ายที่สุด เที่ยวบินนั้นบ่ายหน้าไปยังสหรัฐฯ
ไกเซลวิจารณ์เหตุการณ์ครั้งนี้อย่างดุเดือด “เราเห็นว่านี่คือการกระทำเยี่ยงโจรสลัดสมัยใหม่ (modern piracy) นี่ไม่ใช่วิธีที่คุณคบหากับหุ้นส่วนข้ามฟากสมุทรแอตแลนติก ไม่ควรใช้วิธีการแบบบ้านป่าเมืองเถื่อน (wild west methods) ผมร้องขอให้รัฐบาลกลางเยอรมันเรียกร้องไปยังสหรัฐฯ ให้เคารพกฎเกณฑ์ระหว่างประเทศ”
นอกจากช่วงชิงหน้ากากถึงสนามบินในไทย ฝ่ายสหรัฐฯ ยังแย่งซื้อตัดหน้าอีกด้วย ณอง โรแนร์ ผู้ว่าการแคว้นกร็องเดต์ของฝรั่งเศส บอกว่า บนลานจอดเครื่องบินในจีน คู่แข่งชาวอเมริกันจ่ายเงินสด ให้ราคามากกว่าคำสั่งซื้อของเรา 3-4 เท่า
วาเลอรี เปแครส ผู้ว่าการแคว้นปารีส บอกว่า พวกอเมริกันฉกเอาหน้ากากไปได้เพราะจ่ายงามกว่า “เราจ่ายเมื่อหน้ากากส่งมาถึงเพราะเราต้องการตรวจของก่อน พวกอเมริกันจ่ายเงินสด ไม่ขอดูสินค้า”
นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส เอดูอาร์ ฟิลีปเป บอกว่า รัฐบาลปารีสได้รับแจ้งยกเลิกคำสั่งซื้อ ด้วยเหตุผลว่าสินค้าขาดตลาด ขณะที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในทำเนียบประธานาธิบดีของเอมมานูเอล มาครง บอกว่า คนทั้งโลกกำลังพยายามที่จะซื้อหน้ากากจากจีน จึงเป็นไปได้ที่จะเกิด “เหตุการณ์ต่างๆนานา” เกี่ยวกับการส่งมอบสินค้าตามคำสั่งซื้อ
เจ้าหน้าที่ของฝรั่งเศสไม่ได้ระบุว่า พวกอเมริกันที่อ้างถึงนั้นเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลาง หรือผู้แทนบริษัท หรือปัจเจกบุคคล สถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงปารีสชี้แจงว่า รัฐบาลกลางสหรัฐฯ ไม่ได้ซื้อหน้ากากที่มีกำหนดจะส่งจากจีนไปยังฝรั่งเศส ข่าวนี้ไม่มีมูลความจริงโดยสิ้นเชิง
สั่งบริษัทอเมริกันห้ามส่งออก
เมื่อวันพฤหัสฯ (2 เม.ย.) ทรัมป์ใช้อำนาจตามรัฐบัญญัติการผลิตเพื่อการป้องกันประเทศ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ครั้งสงครามเกาหลีเมื่อช่วงทศวรรษ 1950 สั่งให้บริษัทอเมริกันขายอุปกรณ์ทางการแพทย์ให้แก่รัฐบาลกลางเป็นลำดับแรก
รุ่งขึ้นอีกวัน เขาสั่งให้องค์การจัดการเหตุฉุกเฉินของรัฐบาลกลางระงับการส่งออกหน้ากากชนิด N95 สำหรับบุคลากรสาธารณสุข ถุงมือ และเครื่องป้องกันต่างๆ
“เราต้องการของพวกนี้เดี๋ยวนี้เพื่อนำมาใช้ภายในประเทศ เราต้องหามาให้ได้” ทรัมป์บอกในการแถลงข่าวประจำวันในเรื่องโคโรนาไวรัสเมื่อวันศุกร์ พร้อมกับบอกว่า ทางการสหรัฐฯ ได้ยึดหน้ากาก N95 เอาไว้แล้วจำนวนเกือบ 200,000 ชิ้น หน้ากากศัลยกรรม 130,000 ชิ้น และถุงมือ 600,000 คู่ อย่างไรก็ดี เขาไม่ได้ระบุว่าสหรัฐฯ เอาของพวกนี้มาจากไหน
ทันทีที่สหรัฐฯ ประกาศห้ามส่งออกหน้ากากอนามัยสำหรับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข นายกรัฐมนตรีแคนาดา จัสติน ทรูโด ออกมาโต้ว่า การปิดกั้นการขนถ่ายเวชภัณฑ์ข้ามพรมแดนถือเป็นความผิดพลาด การทำแบบนี้อาจส่งผลร้ายสะท้อนกลับก็เป็นได้ อย่าลืมว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขชาวแคนาดายังคงเข้าไปทำงานที่เมืองดีทรอยต์ของสหรัฐฯ ทุกวัน
สินค้ายิ่งขาดแคลน คนยิ่งแย่งชิง
ไม่เพียงเกิดการช่วงชิงหน้ากากอนามัยข้ามเขตแดน แม้กระทั่งภายในสหรัฐฯ เองก็เกิดการแข่งกันประมูลซื้อ
ผู้ว่าการมลรัฐนิวยอร์ก แอนดรูว์ คิวโอโม บอกว่า มลรัฐทั้ง 50 แห่งของอเมริกากำลังแย่งหน้ากากสำหรับเจ้าหน้าที่แพทย์ราวกับอยู่บนเว็บอีเบย์ “ราคาได้พุ่งขึ้นอย่างอุตลุต แคลิฟอร์เนียเสนอราคา อิลลินอยส์เกทับ ฟลอริดาเกทับ นิวยอร์กเกทับ แคลิฟอร์เนียกลับมาสู้ราคาอีก นี่คือสิ่งที่เรากำลังทำ”
3M หนึ่งในผู้ผลิตหน้ากากอนามัยรายใหญ่ บอกว่า ทางบริษัทจะส่งหน้ากากที่ผลิตในต่างแดนเข้ามาในสหรัฐฯ ให้มากขึ้น อย่างไรก็ดี 3M เตือนว่า คำสั่งห้ามส่งออกเวชภัณฑ์ที่ผลิตในสหรัฐฯ อาจทำให้ประเทศอื่นๆตอบโต้ด้วยการงดส่งออกสิ่งเหล่านี้มายังสหรัฐฯ ซึ่งบางประเทศได้เริ่มทำแล้ว ผลสุดท้าย สหรัฐฯ จะมีหน้ากากสำหรับแพทย์และพยาบาลน้อยลง
ถ้าคำเตือนของ 3M ถูกต้อง การควบคุมเชื้อไวรัสในสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเป็นศูนย์กลางการระบาดอีกแห่งนอกเหนือจากยุโรป ก็อาจด้อยประสิทธิภาพลง ในขณะที่การทำสงครามกับโควิด-19 เรียกร้องความร่วมมือระดับนานาชาติ
3M กับฮันนีเวลล์ อีกหนึ่งผู้ผลิตรายใหญ่ ได้เพิ่มกำลังการผลิตหน้ากากเป็นเดือนละ 70 ล้านชิ้นแล้ว แต่นั่นยังไม่เพียงพอกับความต้องการ กระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯ ต้องการซื้อหน้ากาก 500 ล้านชิ้นเพื่อสำรองในคลังยุทธศาสตร์ของประเทศ
ทุกวันนี้ อุปกรณ์ป้องกันที่ใช้กันอยู่ในสหรัฐฯ ราว 48% นำเข้าจากจีน ขณะที่ยุโรปนำเข้าจากแหล่งเดียวกันนี้ราว 50% เหตุที่ตะวันตกต้องพึ่งพาจีนก็เพราะการผลิตหน้ากากอนามัยเป็นกิจการที่ใช้เทคโนโลยีต่ำ ใช้แรงงานคนอย่างเข้มข้น ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่อเมริกากับยุโรปมองเมินในระยะเวลาที่ผ่านมา
โฆษกองค์การอนามัยโลก บอกว่า ภาวะขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกันทั่วโลกอย่างเรื้อรัง นับเป็นภัยคุกคามเร่งด่วนที่สุดอย่างหนึ่งต่อขีดความสามารถของนานาชาติที่จะรักษาชีวิตของผู้คน.
อ้างอิง :
South China Morning Post, 4 April 2020
ภาพ: REUTERS/Nicholas Pfosi
Tags: สหรัฐอเมริกา, ยุโรป, โควิด-19