1.

ผลงานการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ที่เริ่มในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ดูเหมือนจะบ้อท่าล้มเหลวอย่างหนัก ยิ่งสถานการณ์ล่าสุดมีการถอยทัพอย่างหน้าแตกอัปยศจากเมืองเคียร์สัน (Kherson) ซึ่งรัสเซียบุกยึดตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นของการรุกราน แถมพระเจ้าซาร์องค์ใหม่ อย่างวลาดิมีร์ ปูติน (Vladimir Putin) ยังประกาศว่าเมืองนี้จะเป็นของรัสเซียไปชั่วกาล

ดังนั้นการถอยทัพจากเมืองเคียร์สัน แม้จะไม่ทำให้การรุกรานจบสิ้น แต่ก็ทำให้กองทัพรัสเซีย โดยเฉพาะปูตินหน้าแตกสุดๆ สถานการณ์ในขณะนี้ยิ่งทำลายขวัญกำลังใจให้กับคนรัสเซีย ที่ตอนแรกหวังจะรื้อฟื้นมหาอาณาจักรสุดยิ่งใหญ่ สมฐานะมหาอำนาจกลับคืน แต่ยิ่งนานวันผ่านไป ดูเหมือนพวกเขาจะโชว์ให้เห็นความไร้ประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อยๆ

ภายใต้ความเครียดและแรงกดดันที่ปูตินเผชิญจากทั้งโลก สิ่งที่เขาจะประมาทไม่ได้ก็คือคนใกล้ตัวผู้อยู่รายรอบตัวเองด้วย จนวันนี้รัสเซียถูกคว่ำบาตร เศรษฐกิจย่ำแย่ ชนชั้นนำที่เคยสยบยอมปูตินมายาวนาน เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลร่วมกัน ก็คงต้องมีสะกิดคิดบ้างแล้วว่า รัสเซียที่ไร้ปูตินเป็นผู้นำนั้น มันจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร

การร่วงจากอำนาจของปูตินนั้น แม้จะดูยากและเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่ถึงกับเลืองรานเป็นไปไม่ได้ เพราะปูตินได้สร้างกฎเกณฑ์มากมาย จนทำให้ตัวเองกลายเป็นประธานาธิบดีผู้นำตลอดชีพ ซึ่งทำให้ทางลงของตัวเองยิ่งลำบากเข้าไปใหญ่ ผนวกกับสถานการณ์รุกรานยูเครนที่ไม่เป็นใจรัสเซียและปูตินอย่างมาก

บางทีการเปลี่ยนตัวพระเจ้าซาร์องค์ใหม่ออกจากการเมืองรัสเซีย อาจดูเป็นอะไรที่ช่วยให้โลกนี้หายใจคล่องคอขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้

2.

สื่อตะวันตกวิเคราะห์กันอย่างน่าสนใจว่า การเปลี่ยนตัวปูตินออกจากตำแหน่งผู้นำนั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากความล้มเหลวที่ยูเครน แต่การจะเปลี่ยนตัวนั้น มันมีได้หลายทาง สิ่งสำคัญก็คือการย้อนดูประวัติศาสตร์สหภาพโซเวียต โจทย์ข้อแรกที่พวกเขาคิดก็คือ ปูตินต้องตาย ไม่ว่าจะตายแบบธรรมชาติ หรือถูกลอบสังหาร นั่นจะเป็นจุดจบในระบอบปูติน และจะง่ายกว่าในการหาคนมาแทน

สื่อคาดกันว่าหากสถานการณ์ปูตินตาย (ซึ่งอายุปูตินเองก็ 70 ปีแล้ว ไม่ใช่น้อยๆ) หรือถูกลอบสังหาร (ไม่ว่าจะมาจากกระสุนฝ่ายตรงข้ามหรือพันธมิตร) คนที่มีโอกาสเต็ง 1 มาแทนเขาก็คือ นิโคไล พาตรูเชฟ (Nikolai Partushev) เจ้าของฉายา ยอดสายลับ ชายที่อายุมากกว่าปูติน 2 ปี และเป็นพันธมิตรผู้ภักดีของพระเจ้าซาร์องค์ใหม่เสมอมา

สำหรับพาตรูเชฟนั้น เขาเป็นอดีตหัวหน้าสำนักงานข่าวกรองเอฟเอสบี หรือเคจีบีเก่า ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงของรัสเซีย เรียกว่าเป็นมือกรองข่าวให้กับปูตินเลยทีเดียว

ทีนี้หากปูตินไป (ไม่ว่าจะด้วยวิธีอะไรก็ตาม แต่เอาเป็นว่าเขาไม่มีชีวิตอยู่แล้ว) การได้พาตรูเชฟมานั้น แทบจะเหมือนหนีเสือปะจระเข้เลย เพราะยอดสายลับชรารายนี้ มองโลกแบบเดียวกับปูติน เกลียดชังตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา ที่สำคัญมุมมองของพาตรูเชฟยังแข็งกร้าวกว่าปูตินอีกด้วย

ภาพ: AFP

ข้อมูลน่าสนใจคือ ก่อนที่ปูตินจะสั่งกองทัพบุกยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ พาตรูเชฟยอดสปายรายนี้ ได้พูดมั่วๆ กล่าวหาอเมริกาว่าต้องการทำลายประเทศรัสเซีย กล่าวหาอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกัน ที่ไปพูดว่าไซบีเรีย และดินแดนตะวันออกไกลไม่ควรเป็นของรัสเซีย ซึ่งอดีตรัฐมนตรีก็ไม่ได้พูด แต่พาตรูเชฟยอดขุนพล แกดันพูดมั่วเอาเองได้อย่างหน้าตาเฉย

ดังนั้นหากพาตรูเชฟมา เรียกได้ว่าสถานการณ์ยูเครนและความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับชาติตะวันตก จะแย่กว่าเดิมแน่ๆ เพราะสื่อตะวันตกย้ำว่า อายุของพาตรูเชฟเป็นเพียงตัวเลข สรุปได้ว่าหากปูตินไป แล้วพาตรูเชฟมา ก็แค่เปลี่ยนตัวผู้นำ ทุกอย่างยังเหมือนเดิม เผลอๆ จะเลวร้ายยิ่งกว่าด้วยซ้ำ

3.

ดังนั้นหากเรามองว่าการได้พาตรูเชฟมานั้น จะเหมือนปูตินมากไป ชนชั้นนำรัสเซียอาจจะลองตัวเลือกอื่น เช่นไปพิจารณา ดิมิทรี เมดเวเดฟ (Dmitry Medvedev) กันดู ชายที่สื่อตะวันตกเรียกเขาว่าไอ้คนขลาด สำหรับเมดเวเดฟนั้น ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยปูตินเป็นประธานาธิบดี พอรัฐธรรมนูญบอกว่าประธานาธิบดีจะดำรงตำแหน่งได้ติดกันแค่ 2 วาระเท่านั้น ปูตินก็เลยสลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี และให้เมดเวเดฟเป็นประธานาธิบดีแทน แล้วแก้รัฐธรรมนูญให้นายกมีอำนาจมากกว่า จากนั้นปูตินก็แก้รัฐธรรมนูญให้การดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีโดยไม่มีกำหนดวาระ ตัวเองก็เลยกลับมาเป็นปธน.อีกครั้งจนถึงปัจจุบัน

ถึงบรรทัดนี้ก็ชี้ให้เห็นได้ว่าเมดเวเดฟนั้นภักดีกับปูตินแค่ไหน ยอมย้ายไปมาระหว่างนายกกับประธานาธิบดี แต่ไม่มีสักครั้งที่จะท้าทายอำนาจพระเจ้าซาร์องค์ใหม่ แม้ปัจจุบันเขาจะไปดำรงตำแหน่งรองประธานสภาความมั่นคงแบบเงียบๆ โดยตลอดมาเขาพยายามอย่างมากที่จะลดภาพคนบ้าสงครามในตัวปูตินต่อสายตาชาวโลก

เรียกได้ว่าเป็นลูกน้องแสนดี ที่ไม่มีวันท้าทายปูตินได้แน่ และด้วยวัย 57 ปี เขายังมีเส้นทางรุ่งโรจน์อีกนาน และหากปูตินไม่ตายเอง เขาไม่มีวันท้าทายเจ้านายคนนี้แน่ สมฉายาที่สื่อเรียกว่าไอ้ขลาดทีเดียว และที่ยอมเป็นคนขลาดก็เพราะเขามีทรัพย์สินระดับอภิมหาเศรษฐีที่อยู่อย่างสบายๆ ไปทั้งชีวิต เรื่องอะไรจะมาท้าทายปูติน

รายต่อมาชื่อ อเล็กซี ดียูมีน (Alexei Dyumin) อดีตบอดีการ์ดที่เคยปกป้องปูตินในคืนหนึ่งจากหมีพุ่งโจมตี โดยยืนจังก้ากับหมีแล้วไล่สัตว์ร้ายไป จนปูตินชมว่าเก่งมาก ทำให้เขาถือเป็นทหารผู้ภักดีของปูตินเลย โดยเป็นผู้บัญชาการในการยึดแหลมไครเมียจากยูเครนเมื่อปี 2014 ดำรงผู้ว่าเมืองซึ่งชนะมาแบบถล่มทลาย แต่โดยรวมแล้วเขายังดูห่างไกลจากตัวเต็งอำนาจ แต่สื่อหลายฉบับไม่กาชื่อเขาทิ้ง ดังนั้นชายคนนี้ก็น่าสนใจมากๆ เพราะม้านอกสายตาก็อาจมีดีพอเป็นเจ้าของประเทศได้เช่นกัน

อีกราย ดิมิทรี พาทรูเชฟ (Dmitry Patrushev) ฉายาเจ้าชาย ลูกชายสุดที่รักของ นิโคไล พาตรูเชฟ ยอดสายลับนี่เอง สำหรับดิมิทรี พาทรูเชฟ นั้นเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรของปูติน และยังคุมธนาคารเพื่อการเกษตรด้วย เขาจบโรงเรียนสายลับ มีความสนิทกับปูตินมาก เพราะเส้นสายครอบครัวถือเป็นคนวงในสุดๆ นอกจากนี้ เขายังอายุน้อยมากๆ คือยังไม่ถึง 50 ปีเลย ข้อดีอย่างเดียวคือหากพาทรูเชฟคนลูกขึ้นมาเป็นผู้นำแทนปูตินก็คือ เขาน่าจะลดสถานการณ์ความขัดแย้งในยูเครนและตะวันตกลงได้เยอะ เพราะดูจะมีสัญชาตญาณเอาตัวรอดได้ดีกว่าเผด็จการสุดเหี้ยมอย่างปูตินและพ่อของตัวเอง

สำหรับตัวเต็งรายต่อไป เขาคือ มิคาเอล มิสชูตัน (Mikhail Mishustin) นายกรัฐมนตรีแห่งสหพันธ์รัฐรัสเซีย ชายคนนี้แตกต่างจากตัวเต็งคนอื่นๆ ที่อาจต้องใช้กำลังภายในดันตัวเองกันบ้าง แต่สำหรับมิคาเอลนั้น เขาถือเป็นทายาทตามกฎหมายอย่างแท้จริงเลย เพราะมาตรา 92.3 ในรัฐธรรมนูญรัสเซียกำหนดว่า หากประธานาธิบดีปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ นายกรัฐมนตรีจะต้องรักษาการ

ดังนั้นมิคาเอลวัย 56 ปี อดีตผู้อำนวยการกรมสรรพากร สามารถกุมอำนาจผู้นำสูงสุดตามช่องทางที่ถูกต้องไร้มลทินใดๆ เลย เมื่อถึงวันที่ปูตินป่วยหนักหรือตาย

ที่สำคัญคือรัฐธรรมนูญย้ำว่า หากปูตินป่วยจนทำงานไม่ได้ ต่อให้รักษาตัวดีขึ้น ก็กลับมาทำหน้าที่ประธานาธิบดีไม่ได้ ดังนั้นหากยึดตามนิติรัฐ หลักกฎหมาย มิคาเอลรอจ่อแทนปูตินแบบสบายๆ ชนิดไม่ต้องมีขุมอำนาจมาก โดยหวังเพียงว่าชนชั้นนำรัสเซียจะตัดสินใจเห็นด้วย โดยยึดหลักตามกฎหมายนะ

อีกตัวเลือก หากมาดูสถานการณ์เมื่อปูตินจากไปแล้ว มันอาจนำไปสู่การประท้วงความวุ่นวายมากมายจากคนทั้งประเทศ จนอาจเป็นช่องทางให้ ผู้ว่ากรุงมอสโคว์ เมืองหลวงสุดยิ่งใหญ่ของรัสเซียอย่าง เซอร์เกย์ โซเบียนิน (Sergei Sobyanin) อาศัยความวุ่นวายนี้ประกาศเปลี่ยนผ่านทางการเมือง กุมอำนาจเสียเอง เพราะการประท้วงในเมืองหลวง ที่ซึ่งอำนาจของรัสเซียรวมศูนย์ไว้ ผู้ว่ามอสโคว์อาจจะชิงไหวชิงพริบทางการเมืองกุมอำนาจเองก็เป็นได้

ทั้งนี้ตัวโซเบียนินนั้น เขาคือนักการเมืองสุดทรงพลัง เพราะกุมอำนาจในมอสโคว์มากกว่า 12 ปี ตำแหน่งรับใช้ปูตินมามากมาย ผลงานสำคัญคือการทำให้เมืองหลวงดูดี ต้นไม้เยอะ รื้อฟื้นมรดกประวัติศาสตร์ให้มอสโคว์สมฐานะเมืองหลวงที่ยิ่งใหญ่ ผลงานและอำนาจในมอสโคว์ตรงนี้ จึงทำให้เขาเป็นตัวเต็งที่ยากจะกาชื่อออกไปได้

ในประวัติศาสตร์การเมืองก็ชี้ชัดแล้วว่า บางทีการชุมนุมของประชาชนจำนวนมาก อาจจบลงที่อำนาจถูกเกลี่ยไปสู่นักฉวยโอกาสที่รู้ทิศทางลมทางการเมืองเป็นอย่างดี ดังนั้นเราจะประมาทโซเบียนินไม่ได้เด็ดขาด

4.

คำถามสำคัญคือหากปูตินไม่ตายเอง ไม่ถูกลอบสังหาร แต่ถูกรัฐประหารโดยกองทัพล่ะ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ยากมากในรัสเซีย ซึ่งการใช้กำลังทหารโค่นรัฐบาลนั้น มันต้องย้อนกลับไปสมัยพระเจ้าซาร์ที่ 2 สมัยยังเป็นรัสเซียระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เลย 100 กว่าปีก่อนนู่น เรียกได้ว่าการรัฐประหารโดยกองทัพรัสเซียนั้นยากยิ่งกว่าจะให้ปูตินตายเองเสียอีก

แน่นอนว่าหากกองทัพรัสเซียทำรัฐประหารมาจริงๆ คนที่จะได้กุมอำนาจคงไม่ใช่ประธานเสนาธิการร่วม หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งแม้จะเป็นคนวงในของปูติน แต่เพราะมีผลงานสุดย่อยยับในการรุกรานยูเครน คงไม่มีไอ้โง่หน้าไหนดันมาเป็นผู้นำแน่นอน และการเปลี่ยนผ่านอำนาจโดยกองทัพ ก็ต้องพึ่งพลังชนชั้นนำรัสเซียอยู่ดี คนที่เหมาะกับการสืบทอดก็ต้องเป็นผู้แวดล้อมปูติน โดยอาจเป็นเจ้าของบริษัททหารรับจ้าง ขุนศึกผู้ภักดีปูติน หรือไม่ก็แม่ทัพสักรายที่ก่อเหตุสุดเหี้ยมในยูเครน

แต่อย่างที่บอกว่าสถานการณ์ตรงนี้มันยากมาก ที่เราจะเห็นรถถังเคลื่อนยึดรัฐประหาร เพราะชนชั้นนำรัสเซียยังมีพลานุภาพในการคุมกองทัพได้อย่างเบ็ดเสร็จ ดีไม่ดีทหารรัสเซียตัวไหนที่อาจเมาวอดก้าแล้วเข็นรถถังออกมา อาจจะจบไม่สวย กลายเป็นกบฏโดนยิงเป้าได้

ดังนั้นสถานการณ์ที่น่าสนใจซึ่งยากพอๆ กับการรัฐประหารในรัสเซีย แต่อาจดูเป็นไปได้มากกว่า เพราะมันชวนมีความหวังนั่นก็คือ ประชาชนชาวรัสเซียทั้งหลายนี่แหละ ต่างออกมาแสดงเจตจำนงค์ว่าเราเป็นเจ้าของประเทศ ไม่ขอทนกับระบบคณาธิปไตยของปูตินอีกแล้ว (โว้ย) ชนชั้นนำแบ่งผลประโยชน์กินกันเอง พอแล้ว! ถึงเวลาเดินหน้าสู่ประชาธิปไตยอย่างจริงจัง สภาเป็นตัวแทนประชาชน ไม่ใช่ตรายางให้ปูตินและบริวารอีกต่อไป

ถ้าเป็นดังนั้นแล้วมันเป็นจริง ผู้นำที่จะครองอำนาจจากการโค่นล้มทรราชย์ปูตินก็อาจจะเป็น นักโทษชาย อย่าง อเล็กเซ นาวาลนี (Alexei Navlany) ซึ่งเคยถูกวางยาพิษเกือบตาย และติดคุกสุขภาพทรุดโทรม แต่เขาก็ยังสู้ไม่ถอยในดินแดนรัสเซีย และหากประชาชนร่วมใจลงถนนต้านปูติน นาวาลนีคนกล้าในดินแดนคนขลาดที่ทุกคนยอมรับการฉ้อฉลของชนชั้นนำ แต่ชายคนนี้กลับประกาศต่อต้านคอร์รัปชั่น ต่อต้านการรุกรานในยูเครน จนได้รางวัลเป็นการติดคุกในตอนนี้ อาจทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของความหวังที่หนุ่มสาวรัสเซียที่จะฝันถึงโลกที่ดีกว่า ในประเทศที่ไร้ปูตินและบริวาร

ภาพ: AFP

หากราษฎรรัสเซียสู้สุดใจล้มระบอบปูตินจริง นาวาลนีมีโอกาสเป็น เนลสัน แมนเดลา แห่งรัสเซีย ที่ออกจากชุดนักโทษมาเป็นประธานาธิบดีเลยด้วย แน่นอนว่าหากฝันนั้นเป็นจริง เราคงได้เห็นการปฏิรูปหลายอย่างในรัสเซีย และการรุกรานยูเครนคงจะสิ้นสุด

บางทีมันอาจเป็นจุดเริ่มต้นสู่การเปิดเสรีทางการเมือง และการเลือกตั้งที่โปร่งใสก็เป็นได้

อย่างไรก็ดี นาวาลนีก็ไม่ได้มองโลกสดใสขนาดนั้น เขาแค่คาดว่า ความเป็นไปได้ที่ปูตินจะกระเด็นนั้น ก็จะเป็นการเปลี่ยนผ่านโดยชนชั้นนำ เพื่อหยุดความวายป่วงในยูเครน แต่อย่างอื่นคงไม่เปลี่ยนมากนั้น

นาวาลนีมองว่าหากวันหนึ่งชนชั้นนำรัสเซียเห็นตรงกันว่า เพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง และวิธีการดีที่สุดคือการเขี่ยปูตินออก พวกเขาน่าจะเลือกคนที่ไม่เห็นด้วยกับการทำสงครามเพื่อรื้อฟื้นความยิ่งใหญ่ของประเทศมาเป็นแทนเท่านั้นพอ

นักโทษรายนี้แนะนำว่า สิ่งที่จะทำให้รัสเซียหลังปูตินอยู่รอดได้ ไม่เพียงแต่ผู้นำที่ขวาจัดน้อยลงเท่านั้น แต่ยังต้องมีระบบรัฐสภาที่เข้มแข็งด้วย โดยเขามองว่า “เป็นวิธีเดียวที่จะสร้างโอกาสและอำนาจได้ โดยไม่ถูกทำลายโดยพวกหัวรุนแรงกลุ่มอื่นลงเสียก่อน”

5.

ถึงที่สุดนี้ โลกหลังปูตินจะเป็นอย่างไร ใครจะได้เข้าวิน รัสเซียจะเปลี่ยนไปไหม ทุกอย่างเป็นเพียงการคาดการณ์จากข้อมูลทั้งหมดเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนก็คือความย่อยยับในยูเครน สถานการณ์ทางเศรษฐกิจ ความไม่พอใจในชาติ จะยิ่งทำให้บัลลังก์ของปูตินสั่นคลอนมากยิ่งขึ้น

ไม่ว่าปูตินจะยิ่งใหญ่ทรงอำนาจมากแค่ไหน แต่เขาก็คือมนุษย์ ตัวเต็งจำนวนมากที่อาจรอเสียบแทนปูตินเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ต่างเฝ้ารอคอย ในฐานะผู้ภักดีใกล้ชิดที่แอบซ่อนมีดไว้เสมอ

ไม่มีใครเดาออกว่า โลกที่ไม่มีปูตินจะเป็นอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นสัจธรรมจริงแท้ก็คือ มันมาแน่ เพราะไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า แค่เพียงจะมาช้าหรือมาเร็วเท่านั้น แต่เราจะได้เห็นรัสเซียที่ไม่มีปูตินอีกต่อไปอย่างแน่นอน

โดยหวังเพียงว่ามันจะเป็นรัสเซียที่เป็นมิตรต่อโลกใบนี้ยิ่งกว่าเดิม

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. https://www.economist.com/europe/2022/10/26/russias-elite-begins-to-ponder-a-putinless-future
  2. https://www.economist.com/1843/2022/11/07/at-what-age-do-they-take-people-to-ukraine-war-catches-up-with-the-russian-elite
  3. https://www.newsweek.com/putin-overthrown-successors-kremlin-officials-ukraine-war-1751285
  4. https://www.washingtonpost.com/world/2022/10/06/putin-successor-president-russia-war/
  5. https://www.abc.net.au/news/2022-10-08/who-could-rule-russia-after-vladimir-putin/101500644
  6. https://www.politico.eu/article/after-putin-12-people-ready-ruin-russia-next/
  7. https://www.express.co.uk/news/world/1675825/russia-news-vladimir-putin-replacement-update-ukraine-war-successor
  8. https://www.nytimes.com/2022/11/12/world/europe/kherson-ukraine-russia.html
Tags: , , , ,