สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจาก ไดอานา พรินซ์ หรือ วันเดอร์วูแมน ใน Batman v Superman: Dawn of Justice คือหญิงสาวกร้านโลกทรงเสน่ห์ที่เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนไม่อ่อนด้อยไปกว่า บรูช เวย์น เลยแม้แต่น้อย
ทว่าถ้าย้อนกลับไปราว 99 ปีก่อนเหตุการณ์ใน Batman v Superman เรากลับพบว่า ไดอานา พรินซ์ (แกล กาโดต์) หรือ วันเดอร์วูแมน เป็นเด็กสาวอ่อนต่อโลกและไร้ประสบการณ์ ผู้เติบโตบนดินแดนยูโทเปียอันห่างไกลอย่างเกาะเทอมิสคีราและถูกพร่ำสอนถึงตำนานการหักหลังซูสของแอรีส โดยนำความกระหายสงครามและการเข่นฆ่าใส่เข้าไปในตัวมนุษย์ ทำให้เธอเชื่อมั่นอย่างสุดใจว่า ‘มนุษย์มีพื้นฐานจิตใจที่ดีงาม’ หากสังหารแอรีสได้ สงครามก็จะสิ้นสุด
จนกระทั่งเธอได้พบกับ สตีฟ เทรเวอร์ (คริส ไพน์) ทหารอเมริกันที่อยู่ระหว่างหลบหนีการตามล่าของทหารเยอรมันและพลัดหลงเข้าไปในเกาะเทอมิสคีราโดยบังเอิญ เธอจึงได้รับรู้เรื่องราวการเข่นฆ่ากันของมนุษย์ในสงครามโลกครั้งที่ 1 และหนีตามพระเอกเข้าสู่ศูนย์กลางของสมรภูมิ เพื่อยุติมหาสงครามด้วยการสังหารแอรีส ความเชื่อมั่นในตัวมนุษย์ เชื่อมั่นใน ‘คนดี’ ของ ไดอานา พรินซ์ จึงเริ่มสั่นคลอน
หลังจากออกมาจากโลกยูโทเปีย เธอก็พบความจริงข้อหนึ่งว่า ‘สาเหตุที่มนุษย์เข่นฆ่ากันไม่ได้เกิดจากแอรีส’ และต่อให้จักรวาลภาพยนตร์ DC ไม่มีแอรีสออกมาหักหลังซูส มนุษย์ก็จะยังเข่นฆ่ากันอยู่ดี ไม่ว่าจะด้วยความโกรธแค้น ความโลภ หรือแม้กระทั่งความรัก ซึ่งนั่นทำให้ความเชื่อมั่นใน ‘คนดี’ ที่เธอเคยมีพังทลายลงในพริบตา
จุดนี้เป็นประเด็นที่ภาพยนตร์พยายามชี้ให้เห็นว่าคนดีบริสุทธิ์ไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงนิทานปรัมปราหรือปรัชญาในฝันเท่านั้น ซึ่งซีนหนึ่งที่ราชินีฮิปโปลิตาบอกกับลูกสาวของตัวเอง (ไดอานา พรินซ์) ก่อนออกจากเกาะเทอมิสคีรา ว่าเรื่องราวที่เล่าขานสืบต่อกันมาบนเกาะนั้นเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน และมนุษย์ไม่ได้ดีพอให้ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เพราะต่อให้ช่วยเหลือ สุดท้ายก็กลับเป็นเหมือนเดิม
ข้างต้นคือเรื่องราวในเชิงปรัญชาที่ผู้กำกับ แพทตี เจนกินส์ นำมาใส่ไว้ใน Wonder Woman คล้ายๆ กับ Man of Steel และ Batman v Superman ที่พยายามเล่นกับประเด็นเชิงปรัชญามาแล้วก่อนหน้านี้
แต่อย่าเพิ่งกลัวว่า Wonder Woman จะพังพินาศเหมือนภาพยนตร์ซูเปอร์ DC ก่อนหน้า เพราะเรื่องนี้ แพตตี เจนกินส์ และ อัลเลน ไฮน์เบิร์ก (คนเขียนบท) ปั้นประเด็นได้อย่างกลมกล่อม จนเรียกได้ว่า Wonder Woman คือภาพยนตร์กู้หน้าของค่ายก็คงไม่ผิดนัก
แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้มีดีแค่การขยี้ประเด็นคนดี เพราะด้วยความที่เป็นภาพยนตร์พลังหญิง ทำให้หลายครั้งหลายหน ไดอานา พรินซ์ ก็เปรียบเสมือนกระบอกเสียงของสตรีเพศในเรื่องการเรียกร้องจุดยืนของตัวเอง รวมทั้งบอกความคิดบางอย่างที่ผู้ชายอาจจะรู้ แต่ทำเป็นไม่สนใจและลืมมันไปแล้ว
ถึงแม้ประเด็นต่างๆ ในหนังจะร้อยเรียงออกมาได้เป็นอย่างดีก็จริง แต่จุดแข็งจริงๆ ของเรื่องกลับไม่ใช่ตรงนั้น เพราะส่วนสำคัญที่สะกดคนดูไว้ได้ตลอดเวลาคือ แกล กาโดต์ นักแสดงสาวผู้รับบท ไดอานา พรินซ์ ที่มากล้นไปด้วยเสน่ห์ เรื่องความสวยคงไม่ต้องพูดถึง เพราะแม้กระทั่งผู้หญิงหลายคนที่เดินออกจากโรงยังชมแล้วชมอีก เมื่อบวกกับการถ่ายทอดอารมณ์ทางสีหน้า แววตา และฉากแอ็กชันต่างๆ ก็ยิ่งทำให้เธอมีทั้งความสวยและความเท่ ชนิดที่ไม่อาจละสายตาไปจากตัวละครนี้ได้เลย
ความจริง Wonder Woman มีจุดให้ติอยู่หลายจุด อย่างตัวละครเพื่อนร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ไม่ค่อยมีเสน่ห์ (จริงๆ ก็เข้าใจได้ว่านี่คือภาพยนตร์ขายวันเดอร์วูแมน) แต่ความดีงามที่ว่าไว้ก่อนหน้านี้ทำให้พอมองข้ามไปได้ และภาพยนตร์เรื่องนี้ก็น่าเชียร์อยู่ดี
Tags: Wonder Woman, ไดอานา พรินซ์, Batman v Superman, Man of Steel, แกล กาโดต์, คริส ไพน์, แพทตี เจนกินส์