หนังเกี่ยวกับอะไร
‘ดร. หลุยส์ แบงก์ส’ (Amy Adams) นักภาษาศาสตร์ได้รับเชิญจากกองทัพให้เป็นตัวแทนเข้าไปสื่อสารแปลภาษาของมนุษย์ต่างดาวร่วมกับ ‘เอียน’ (Jeremy Renner) เพื่อหาเหตุผลว่าพวกเขามายังโลกนี้ทำไม
สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปดูหนัง
Arrival เป็นหนังแนวไซไฟที่มุ่งเน้นประเด็นสำคัญ คือการสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวผ่านรูปแบบของการแปลภาษา หนังจึงเหมาะกับผู้ชมที่ประทับใจหนังแบบ Close Encounters of the Third Kind, Contact, หรือ Ex Machina ที่เน้นการค้นหาความหมายของสิ่งที่มนุษย์ยังไม่เข้าใจ และอย่าได้คาดหวังว่ามันจะมีความลุ้นระทึกแบบ War of the Worlds หรือว่า The Day the Earth Stood Still
สิ่งที่ชอบที่สุดจากหนัง
1. สปอยล์ไม่ได้เลย ขอพูดสั้น ๆ ว่าเฉลยได้พีกมาก คาดไม่ถึงว่าจะสร้างสรรค์มุกมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลกได้ล้ำขนาดนี้
2. วิสัยทัศน์ในการสร้างฉากเผชิญหน้ากับมนุษย์ต่างดาวในระดับที่สาม หมายถึงการได้เข้าไปในยานสิ่งมีชีวิตต่างดาวและสามารถจดจำประสบการณ์ได้ ทุกฉากบน ‘เชลล์’ (คำเรียกยานของมนุษย์ต่างดาว) ทั้งการออกแบบภาพและออกแบบเสียงมหัศจรรย์จริงๆ เขาสามารถทำให้เราทึ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นบนยานลำนั้น ฉากทำน้อยแต่ได้ผลมาก ทึ่งตั้งแต่ขึ้นยานครั้งแรกยันการออกแบบภาษาของมนุษย์ต่างดาวที่ยืนอยู่หลังกระจกกั้น แล้วหนังใช้เสียงประกอบในแต่ละครั้งชนิดที่ทำให้เราเห็นความสำคัญของภาพและเสียงว่ามันสำคัญขนาดทำให้อรรถรสแตกต่างจากการหนังสือมากแค่ไหน
3. การแสดงออกของเอมี อดัมส์ ขอเขียนสั้นๆ ว่าตอนดูช่วงแรกๆ ก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าเป็นตามปกติมาตรฐานการแสดงของเธออยู่แล้ว จนกระทั่งช่วงท้ายๆ เนี่ยแหละถึงเริ่มมองอีกมุมว่า เฮ้ย นี่มันสุดยอดจริงๆ
สิ่งที่ไม่ชอบที่สุดจากหนัง
สิ่งเล็กๆ ที่คิดว่าน่าจะเป็นจุดตำหนิหนังได้คือ มีช่วงหนึ่งที่เราหลุดๆ หนังไปนิดหน่อยด้วยจังหวะก้าวกระโดดของพัฒนาการในการสื่อสารภาษาอังกฤษกับภาษามนุษย์ต่างดาว เพราะช่วงแรกๆ หนังค่อนข้างตั้งใจเน้นทุกฉากแบบทีละขั้น ค่อยเป็นค่อยไปจนเราอินมากๆ พอเจอช่วงกระโดดไปนิดหนึ่งจึงแอบตกใจกับความรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งจริงๆ ตัวเนื้อเรื่องมันก็สมเหตุสมผลแหละ แต่การเล่าเรื่องข้ามไกลไปหน่อย
เราเรียนรู้อะไรจากหนัง
การทำงานเป็นทีมคือเบื้องหลังความสำเร็จอย่างแท้จริง ถึงแม้หนังจะโฟกัสแค่ตัวละครเอกก็คือ เอมี อดัมส์ เพียงอย่างเดียว แต่ในหลายฉากเราจะเห็นตัวประกอบจำนวนมากคอยง่วนกับการทำหน้าที่ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น สื่อสารกับชาติอื่นๆ, ตีความภาษาของมนุษย์ต่างดาว, แผนกตรวจสอบการติดเชื้อ, ทีมถ่ายภาพบนยาน, ทีมดูแลความปลอดภัย ฯลฯ เมื่อทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองตามที่ได้รับมอบหมายแล้ว เมื่อนั้นงานเบื้องหน้าก็จะออกมาดี
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากหนัง
หนังสร้างจากเรื่องสั้นไซไฟชื่อ Story of Your Life ตีพิมพ์เมื่อปี 1998 โดยในตอนแรกหนังก็ได้ใช้ชื่อเดิมตรงตามต้นฉบับ แต่ปรากฏว่าผู้ชมกลุ่มทดลองไม่ชอบชื่อนี้กันสักเท่าไร จึงได้เปลี่ยนเป็น Arrival ในที่สุด
หนังเรื่องนี้เหมาะกับใคร
ถ้าคุณคือแฟนหนังไซไฟ นี่คือโอกาสทองที่ห้ามพลาดเด็ดขาด แนะนำเลยว่าหนังไซไฟขึ้นหิ้งขนาดนี้ยังไงก็ต้องรีบไปดูในโรงเพื่ออรรถรสที่ดีกว่าการดูจอเล็กๆ ที่บ้าน โดยเฉพาะบรรดาแฟนๆ หนังเรื่อง Close Encounters of the Third Kind, Contact และ 2001: A Space Odyssey ซึ่งถ้าคุณเกิดไม่ทันดูหนังเหล่านี้ในโรงก็มาชดเชยเอาจาก Arrival ละกัน
ควรชวนใครไป
ลึกๆ แล้วคิดว่าหนังมันค่อนข้างไม่เป็นมิตรกับคนที่ไม่ใช่คอหนังไซไฟอยู่เหมือนกัน ดังนั้นถ้าจะเอาแบบปลอดภัยไว้ก่อน ชวนไปแล้วไม่น่าผิดหวังก็คือ คนที่ชอบหนังงานออกแบบภาพและเสียงเจ๋งๆ การันตีเลยว่าทุกฉากในยานมนุษย์ต่างดาวคือการโชว์วิสัยทัศน์ผู้กำกับอย่างแท้จริง ทำเอาทึ่งตั้งแต่ขึ้นยานครั้งแรกเลยทีเดียว
ความคุ้มค่าต่อเงินที่เสียไป
สำหรับแฟนหนังไซไฟ ค่าตั๋ว 500 บาท เรายังว่าคุ้มที่จะจ่ายเพื่อหนังเรื่องนี้ (ซึ่งแน่นอนว่าราคาตั๋วหนังมันไม่ถึง) กรณีถ้าคุณไม่ได้โปรดปรานหนังไซไฟสักเท่าไหร่ แต่อยากดูหนังดีๆ ที่อาจจะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เราก็คิดว่าราคาค่าตั๋ว 200 กว่าบาท มันก็คุ้มค่าที่จะลอง
ขอ 3 พยางค์จากหนังเรื่องนี้
ล้ำ โคตร โคตร
Tags: TheReview, Arrival