หลังจากเปิดตัวเป็นกระแสเมื่อสองปีที่แล้ว โครงการยักษ์ใหญ่อย่าง วัน แบงค็อก (One Bangkok) ก็เริ่มมีความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ให้เราได้ติดตาม ต่อเนื่องจากจุดยืนที่ชัดเจนว่าโครงการพยายามที่จะดึงดูดบรรดาบริษัทและแบรนด์ข้ามชาติระดับท็อปต่างๆ มาลงทุน เปิดสาขา เพื่อไปสู่เป้าหมายยิ่งใหญ่ที่จะทำให้วัน แบงค็อก เป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของโลก ตอบรับกับความหวังที่ประเทศไทยจะเป็นประตูสู่ CLMV และเป็นศูนย์กลางการขนส่งแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

วัน แบงค็อก คือโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชยกรรมแบบประสม หรือ มิกซ์ยูส (Mixed-use development) ผสานโรงแรม ที่อยู่อาศัย สำนักงาน ห้างสรรพสินค้า บนพื้นที่ 104 ไร่ หัวมุมถนนพระรามที่ 4 และถนนวิทยุ มูลค่าการลงทุนกว่า 120,000 ล้านบาท ถือเป็นโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยภาคเอกชนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เกิดจากการร่วมทุนระหว่าง บริษัท ทีซีซี แอสเซ็ท (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด

ทำเลที่ตั้งของวัน แบงค็อก อยู่ในย่านศูนย์กลางธุรกิจ หรือ CBD (Central Business District) ของกรุงเทพฯ  แหล่งรวมออฟฟิศและสถานทูตหลายแห่งในย่านสุขุมวิทและสาทร โดยออกแบบโครงการมาเป็นแหล่งรองรับสถานที่แบบต่างๆ ตอบสนองวิถีชีวิตของคนเมืองในหลายๆ แห่งทั่วโลกที่อยากจะพักผ่อน อยู่อาศัย และทำงานในบริเวณเดียวกัน

ล่าสุด เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน (The Ritz-Carlton) แบรนด์โรงแรมหรู ประวัติศาสตร์กว่า 100 ปีที่มีต้นกำเนิดในอเมริกา ในเครือแมริออท ได้ปักธงลงโครงการ วัน แบงค็อก ด้วยการเปิดตัว โรงแรม The Ritz-Carlton แห่งแรกในกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา ต่อยอดโรงแรมและรีสอร์ทในไทยที่มีอยู่แล้ว ได้แก่ โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตันในเกาะสมุย และภูเลย์เบย์ อะ ริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ (A Ritz-Carlton Reserve) และโรงแรมแบรนด์ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน อีก 97 แห่งทั่วโลกใน 30 ประเทศ

โรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ชั้น 1 ถึงชั้น 25 ของอาคารสูง 50 ชั้น มีความสูงโดยรวม 250 เมตร ตำแหน่งอาคารอยู่บริเวณหัวมุมด้านตะวันตกเฉียงเหนือของโครงการ วัน แบงค็อก ถนนวิทยุ หันหน้าเข้าหาสวนลุมพินี มองเห็นทิวทัศน์เมืองได้แบบพาโนรามา ประกอบด้วยห้องพักตกแต่งหรูหราจำนวน 259 ห้อง ซึ่งรวมทั้งห้องชุดสวีท 32 ห้องและห้องชุดสวีทแบบอลังการ Ritz-Carlton Suite เพียง 1 ห้อง ออกแบบตามคอนเซ็ปท์ Urban Resort ในสไตล์ร่วมสมัย ผสานความเป็นไทย ทั้งในด้านการออกแบบ วัฒนธรรม และอาหาร ออกแบบโดย พี อินทีเรียร์ แอนด์ แอสโซซิเอท จำกัด

นอกจากนี้ยังประกอบด้วยภัตตาคารและบาร์ 4 แห่ง ซิกเนเจอร์สปา ห้องบริการทรีตเมนต์ส่วนตัว 6 ห้อง บริการสปาเลาจน์ อ่างน้ำวน ห้องซาวน่า และห้องอบไอน้ำ ห้องประชุมและห้องจัดเลี้ยงที่มีแสงแดดธรรมชาติเข้าถึง ถือเป็นห้องจัดเลี้ยงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาโรงแรมระดับลักชัวรี่ในประเทศไทย มูลค่าโครงการส่วนโรงแรมนี้อยู่ที่ 5,000 ล้านบาท

เคร็ก สมิธ ประธานและกรรมการบริหารประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า “แมริออท อินเตอร์เนชั่นเพิ่งฉลองความสำเร็จด้วยการมีโรงแรมครบ 7,000 แห่งทั่วโลก ตอนนี้ในเอเชีย-แอซิฟิค แมริออตต์มีโรงแรม 710 แห่ง ใน 23 ประเทศ โดยครอบคลุมแบรนด์โรงแรมชั้นนำถึง 23 แบรนด์ จากทั้งหมด 30 แบรนด์ทั่วโลก ในฐานะที่ภูมิภาคนี้เป็นเพียงภูมิภาคเดียวที่มีแบรนด์ลักชัวรี่ในเครือของเราทั้งหมด 8 แบรนด์ เราจึงมีโรงแรมระดับลักชัวรี่กว่า 130 แห่งใน 10 ประเทศ และกำลังจะสร้างเพิ่มอีกเกือบ 100 แห่ง สำหรับในปีนี้ เราจะเปิดโรงแรมหรูแห่งใหม่กว่า 30 แห่งทั่วโลก ซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งจะอยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

“ปีนี้เป็นปีที่สำคัญของ เดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน เนื่องจาก 2019 จะเป็นปีที่เรานำเอาการบริการระดับตำนานของเราไปสู่ 4 เมืองในประเทศจีน ออสเตรเลีย และอินเดีย ได้แก่ ริทซ์-คาร์ลตันในซีอาน หนานกิง เพิร์ท และปูเน่ ส่วนหนึ่งของความสำเร็จในการขยายกิจการ เกิดจากพันธมิตรที่ร่วมมืออย่างยาวนานคือทีซีซีกรุ๊ป สู่เป้าหมายการเปิดโรงแรม 1,000 แห่งในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกนี้ภายในปี 2020

“ประเทศไทยเป็นจุดหมายการเดินทางยอดนิยมอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยว และยังคงเป็นเช่นนั้น การมาเยือนจากชาวต่างชาตินี้น่าจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และปี 2018 เป็นปีที่มีสถิติการมาเยือนกว่า 38 ล้านคน อ้างอิงข้อมูลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

“ตอนนี้เครือแมริออทมีโรงแรมและรีสอร์ทในไทย 44 แห่ง 12 แห่งในจำนวนนั้นเป็นโรงแรมระดับหรูหรา และเราวางแผนจะเปิดอีกกว่า 20 แห่ง ตั้งเป้าว่าภายในปี 2020 จะเปิด 5 แห่ง ได้แก่ในพัทยา เขาหลัก ภูเก็ต และกรุงเทพฯ และตั้งเป้าการเติบโตในไทยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 50%”

ราจีฟ เมนอน กรรมการผู้อํานวยการฝ่ายปฏิบัติการ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ยกเว้นประเทศจีน แมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด คาดการณ์ว่าจะมีลูกค้าชาวต่างชาติในสัดส่วน 60-70% และลูกค้าคนไทย 30-40% ซึ่งตัวเลขอย่างหลังนี้น่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคต

ซู หลิน ซูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร วัน แบงค็อก ตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการ วัน แบงค็อก ว่าขณะนี้อาคารแรกจะดำเนินการส่วนตอกเสาเข็มเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2019 และโครงสร้างใต้ดินกำลังดำเนินการ คาดว่าอาคารแรกนี้จะเสร็จในปี 2022 ก่อนจะเปิดส่วนของโรงแรมเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน กรุงเทพฯ ตามกำหนดในปี 2023

สำหรับชั้น 26-50 ของอาคารเดียวกันนั้น อุรเสฏฐ นาวานุเคราะห์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฝ่ายพัฒนาสินทรัพย์ วัน แบงค็อก ได้เปิดเผยว่าจะทำเป็นส่วนที่่พักอาศัยระดับ ultra luxury จำนวนราว 110 ยูนิต แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดมากกว่านี้ได้ในขณะนี้  

Tags: , , , , ,