แม้ว่าข่าว เมย – ภคพงษ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารที่อวัยวะหายไป ได้เริ่มซาๆ ลงไปบ้างแล้ว แต่กระแสบางส่วนในทวิตเตอร์ก็ยังยืนหยัดไม่ยอมให้เรื่องเงียบหาย โดยผุดแฮชแท็ก #เมยนตท มารอติดตามเรื่องราว ขณะที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์กำลังชันสูตรอวัยวะภายในที่พนักงานสอบสวนและญาติน้องเมยได้นำมาส่งมอบให้เพื่อตรวจหาสาเหตุการตายเมื่อวันที่ 23 พ.ย. และดูเหมือนต้องใช้เวลาสักพัก ท่ามกลางความไม่ไว้ใจจากผู้ที่ติดตามข่าว
ล่าสุด ผอ. สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ออกมาให้ข้อมูลในวันที่ 8 ธ.ค. ว่า สถาบันฯ ส่งมอบรายงานผลตรวจอวัยวะและสารพันธุกรรมให้กับพนักงานสอบสวนเพื่อนำไปใช้ในกระบวนการสอบสวนแล้ว และได้มอบรายงานให้กับญาติน้องเมยด้วย และญาติได้แสดงเจตจำนงว่าไม่ต้องการให้เปิดเผยผลชันสูตร
ประเด็นนี้อาจจะโดนกลบไปบ้างในสัปดาห์นี้ เพราะดูเหมือนมีเรื่องราวมากมายหลายประเด็น ทั้งเรื่องนาฬิกาหรูที่ ‘บิ๊กป้อม’ ชูขึ้นมา พาให้คนไทยหน้าสั่น เรื่องหญิงแย้ปะทะแฟนคลับเกาหลี หรือประเด็นกระทรวงสาธารณสุขบริจาคเงินให้พี่ตูน ที่คนอ่านข่าวคงต้องนั่งเกาหัวคุยกับตัวเองอยู่สักพัก
1. แดดแรงเป็นเหตุ นาฬิกาสิบล้าน ‘บิ๊กป้อม’ แพลม
การยกมือขึ้นบังแดดของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ระหว่างรอถ่ายรูปกับ ครม. ‘ประยุทธ์ 5’ เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. กลายเป็นจุดเริ่มต้นของคำถามที่ถาโถมเข้าใส่ ‘พี่ใหญ่’ ของ คสช. หลังจากเพจ CSI LA นำภาพของ พล.อ.ประวิตรมาประกบคู่กับนาฬิกาหรู พร้อมทั้งแปะลิงก์สำหรับเช็กราคาของนาฬิกา อีกทั้งยังตั้งคำถามด้วยว่า ‘คุณต้องมีรายได้ต่อปีเท่าไหร่ ถึงกล้าซื้อนาฬิกาเรือนละ 10 ล้านบาท’
ต่อมา โลกโซเชียลก็เผยแพร่รายการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ของ พล.อ.ประวิตร เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2557 ซึ่งในช่อง ‘ทรัพย์สินอื่น (ราคาสองแสนบาทขึ้นไป)’ ไม่มีรายการนี้
แน่นอนว่าบรรดาผู้สื่อข่าวต้องนำเรื่องนี้ไปถาม พล.อ.ประวิตร แต่บิ๊กป้อมก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบคำถาม บอกเพียงว่าจะชี้แจงต่อ ป.ป.ช. ด้วยตัวเอง ที่แน่นอนอีกเรื่องคือ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ก็ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. ให้ไต่สวน พล.อ.ประวิตรในเรื่องนี้
เมื่อเผือกร้อนตกอยู่ในมือ ป.ป.ช. จึงถูกจับตามองว่า จะมี ‘แอ็กชั่น’ อย่างไรกับเรื่องนี้ เพราะประธาน ป.ป.ช. คนปัจจุบัน คืออดีตเลขาฯ ของ พล.อ.ประวิตร ที่ชื่อ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ
ล่าสุด (8 ธ.ค.) พล.ต.อ.วัชรพลเปิดเผยว่าได้รับรายงานจากสำนักตรวจสอบทรัพย์สินภาคการเมืองที่เสนอข้อมูลเกี่ยวกับกรณี พล.อ.ประวิตรแล้ว โดย ป.ป.ช. จะส่งหนังสือให้ พล.อ.ประวิตรชี้แจงต่อไป ก่อนจะปิดท้ายว่า “กฎหมายปัจจุบันกำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแสดงรายการบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินเฉพาะตอนเข้ามาดำรงตำแหน่งและตอนออกจากตำแหน่งเท่านั้น”
จากคำพูดของ พล.ต.อ.วัชรพล สื่อสำนักหนึ่งจึง ‘ตัดจบ’ เรื่องนี้ด้วยพาดหัวข่าวคำพูดที่ พล.ต.อ.วัชรพลไม่ได้พูดว่า “จบแล้วครับนาย!! ‘ประธานกุ้ย’ แย้มเอาผิด ‘นาฬิกาเสี่ยป้อม’ ยาก เหตุกฎหมายไม่บังคับให้ยื่นทรัพย์สินระหว่างอยู่ในตำแหน่ง”
2. ก.สาธารณสุขบริจาคเงินพี่ตูน
งงกันเป็นไก่ตาแตกกับกิจกรรมการบริจาคเงินให้โครงการ ‘ก้าวคนละก้าว’ ของพี่ตูน เป็นจำนวนถึงหนึ่งล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 60 ที่ปรากฏเป็นภาพข่าวคนยิ้มแฉ่งพร้อมถือป้าย ‘กระทรวงสาธารณสุข มอบเงินสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าว เพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ’ ยื่นให้ถึงมือพี่ตูน
ที่งง เพราะใครๆ ก็รู้ดีว่าสาเหตุที่พี่ตูนต้องวิ่งจนเหงื่อไหลไคลย้อย ก็เพราะจะนำเงินมาให้โรงพยาบาล 11 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งนั่นควรจะเป็นหน้าที่ของกระทรวงฯ เองไม่ใช่หรือ ถึงขนาดที่เพจ ไข่แมว เพจการ์ตูนล้อการเมืองชื่อดังถึงกับวาดการ์ตูนแซวเป็นรูปพี่ตูนรับเงินกระทรวงสธ. แล้วต้องวิ่งวนๆ ไป กลายเป็นมุกฮาน้ำตาเล็ดของคนไทย ที่ทั้งฉุนและทั้งส่ายหัวปลงๆ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่กระทรวงฯ ออกมาแก้ต่างว่า แม้ป้ายจะโชว์หราว่ามอบในนาม ‘กระทรวงสาธารณสุข’ แต่จริงๆ เป็นเงินส่วนตัวที่เจ้าหน้าที่บริจาคกันมาเอง วอนหยุดวิจารณ์เพราะเป็นการทำให้คนอยากทำบุญต้องเสียน้ำใจ
เอ้า พี่ตูนก็วิ่งกันต่อไป ว่าแต่เขาจะวิ่งไปงงไปไหมนะ
3. หญิงแย้รับ ผิดไปแล้วที่วิจารณ์หน้าตาโอปป้า
ในยุคนี้ เราคงคุ้นชินกับรายการทางยูทูบที่จัดรายการด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง สนุกสนานเกินเบอร์ หลายรายการโด่งดังเพราะอารมณ์ขันส่วนตัวของผู้จัด แบบแสบๆ คันๆ ไม่มีเบรกหรือแทบไม่เซ็นเซอร์
แต่ดูเหมือนหญิงแย้ – นนทพร ธีระวัฒนสุข หนึ่งในผู้จัดรายการทางยูทูบจะงานเข้า เพราะดันไปเล่นตลกกับรูปลักษณ์ของโอปป้าเกาหลี
หญิงแย้อัดคลิปวิดีโอรายการ ‘โตแล้วแรดได้’ EP. 3 ตอน นินทาโอปป้าเกาหลี วิพากษ์วิจารณ์หน้าตาศิลปินอย่าง แจ็กสัน GOT7 กงยู แทยัง วง BIGBANG และแม้กระทั่งนัมจูฮยอก! โอ้โห แต่ละคนที่เลือกถือเป็นการ ‘เรียกแขก’ ได้อย่างดี ไม่มีผิดหวัง เพราะฐานแฟนคลับไม่ใช่น้อยๆ
แน่นอนว่า เธอโดนกระหน่ำโจมตีทันที เริ่มตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. เป็นต้นมา จนแท็ก #โตแล้วแรดได้ ติดเทรนด์ในทวิตเตอร์ ที่พูดถึงกันมากที่สุดก็คงจะเป็นช่วงที่หญิงแย้แซวกงยูว่า หน้าเหมือนคนที่ทำศัลยกรรมไม่เสร็จ ทำๆ อยูู่แล้วหมอมีธุระต้องไปกินเหล้ากับเพื่อน เป็นการวิจารณ์ที่แม้แต่คนวงนอกที่ไม่รู้จักกงยูยังต้องซู้ดปาก ทั้งๆ ที่กงยูน่ะ เป็นโอปป้าที่ผู้หญิงเอเชียมากมายต่างคลั่งไคล้ เป็น #ลมหายใจแห่งภาคพื้นเอเชีย
หลังจากโดนแฟนคลับถล่มและมีเสียงตำหนิจากคนในวงการคนอื่นๆ ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เหมาะสม ไม่ควรวิจารณ์หน้าตาคนอื่น หญิงแย้ก็ออกมาขอโทษผ่านอินสตาแกรมส่วนตัว ว่าเป็นการจัดทำคลิปขึ้นมาตามคอนเซปต์ที่ครีเอทีฟวางไว้ ไม่นึกว่าจะมีผลกระทบจิตใจคนมากมายขนาดนั้น และตอนนี้ได้ลบคลิปตอนดังกล่าว แล้วประกาศยุบรายการไปเลย
“เป็นเรื่องปกติที่เราหาคอนเทนต์สนุกสนาน เพื่อความบันเมิง อยากให้คนหัวเราะ แต่หลังๆ เริ่มมีกระแสไม่ดี แย้ก็เลยลบทิ้งและออกมาขอโทษ เหมือนทำอะไรพลาดไปแล้ว ทุกอย่างผิดพลาดไปหมดแล้ว บอกตรงๆ ว่าพังมากกับทุกอย่าง” หญิงแย้กล่าว แต่ดูเหมือนจะเลยเถิดไปไกลแล้ว เมื่อมีแฟนคลับจิตอาสา พากันแปลคลิปนี้เป็นภาษาจีนและเกาหลีไปแล้ว
4. เจ๊ไฝขึ้นราคาไข่เจียวปูจริงหรือ หลังคว้ามิชลินสตาร์
กลับมาเป็นจุดสนใจอีกครั้งหลังได้หนึ่งดาวมิชลิน สำหรับร้านเจ๊ไฝ ประตูผี สตรีตฟู้ดที่ขึ้นชื่อว่าราคาแรงกว่าร้านอาหารทั่วไปแบบหลายเท่าตัว เพราะร้านเจ๊ไฝใช้วัตถุดิบอย่างดี ทำให้ราคาสูงกว่าร้านอืื่น โดยมีเมนูในตำนานอย่าง ไข่เจียวปู ที่สนนราคาจานละ 800 บาท
โดยหลังจากมีงานเปิดตัวมิชลิน ไกด์ กรุงเทพฯ ประจำปี 2561 ฉบับปฐมฤกษ์ มีทั้งหมด 98 ร้านที่ปรากฎอยู่ในหนังสือเล่มนี้ โดยมีสามร้านที่ได้มิชลินสองดาว และอีก 14 ร้านที่ได้มิชลินหนึ่งดาว ซึ่งหนึ่งในนั้นคือร้านเจ๊ไฝที่ถือเป็นร้านสตรีตฟู้ดส์เพียงร้านเดียวที่ได้มิชลินสตาร์หนึ่งดาว
อย่างไรก็ตาม หลังจากมีคนไปพิสูจน์ความอร่อยกันจำนวนมาก ก็มีกระแสดราม่าบนโลกโซเชียล หลังมีคนสั่งไข่เจียวปูทาน ปรากฏว่าราคาที่เรียกเก็บ หาใช่ 800 บาท แต่เป็น 1,000 บาท จนกลายเป็นประเด็นที่พูดกันว่าเจ๊ไฝขึ้นราคาหลังจากได้หนึ่งดาวมิชลิน
แต่ก็มีคนออกมาแย้งว่าที่จริงแล้ว เจ๊ไฝแกขึ้นราคามาสักพักแล้ว ส่วนถ้าไปดูในเมนูอาหารของทางร้านจะเห็นว่ามีราคา 800-1,000 บาท ขึ้นอยู่กับว่าคนกินอยากได้ปริมาณมากน้อยแค่ไหน
เจ๊ไฝ หรือชื่อจริงคือ สุภิญญา จันสุตะ อายุ 72 ปี เคยเป็นช่างตัดเสื้อ ก่อนที่จะตัดสินในมาเปิดร้านอาหารที่ขายมาแล้วกว่า 40 ปี
5. ทรัมป์รับรอง ‘เยรูซาเล็ม’ เป็นเมืองหลวงอิสราเอล
ก้อนหิน แก๊สน้ำตา การเผายาง และกระสุนยาง คืออาวุธที่ใช้ในการปะทะกันระหว่างชาวปาเลสไตน์และอิสราเอล เป็นความขัดแย้งรอบใหม่ที่ถูกจุดชนวนให้ปะทุอีกครั้ง เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ก็ประกาศยอมรับเมืองเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล
มาตรการที่จะเกิดขึ้นคือ สหรัฐฯ จะย้ายสถานทูต จากที่เคยอยู่ที่ ‘เทล อาวีฟ’ เมืองหลวงของอิสราเอลที่นานาชาติรับรอง มาอยู่ที่เยรูซาเล็มแทน
งานนี้ถือเป็นการหักดิบเปลี่ยนมาตรการด้านการต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาเคยพยายามวางตัวเพื่อรักษาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์มานานกว่าทศวรรษ
ทั้งนี้ เยรูซาเล็มเป็นเมืองเก่าแก่ที่เป็นจุดขัดแย้งยาวนานระหว่างชาวปาเลสไตน์และอิสราเอล ทั้งสองประเทศต่างบอกมาโดยตลอดว่า เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของตัวเอง เพราะเป็นจุดที่มีศาสนสถานสำคัญของทั้งศาสนาอิสลามและยูดาห์
เมื่อปี 2510 อิสราเอลเคยใช้กำลังเข้ายึดครองและเหมาเยรูซาเล็มเป็นดินแดนของตัวเอง แล้วเรียกมันว่าเป็นเมืองหลวง ส่วนปาเลสไตน์ก็ถือว่าพื้นที่ฝั่งตะวันออกของเยรูซาเล็มควรจะอยู่ในการครอบครองของปาเลสไตน์
นับจากนั้นมาจนปัจจุบัน นานาชาติยังไม่ยอมให้การรับรองใดๆ จนกระทั่งความเคลื่อนไหวเรื่องการย้ายสถานทูตของทรัมป์เมื่อ 6 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่ทำให้ไม่เพียงในเขตเวสต์แบงก์ ปาเลสไตน์ เท่านั้นที่เป็นเดือดเป็นร้อน แต่ชุมชนมุสลิมในหลายประเทศต่างก็ไม่พอใจ ไม่ว่าจะเป็นในตุรกี ซาอุดิอาระเบีย อียิปต์ จอร์แดน ฯลฯ
6. สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังวิกฤต
สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังคงอยู่ในขั้นวิกฤต โดยเมื่อวันที่ 8 ธ.ค. มีรายงานว่า ที่พังงาและภูเก็ตมีฝนตกหนัก ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน อาคารบ้านเรือนถูกน้ำท่วม ชาวบ้านต้องอพยพไปอยู่ที่สูง
ขณะที่ชุมพรมีน้ำท่วมใน 8 อำเภอ หลังจากฝนตกหนักติดต่อกันในช่วงวันที่ 5-7 ธ.ค. และจังหวัดประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติแล้ว
ด้านท่าอากาศยานนครศรีธรรมราชประกาศปิดสนามบิน 2 วันระหว่างวันที่ 7-8 ธ.ค. เนื่องจากมีน้ำท่วมรันเวย์บางจุด นอกจากนี้ที่พัทลุงก็มีน้ำท่วมหนักเช่นกัน ทำให้หมู่บ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ต้องใช้เรือในการเดินทางเข้า-ออกหมู่บ้าน
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่าสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้จากอิทธิพลมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. ถึง 4 ธ.ค. ทำให้เกิดน้ำไหลหลากในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี ยะลา สงขลา พัทลุง ตรัง สตูล นราธิวาส นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และกระบี่ รวม 109 อำเภอ 722 ตำบล 5,123 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 354,202 ครัวเรือน 1,142,341 คน เสียชีวิต 15 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 2 จังหวัด คือกระบี่และสตูล ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 8 จังหวัด รวม 87 อำเภอ 626 ตำบล 4,619 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 306,288 ครัวเรือน 967,095 คน
7. อดีตตำรวจหรือครู ใครคือเจ้าของลอตเตอรี 30 ล้านตัวจริง เดิมพันถึงติดคุก
ศึกชิงลอตเตอรี 30 ล้านบาท งวดประวำวันที่ 1 พ.ย. 60 ที่ผ่านมา หลัง ร.ต.ท.จรูญ วิมล อดีตข้าราชการตำรวจ นำลอตเตอรีที่ถูกรางวัลไปขึ้นเงิน 30 ล้านบาท ปรากฎว่าไม่สามารถนำเงินดังกล่าวมาใช้ได้ ถูกอายัดเงินไว้ในบัญชี หลังมีคนมาแจ้งกับตำรวจว่า ร.ต.ท.จรูญเป็นคนขโมยลอตเตอรีไป และถูกเชิญไปโรงพักเพื่อสอบสวนเรื่องดังกล่าว
ผู้กล่าวหาคือ นายปรีชา ใคร่ครวญ ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเเห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี ที่ได้เข้าแจ้งความกับตำรวจว่า ลอตเตอรีของตนที่ถูกรางวัลที่ 1 เป็นเงิน 30 ล้านบาทได้สูญหายไป และมีพยานเป็นแม่ค้าขายลอตเตอรี หลังตรวจสอบก็ปรากฏเป็นอดีตนายตำรวจที่นำลอตเตอรีชุดดังกล่าวไปขึ้นเงินที่กองสลากฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายปรีชาอ้างว่าลอตเตอรีหมายเลข 533726 งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 60 เป็นชุดที่ซื้อมาจากแม่ค้าขายลอตเตอรีประจำตลาดเรดซิตี้ ชื่อ รัตนาพร สุภาทิพย์ หรือป้าบ้าบิ่น อายุ 58 ปี ด้วยความสนิทสนมกันจึงบอกกล่าวให้นางรัตนาพรเก็บลอตเตอรีเลขท้าย 26 เอาไว้ให้ด้วย
ด้านรัตนาพร แม่ค้าขายลอตเตอรี ก็ยืนยันว่าตนเองเป็นคนขายลอตเตอรีให้ครูปรีชา โดยครูปรีชามาซื้อหวย 4 ชุด ซึ่งหวยชุดรางวัลที่ 1 นี้ ตนไปซื้อต่อจากเพื่อนแผงข้างๆ อีกที่หนึ่ง และถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน พร้อมยืนยันว่าจำเลขของลอตเตอรีได้ทั้งหมด 6 หลัก
ส่วน ร.ต.ท.จรูญ ก็ยืนยันผ่านสื่อหลายที่ว่าเป็นเจ้าของลอตเตอรีชุดนี้จริง โดยเล่าว่าเมื่อเย็นวันที่ 31 ต.ค. 60 ได้ไปซื้อกับข้าวที่ตลาด และไปซื้อล็อตเตอรีที่แผง จำได้ว่าที่แผงมีเลข 26 อยู่สองชุด แต่ซื้อมาชุดเดียวจำนวน 5 ใบ ในราคา 700 บาท โดยไม่ได้สนใจว่าเลขข้างหน้าเป็นเลขอะไร
ขณะที่ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่า ในหนึ่งวัน แม่ค้าขายลอตเตอรีมีลูกค้าเป็นร้อยๆ คน จะสามารถจำหน้าหมดได้อย่างไร และการให้ข้อมูลของปรีชาก็พบพิรุธหลายอย่าง
งานนี้ต้องรอดูกันต่อไปว่า ใครกันแน่จะเป็นฝ่ายโกหก ใครคือเจ้าของลอตเตอรี 30 ล้านตัวจริง เพราะใครโกหกมีโอกาสถึงติดคุกแน่นอน
8. โอลิมปิกสากลห้ามรัสเซียเข้าแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว
เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. หลังจากพิจารณาหลักฐานกรณีที่รัฐบาลรัสเซียถูกสงสัยว่าส่งเสริมให้นักกีฬารัสเซียใช้สารกระตุ้น คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (ไอโอซี) ก็ประกาศผลการพิจารณาว่า ห้ามทีมรัสเซียเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2018 ที่เมืองเปียงชางของเกาหลีใต้ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 9-25 ก.พ. 2561
นอกจากนี้ ไอโอซียังสั่งห้าม วิตาลี มัตโก รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เข้าร่วมกิจกรรมของโอลิมปิกตลอดชีวิต ด้วยข้อกล่าวหาว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้สารกระตุ้น โดยระหว่างกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว 2014 ที่เมืองโซชิของรัสเซีย มัตโกดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกีฬาของรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ไอโอซีระบุว่านักกีฬาจากรัสเซียเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองเปียงชางได้ หากพิสูจน์ได้ว่าไม่เคยใช้สารกระตุ้น และจะต้องแข่งขันในนามของโอลิมปิกในชื่อ ‘นักกีฬาสังกัดโอลิมปิกจากประเทศรัสเซีย’ โดยจะใช้ธงโอลิมปิกแทนธงชาติรัสเซีย
ดมีตรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีของรัสเซีย กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐว่า ข้อกล่าวหาของไอโอซีเป็นเรื่องโกหก ขณะที่ประธานาธิบดี วลาดีมีร์ ปูติน กล่าวว่า คำสั่งห้ามนักกีฬารัสเซียเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวเป็นการพยายามสร้างความวุ่นวายในช่วงก่อนที่จะเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียในปีหน้า
9. เถียงไม่จบ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แบบไหนเชื่อถือได้
ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมกำลังเดือด เริ่มจากประเด็นแรก คือสภานิติบัญญัติแห่งชาติกำลังแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม (พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฯ) และมีแนวโน้มหลายเรื่องที่น่ากังวล
ทำให้เมื่อกลางสัปดาห์ วันที่ 6-7 ธ.ค. ที่ผ่านมา เครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน มาปักหลักรวมตัวกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อขอให้ สนช.ยุติการแก้ไขกฎหมาย
ต้องย้อนไปก่อนว่า ปัจจุบัน การดำเนินโครงการใดๆ ที่จะมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ คุณภาพสิ่งแวดล้อม สุขภาพ อนามัย คุณภาพชีวิต ฯลฯ รัฐธรรมนูญระบุว่าต้องเปิดรับฟังความเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย ส่วน พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฯ ก็ระบุว่าต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)
แต่ที่ผ่านมา หลักเกณฑ์ทั้งสองอย่างนี้ปฏิบัติกันอย่างพิกลพิการ ต่างฝ่ายต่างงัดข้อมูลของตัวเองออกมา ในทางปฏิบัติเกิดปัญหาหลายกรณีเกี่ยวกับการทำรายงาน EHIA
ล่าสุด เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ไปยื่นหนังสือให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมสอบสวนมาตรฐานจริยธรรมจของผู้บริหารบริษัท คอนซัลแทนท์ ออฟ เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งจัดทำรายงาน EHIA ในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา ที่จังหวัดสงขลา เพราะมีข้อมูลที่อาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ในขณะเดียวกัน ชมรมนักวิชาการเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนก็เข้ายื่นหนังสือถึงหัวหน้า คสช. ว่าให้เดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา พร้อมระบุด้วยว่าไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันผลกระทบ
ด้วยข้อเท็จจริงแบบราโชมอน ทำให้การจัดทำรายงานผลกระทบมีข้อถกเถียงไม่จบสิ้น ทางเครือข่ายประชาชนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนมีข้อเสนอว่า ในการประเมินผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ตัวผู้ประเมินไม่ควรเป็นลูกจ้างของโครงการ แต่ควรมีสถานะเป็นคนกลางที่ไม่มีผลประโยชน์เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ในรายงานการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ก็ควรต้องเขียนเงื่อนไขเอาไว้ท้ายใบอนุญาต/ใบอนุมัติการดำเนินโครงการต่างๆ ถึงมาตรการเยียวยาความเดือดร้อนเสียหาย ที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย
ในส่วนของการรับฟังความคิดเห็น ก็ควรเป็นการรับฟังความเห็นที่เกิดขึ้น ‘ก่อน’ จะดำเนินการ
ในวันที่สองของการชุมนุม หลังจากทางตัวแทนกลุ่มได้นำเสนอข้อเรียกร้องต่อตัวแทนรัฐบาลแล้ว ก็ประกาศยุติการชุมนุม หลังจากนี้จะกลับไปล่ารายชื่อประชาชนให้ได้ 10,000 ชื่อ เพื่อยกร่างกฎหมาย พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฯ ให้สภาพิจารณาด้วย
10. หวั่นใจเสียงปืนปริศนา เหมืองแร่เมืองเลย
เกือบสี่ทุ่มของคืนวันพฤหัสที่ผ่านมา (7 ธ.ค.) ชาวบ้านที่อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ต่างพากันขวัญผวา เมื่อมีรถปิกอัพหนึ่งคัน และรถบรรทุกพ่วงอีกสองคันขับรถเข้าไปบริเวณบ้านนาหนองบง (คุ้มใหญ่) มุ่งหน้าไปทางที่ตั้งของเหมืองทอง จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้น 20 กว่านัด
คนแปลกหน้าที่มากับรถคันใหญ่ทำให้คนในพื้นที่ละแวกนี้ตกใจ เพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่พิพาทที่มีการขุดเหมืองทอง ซึ่งชาวบ้านส่วนหนึ่งคัดค้านเพราะกังวลเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ จึงพยายามจัดเวรยามไม่ให้คนนอกเข้าไปลักลอบขนแร่
แต่การเดินทางเข้าออกของคนแปลกหน้าในรอบนี้ ไปปลุกความรู้สึกกังวลใจว่าจะเกิดความรุนแรงในพื้นที่แบบที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน เมื่อ 15 พ.ค. 57 ซึ่งเคยมีชายฉกรรจ์ราว 200 คน บุกเข้าไปในพื้นที่ เกิดเหตุปะทะกันรุนแรงกับชาวบ้านที่เฝ้าเวรยามไม่ให้มีการขนแร่เกิดขึ้น
หลังพบรถต้องสงสัย กลุ่มชาวบ้านเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่ยังไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนเวลาผ่านไปสองสามชั่วโมง สถานการณ์ทุกอย่างดูสงบลงและไม่มีความเคลื่อนไหวใหม่เกิดขึ้น เหลือทิ้งไว้เพียงความกลัวและความสงสัยที่ยังค้างคา
Tags: ประวิตร วงษ์สุวรรณ, หญิงแย้, เจ๊ไฝ, ไข่เจียวปู, เยรูซาเล็ม, อิสราเอล, น้ำท่วมภาคใต้, กงยู, โอลิมปิก, โดนัลด์ ทรัมป์, รัสเซีย พ.ร.บ.สิ่งแวดล้อมฯ, ก้าวคนละก้าว, เหมืองแร่เมืองเลย, ล็อตเตอรี