แฟนเพลงในบ้านเราคงจะอดตื่นเต้นไปด้วยไม่ได้ เมื่อพลันที่ภาพของศิลปินหญิงอย่าง ‘วี’ – วิโอเลต วอเทียร์ ปรากฏบนจอดิจิทัลบิลบอร์ดขนาดยักษ์ใหญ่ ใจกลางไทม์สแควร์ มหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา หลังถูกเลือกให้เป็นหนึ่งใน 35 ศิลปินหญิงจาก 50 ประเทศทั่วโลก ที่ได้รับเกียรติให้ร่วมในแคมเปญ ‘EQUAL’ ของสปอติฟาย (Spotify) ที่ช่วยส่งเสริมความเท่าเทียมให้ผู้หญิงในวงการเพลงทั่วโลก

ท่ามกลางประเด็นแห่งยุคสมัยเรื่อง ‘ความเท่าเทียม’ จึงน่าภูมิใจที่ศิลปินไทยอย่างวีได้มีโอกาสเป็นหนึ่งในตัวแทนและเป็นหนึ่งเสียงที่ถูกส่งต่อให้กับผู้คนทั่วโลก เพื่อย้ำเตือนถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้ว เธอเองก็เป็นศิลปินที่เรียกได้ว่าให้ความสนใจกับประเด็นดังกล่าวเป็นอย่างมาก

ล่าสุด วีเพิ่งปล่อยซิงเกิลใหม่อย่าง ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข เพลงอบอุ่นหัวใจ จังหวะฟังสบาย กับเนื้อเพลงที่พูดถึงช่วงเวลาแห่งความสุขที่อยากให้อยู่กับเราไปนานๆ และเป็นหนึ่งในเพลงที่มีความจริงใจมากที่สุดที่เธอเคยเขียน ฉายภาพความปกติธรรมดาของความสัมพันธ์ในชีวิตประจำวัน ที่ซุกซ่อนไว้ด้วยโมเมนต์แห่งความเรียบง่ายของความสุข

และเป็นความสุขที่ทุกคนสมควรได้รับอย่างเท่าเทียมเช่นกัน

ก่อนหน้านี้คุณมีโอกาสได้ขึ้น Digital Billboard ในไทม์สแควร์ร่วมกับศิลปินหญิงคนอื่นๆ ภายใต้แคมเปญ ‘EQUAL’ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร

มันเป็นแคมเปญชื่อ ‘EQUAL’ ของสปอติฟาย (Spotify) ที่ส่งเสริมความเท่าเทียมให้กับผู้หญิงในวงการเพลงทั่วโลก เพราะบางทีเราจะรู้สึกว่าค่อนข้างมีพื้นที่ให้ศิลปินหญิงน้อย คือพูดได้เลยว่าสปอติฟายต้องการจะผลักดันศิลปินหญิง 

ความจริงเราได้ยินมาว่าภาพของเราจะได้โผล่ที่ไทม์สแควร์ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไร ทีแรกไม่คิดว่าจะได้ขึ้นดิจิทัลบิลบอร์ดที่ใหญ่ขนาดนี้ พอได้เห็นก็งง ตื่นเต้น ดีใจ อธิบายไม่ถูก มันเกินสิ่งที่เราสามารถคิดได้ เรายังไม่กล้าคิดด้วยซ้ำว่าจะได้ไปอยู่ตรงนั้น โอเค เรารู้ว่าคนที่เดินผ่านก็อาจจะไม่ได้รู้จักเรา แต่พอมีหน้าเราอยู่ตรงนั้นมันว้าวมากๆ ไม่ใช่ประสบการณ์ที่ทุกคนจะได้สัมผัส แล้วเราเป็นหนึ่งในน้อยคนที่ได้สัมผัสประสบการณ์นี้ ต้องขอบคุณสปอติฟายมาก (ยิ้ม)

เคยฝันไหมว่า เด็กผู้หญิงจากจุฬาฯ ที่เดินขึ้นไปประกวดร้องเพลงในรายการ The Voice จะได้ไปขึ้นบิลบอร์ดในประเทศที่เป็นมหาอำนาจทางดนตรีอย่างอเมริกา

ไม่เคยคิดมาก่อน ตอนเห็นยังไม่อยากจะเชื่อเลย มีจังหวะหนึ่งที่เราคิดว่า เอ๊ะ ตัดต่อหรือเปล่า (หัวเราะ) เพราะสีในรูปมันเหมือนจะกระแทกออกมา แต่พอไปดู อ๋อ มันเป็นวิดีโอ ตื่นเต้นมาก เสียดาย ถ้าตอนนั้นเรารู้ว่าภาพได้ขึ้นเมื่อไร จะบินไปดูเลย

คุณมีมุมมองต่อประเด็นเรื่องความเท่าเทียมอย่างไรบ้าง มันสำคัญอย่างไร

สำหรับเรา EQUAL คือการที่มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกัน พวกเราทุกคนเป็นมนุษย์เหมือนกัน ควรจะได้สิทธิทางกฎหมายทุกอย่างเท่ากัน ซึ่งสำคัญมาก เพราะมันเป็นการแสดงความเคารพต่อการเป็นเพื่อนมนุษย์ของกันและกัน การที่คุณไม่มองว่าอีกคนเท่าเทียม นั่นแปลว่าคุณมองเขาเป็นอะไร ส่วนตัวเราเองแค่ยืนหยัดว่าทุกคนเท่าเทียมกัน มันเป็นเรื่องที่ควรจะเป็นตรรกะและควรถูกสอนมานานแล้วว่ามนุษย์เท่าเทียมกัน เราเชื่อว่าปัญหาหลายอย่างจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเราเคารพเพื่อนมนุษย์ ซึ่งมันไม่ได้เข้าใจยากเลย

ทุกวันนี้ศิลปินหญิงบ้านเราหลายคนก็เริ่มกล้าแสดงออกถึงความเป็นตัวเองสูง ทั้งภาพลักษณ์และบทเพลงที่เขียน คุณรู้สึกอย่างไรกับความเปลี่ยนแปลงนี้ ล่าสุดศิลปินอย่าง ซิลวี่ (SILVY) ก็ปล่อยเพลง XL กับคอนเซ็ปต์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ    

ในที่สุด… (หัวเราะ) เราเคยพูดเรื่อง beauty standard มาแล้วว่า ก็ฉันแฮปปี้ของฉันแบบนี้ เพลงของซิลวี่เองก็เป็นแบบนั้น คือคนทุกคนสวย แล้วคุณเป็นใคร ที่จะเอาไม้บรรทัดมาวัดว่าอะไรสวยหรือไม่สวย เพราะไม้บรรทัดบางอันไม่ได้วัดได้กับทุกคนเสมอไป เพราะความสวยมันเป็นสิ่งที่นามธรรมมาก

เสียงของศิลปินมีพลังขนาดไหนในมุมมองของคุณ

เราคิดว่ามี แต่ใครที่เป็นคนพูดก็สำคัญ สมมติถ้าให้เราพูดเรื่องการขับเคลื่อนหรือทำอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจก็คงไม่มีอะไรน่าเชื่อถือ ฉะนั้นอยู่ที่คนที่พูดด้วยว่ามีความเข้าใจสิ่งนั้นขนาดไหน บางอย่างเราพูดไปก็รู้สึกว่ามันไกลตัว และไม่รู้จะพูดอย่างไร คือเราอาจจะมีความคิดเห็นก็ได้ แต่เราอาจไม่ใช่คนที่สมควรพูดเรื่องนี้ แต่อย่างเรื่อง equality เป็นเรื่องที่คนทุกคนบนโลกควรพูด เพราะเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย และเป็นเรื่องที่มีความเป็นมนุษย์มากๆ

กระแสเรียกร้องความเท่าเทียมเกิดขึ้นทั่วโลก ในฐานะศิลปิน คุณคิดว่าจะสามารถร่วมส่งเสียงหรือเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้เกิดความเท่าเทียมในสังคมได้อย่างไรบ้าง

เราไม่รู้ว่าทำอะไรได้ขนาดไหน แต่เราทำเท่าที่เราทำได้ พูดเท่าที่เราเข้าใจ แต่บางครั้งบางอย่างเราก็ต้องตกตะกอนให้ดีก่อน สิ่งที่เราทำได้คือส่งเสียงในเรื่องพวกนี้ และเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าเราเคารพคนอื่นอย่างไร เพราะฉะนั้น ถ้าจะมองใคร ให้มองที่คุณภาพของเขา ไม่ใช่มองเฉพาะภาพอื่นๆ คำว่า EQUAL เป็นการพิสูจน์ว่า คุณจะอยู่ได้หรืออยู่ไม่ได้ คุณจะทำอะไรได้หรืออะไรไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับความสามารถของคุณ ไม่ได้อยู่ที่เพศ สีผิว หรืออะไรอย่างอื่น

สำหรับเรามันเลยเป็นการพิสูจน์ว่า ทำไมถึงต้องผลักดันเรื่อง EQUAL ทำไมถึงควรผลักดันพื้นที่ให้ผู้หญิง ลดระบบปิตาธิปไตย ซึ่งใจความหลักคือ ทุกคนควรได้รับการเคารพเท่ากัน ในความสามารถเดียวกัน

กลับมาพูดถึงซิงเกิลล่าสุด ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข คุณเริ่มเขียนเพลงนี้ได้อย่างไร

ตอนเริ่มเขียนเพลงนี้ เราไม่ได้คิดว่าเพลงจะออกมาเป็นอย่างไร แต่เรามีไอเดียสำหรับเพลงนี้ว่า อยากพูดถึงคำว่า ‘ครั้งนี้’ หรือ ‘ความรู้สึกครั้งนี้’ ซึ่งอย่างในเพลง เวลาเราเจอความสุข มันจะทำให้เรารู้สึกว่า ความสุขครั้งนี้อยู่กับเรานานๆ ได้ไหม เพราะเรามีความสุขจังเลย แม้จะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ได้อยู่ตลอดไป แต่อย่างน้อยเรามีความสุขกับสิ่งนี้ มันทำให้เรา appreciate โมเมนต์นี้ และอยากเก็บความรู้สึกนี้ไปนานๆ สุดท้ายก็ออกมาเป็นเพลงนี้ ซึ่งฟีดแบ็กค่อนข้างเป็นแง่บวก เราดีใจมากที่หลายคนชอบ บางคนบอกว่าเป็นเพลงที่พูดแทนความรู้สึกของเขา บางคนบอกว่าเป็นเพลงที่ฟังแล้วรู้สึกเติมเต็ม

สังเกตว่าเนื้อเพลงค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว สำหรับคุณ การเขียนเพลงที่เป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ มีอะไรต้องกังวลบ้างไหม

เราเป็นกังวลนะ หนึ่งคืนก่อนปล่อยเพลงก็ร้องไห้ เราว่าเรามีเซนส์ของการกลัวโดนตัดสินเหมือนกัน คือเวลาพูดบางเรื่อง เราจะรู้สึกว่าได้กรองเรียบร้อยแล้ว บางอย่างเราก็ยังเก็บไว้กับตัวอยู่ แต่เพลงนี้มันดันจริงใจเหลือเกิน จนทำให้รู้สึกว่ามันน่ากลัวเหมือนกันนะ กับการที่เราจริงใจขนาดนี้ให้คนทั้งประเทศ ทั้งโลกได้ฟังว่าสิ่งที่เราคิดคืออะไร มันเลยมีความ freak out นิดๆ เอ๊ะ หรือเราเก็บไว้ดีนะ หรือไม่ปล่อยดีนะ มันจะมีจังหวะที่รู้สึกนั้น อารมณ์เหมือนเจ้าสาวจะวิ่งหนีงานแต่งเพราะตกใจ (หัวเราะ)

อะไรทำให้คุณตัดสินใจว่าฉันจะปล่อยเพลงนี้

ตอนที่ตัดสินใจปล่อยไม่ได้คิดอะไร เพราะเรารู้สึกว่าเพลงเพราะ ภาษาดี ส่วนตัวคือภูมิใจและชอบมาก แต่แค่โมเมนต์ก่อนที่จะปล่อยมันตื่นเต้นเกินไป แล้วเรารู้สึกทนความกดดันนี้ไม่ไหว ฉันคิดถูกหรือคิดผิดนะ เหมือนใจตุ้มๆ ต่อมๆ (หัวเราะ)

ก่อนหน้านี้ คุณก็เคยเขียนเนื้อเพลงที่เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ การเขียนเนื้อเพลงสองภาษานี้มีความแตกต่างอย่างไรบ้างไหม

ตอนแรกจะบอกว่าต่าง แต่ตอนนี้รู้สึกไม่ต่างขนาดนั้น ถ้าความรู้สึกที่เราเล่าอยู่ เรารู้สึกแบบนั้น หรือเราจริงกับสิ่งที่เราเล่า มันก็เท่านั้นเอง 

โอเค มันอาจจะต่างกันตรงที่เรื่องของวรรณยุกต์ภาษาไทย ที่ต้องพยายามหาคำให้ลงกับทำนอง ส่วนภาษาอังกฤษก็ไม่ใช่ภาษาแรกของเรา เราก็อาจจะมีคำศัพท์ที่ไม่ได้เยอะ เราว่าเราเป็นคนที่คำศัพท์น้อยทั้งภาษาไทยทั้งภาษาอังกฤษ ฉะนั้น เอาเข้าจริงมันก็ไม่ได้ต่างกันขนาดนั้น

อยากให้เล่าถึงการทำงานกับโปรดิวเซอร์อย่าง ‘โหน่ง’ – วิชญ วัฒนศัพท์ ให้ฟังหน่อย

เราทำกับงานกับพี่โหน่งทุกเพลง อย่างเพลง ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข เราทำงานกันผ่านจอคอมพิวเตอร์ ผ่านวิดีโอคอล เป็นประสบการณ์ใหม่เหมือนกัน พี่โหน่งคือเดอะเบสต์มากๆ การที่พี่โหน่งเป็นโปรดิวเซอร์ให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เราขอบคุณมากที่มีพี่โหน่ง เพราะเขาดึงอะไรของเราออกมาเยอะมาก บางอย่างก็รู้สึกว่าได้สำรวจไปพร้อมกับพี่โหน่ง เพราะบางเรื่องเราไม่ได้รู้เสมอไป 

อย่างเราเขียนบางเพลงออกมา แล้วพี่โหน่งถามว่าอยากได้ดนตรีแบบไหน เราไม่ได้ตอบได้ทันทีว่าอยากได้แบบไหน มันเลยกลายเป็นโมเมนต์ของการที่พี่โหน่งใส่ input บางอย่างมา แล้วเราลองหาไปด้วยกัน ซึ่งเพลง ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข โชคดีที่ว่า เราคิดจังหวะมาแล้วว่าอยากได้แบบไหน ที่เหลือคือการเลือกว่าซาวด์ที่จะเอามาใส่ในเพลงคืออะไรบ้าง แล้วพี่โหน่งค่อนข้างรู้ว่าเราเป็นคนชอบเสียงเปียโน ทุกเพลงก็จะมีเสียงเปียโนมาเรื่อยๆ เพลงนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์นั้นอยู่

ใน Fun Fact ของเพลง ‘ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข’ มีข้อหนึ่งบอกว่า คุณเริ่มเขียนเพลงนี้จากเปียโน ปกติคุณเขียนเพลงตั้งต้นจากเครื่องดนตรีเปียโนทุกครั้งหรือเปล่า

แล้วแต่เพลงนะ แต่ส่วนใหญ่เป็นเปียโน ไม่ได้มีความหมายเป็นพิเศษ เราแค่ชอบความเป็นเปียโน พอเป็นเปียโนกดโน้ตแค่ตัวเดียวก็เป็นเพลงได้แล้ว ไม่ต้องกดคอร์ดให้เป็นก็ได้ ซึ่งมันก็เพียงพอที่เราจะรู้ได้แล้ว อย่างกีตาร์เราดันทักษะต่ำกว่าเปียโนเยอะมาก แล้วอาจจะไม่ขยันพอที่จะเล่น ตีคอร์ดก็บอดเหลือเกิน (หัวเราะ) บางครั้งพอใช้กีตาร์เลยไม่ถูกใจ สุดท้ายก็ต้องไปกดบนแป้นเปียโน เพื่อจะรู้ว่าเสียงเต็มๆ เป็นอย่างไร

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ คุณถึงกับลงทุนหัดขับรถเองเพื่อถ่ายเอ็มวีเลย

ใช่ๆ เราไปฝึกขับกับรถจริงที่ใช้ถ่ายในเอ็มวีเลย ซึ่งมันเป็นรถเกียร์กระปุก แล้วเราขับไม่ได้ คือเมื่อก่อนตอนที่เราเรียนขับรถครั้งแรก ก่อนจะขับรถเป็น คุณปู่เราเคยจะสอนขับรถ แล้วทุกคนก็พูดว่า “เนี่ย เวลาฝึกขับรถควรฝึกจากเกียร์กระปุก เพราะจะทำให้ขับอะไรก็ได้” แต่เราก็ขับไม่ได้ ตอนนั้นกรี๊ดใส่ปู่แล้วร้องไห้เลย คิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีวันขับรถได้แล้ว 

จนกระทั่งมาเจอรถเกียร์ออโต้ เราถึงรู้ว่า เฮ้ย ชีวิตมันง่ายมากเลย (หัวเราะ) วันที่ได้ใบขับขี่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองทำได้ ในใบขับขี่ใบแรกของเรา หน้าเราเป็นแบบนี้ (ทำหน้ายิ้ม) เรายิ้มกว้างมาก จนทุกคนที่เห็นบัตรงงว่าเขาให้ถ่ายรูปยิ้มได้ขนาดนี้เลยเหรอ คือเราดีใจมากจนไม่สามารถเก็บความรู้สึกได้

ทีนี้พอต้องกลับมาขับเกียร์กระปุกอีกรอบในเพลงนี้ มันเลยเกิดเป็นความรู้สึกว่า เราจะทำได้เหรอ ไม่น่าจะทำได้นะ แต่สุดท้ายก็ต้องถ่าย ต้องทำให้ได้ เราก็เลยไปฝึกจนขับได้

พอต้องทำงานในข้อจำกัดมากๆ คุณคิดถึงการทำงานในช่วงเวลาปกติไหม

เราคิดถึงการออกไปข้างนอก ที่มากกว่าแค่แถวบ้าน คิดถึงการได้เจอคนนั้นคนนี้ ตอนนี้แทบไม่เจอใครเท่าไรเลย มันเลยมีความเหงาอยู่เหมือนกัน

คุณไม่ได้ไปไหน แล้วมีวิธีหาวัตถุดิบ หาแรงบันดาลใจในการทำงานอย่างไร

เราพยายามมองสิ่งที่อยู่รอบตัว อย่างเพลง กักตัว ก่อนหน้านี้ ก็ชัดเจนว่าเป็นเรื่องต่างๆ นานารอบตัวในช่วงเวลานี้ที่ให้หยิบมาเขียน หรือเพลง ตั้งแต่มีเธอฉันมีความสุข เราก็โฟกัสกับโมเมนต์ที่ทำให้เรามีความสุข ส่วนเพลงอื่นๆ ก็คงเป็นสิ่งใกล้ตัวที่เราค่อยๆ ย่อย และตกตะกอนออกมา เพราะเพลงบางเพลงมันไม่ได้เขียนเร็วเสมอไป แต่ต้องใช้เวลาตกตะกอนพอสมควร

ในเพลงมีท่อนที่บอกว่า ความรักที่ดีเป็นโมเมนต์ง่ายๆ อย่างการแย่งกันเลือกเพลง สั่งอาหารกินกันตอนเที่ยงคืน ความสุขของคุณในช่วงวัยนี้เป็นโมเมนต์ง่ายๆ อย่างในเพลงใช่ไหม

ความจริงมันไม่ได้พูดถึงแค่ความรัก แต่พูดถึงการใช้ชีวิตทั่วไปเลย คือไม่รู้ว่าเรา Romanticize ชีวิตตัวเองหรือเปล่า แต่แค่รู้สึกว่า ชีวิตคนเราจะต้องการอะไร เราแค่ต้องการอยู่กันแบบมีความสุข ไม่มีหนี้ ใช้เวลากับคนที่เราแคร์ มันก็สุขแล้ว เพราะอย่างการทำงาน เราก็ทำด้วยความสุขของเรา หรืออะไรอีกหลายๆ อย่าง เราเลยรู้สึกว่าจริงๆ ความสุขมันอยู่ในชีวิตประจำวันนี่แหละ ซึ่งแล้วแต่คนนะ แต่สำหรับเรา แค่ไม่มีความทุกข์ก็เป็นเรื่องดีแล้ว

คุณคาดหวังกับซิงเกิลนี้อย่างไร

เราคาดหวังแค่ว่าจะได้ทำเพลงที่ตัวเองชอบและเอนจอยกับมัน พูดได้เลยว่าความคาดหวังเราบรรลุไปแล้ว ที่เหลือมันเกินสิ่งที่จะไปคาดหวัง โดยเฉพาะกับคนอื่น ซึ่งแล้วแต่ว่าคนฟังจะชอบหรือไม่ชอบ หรือทุกคนจะรู้สึกอย่างไรกับเพลงนี้ เราได้แต่หวังว่าจะชอบกัน และหวังว่าจะช่วยแชร์ จะร้องได้ และจะติดตามกันต่อไป (ยิ้ม) 

Fact Box

วิโอเลต วอเทียร์ เริ่มต้นอาชีพการเป็นศิลปินจากเวทีการประกวด The Voice ซีซันสอง ก่อนมีผลงานเพลงมากมายทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ รวมถึงมีโอกาสฝากผลงานทางการแสดงทั้งภาพยนตร์ ซีรีส์ จนกลายเป็นหนึ่งในศิลปินหญิงแถวหน้าของประเทศไทย

Tags: , , , , , ,