นี่คือเรื่องของโสเภณีหัวใจทองคำ เธอขายตัวเลี้ยงลูก ทุกค่ำคืนเธอสวมกี่เพ้าสวย แต่งหน้าแต่งตา ฝากลูกเล็กไว้กับคนข้างห้อง ออกไปเดินกรีดกรายบนถนนยามราตรีของเซี่ยงไฮ้ มองหาลูกค้าสักคนและคอยหลบการตรวจตราของตำรวจ พอรุ่งสาง เธอจะโผเผกลับบ้าน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง มองดูลูกน้อยค่อยๆ เติบโต

กระทั่งวันหนึ่งเธอบังเอิญหลบตำรวจเข้าไปในบ้านของพวกนักพนันอันธพาล แน่นอนว่าเธอต้องจ่ายค่าหลบหนีด้วยเรือนร่าง แต่หลังจากนั้นพวกนั้นก็มองเธอเป็นแหล่งเงิน พวกเขามาคุกคามจับลูกเธอไป บอกว่าถ้าเธอไม่ยอมทำตาม หาเงินมาให้ เขาจะเอาลูกเธอไปขาย ยิ่งนานวันยิ่งไร้หนทาง เธอตั้งใจจะรวบรวมเงินที่มีหอบลูกหนีไปอยู่ที่อื่น ทำทุกทางเพื่อให้มีชีวิตที่ดีกว่า แต่นักพนันก็ตามเธอพบ ข่มขู่เธออย่างรุนแรง เพื่อแลกกับความปลอดภัยของลูก เธอยอมขายตัวเลี้ยงลูกและไอ้ชั่ว

หนูน้อยเติบโตเป็นเด็กชายที่แข็งแรงน่ารัก แต่เพื่อนบ้านไม่ยอมให้ลูกเล่นด้วยเพราะเจ้าหนูมีแม่เป็นหญิงงามเมือง เธอตัดสินใจซุกซ่อนเงินจากนักพนันเพื่อส่งลูกชายเข้าโรงเรียน ที่โรงเรียนลูกชายเธอน่ารักและเป็นที่รักของครู แต่เพื่อนบ้านก็ไม่วายอิจฉา พวกเขาพากันส่งบัตรสนเท่ห์ ไปบอกให้ครูใหญ่ไล่เด็กไร้เกียรติออกไปจากโรงเรียน ครูใหญ่เลยไปที่บ้าน หลังจากได้เห็นรักแท้ของแม่เขาก็ต่อสู้เพื่อให้เด็กได้เรียน แต่ไม่อาจต้านแรงของครูๆ ที่เห็นหน้าตาของโรงเรียนสำคัญกว่าการศึกษา เด็กน้อยถูกไล่ออก เธอคิดว่านี่คือเวลาของการหลบหนีอีกครั้ง แต่เงินที่เธอซ่อนไว้ถูกนักพนันขโมยไปหมด โดยสิ้นไร้หนทาง เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ลูกชายของเธอไปพ้นจากสภาพนี้

นี่คือหนึ่งในหนังที่สำคัญที่สุดไม่ว่าจะเป็นในฐานะหนังจีน หนังเงียบ หรือหนังในภาพรวมหนึ่งการแสดงที่ตรึงตราที่สุดของโลกภาพยนตร์ โดยฝีมือของหยวนหลิงอี้ว (Ruan Lingyu) นักแสดงหญิงที่เป็นเสมือนใบหน้าของหนังเงียบจากเซี่ยงไฮ้ นักแสดงที่จบชีวิตตนเองในวัย 24 ด้วยการเทยานอนหลับลงไปในโจ๊กที่แม่ทำ กลืนลงท้องทีละคำ และสิ้นชีวิตในยามสางของเช้าวันสตรีสากล

แน่นอนว่ามองจากตอนนี้นี่คือพลอตที่เชยระเบิด และผลิตซ้ำกันมาไม่รู้กี่ร้อยรอบ แต่นี่คือต้นฉบับ หรือไม่ก็ฉบับแรกๆ (ว่ากันว่านี่คือหนังเรื่องแรกของโลกที่พูดถึงโสเภณีโดยไม่หมิ่นแคลน พูดถึงโสเภณีในฐานะมนุษย์) หนังเงียบงดงามที่เปิดเผยความยิ่งใหญ่ของหยวนหลิงอี้ว กล้องที่รักเธอมากๆ เมื่อไรที่กล้องโคลสอัพ เราจะมองเห็นรัศมีเปล่งประกาย เนื่องจากมันเป็นหนังเงียบที่แทบจะไม่ขึ้น text เราจึงดูเรื่องทั้งหมดผ่านภาพ ผ่านการแสดง ท่าทาง สีหน้า ดวงตาของหยวนหลิงอี้วที่แบกหนังทั้งเรื่อง เธอได้หัวใจผู้ชมไปทั้งหมด ฉากท้ายๆ เมื่อเธอคลั่งแค้น มันก็เป็นความแค้น ความหวาดหวั่นที่งดงามมากๆ

ที่เจ็บปวดคือภายใต้การแสดงอันทรงพลังของเธอนั้น หนังเรื่องนี้ (และอีกหลายเรื่องของเธอ) มันกลั่นขึ้น พ้องพาน และเป็นเหมือนภาพแทนชีวิตของตัวเธอเอง (หยวนหลิงอี้วไม่ได้เพียงถูกจดจำในฐานะ เกรต้า การ์โบแห่งเซี่ยงไฮ้ แต่เธอคือนักแสดงที่มักรับบทวีรสตรีของคนทุกข์ยาก ชาวนา ขอทาน โสเภณี เธอคือภาพแทนของคนยากไร้ในประเทศจีน) เธอเกิดจากพ่อที่เป็นคนงานในบริษัทค้าน้ำมันของอังกฤษ ตายจากไปตั้งแต่อายุยังน้อย แม่ของเธอเป็นคนรับใช้ในบ้านตระกูลผู้ดี เก็บหอมรอมริบส่งเธอไปเรียนหนังสือในโรงเรียนเอกชน โดยให้ปิดบังชื่อแซ่

ตอนอายุสิบหก เธอไปพาแม่ไปฟังเธอร้องเพลง แล้วเพิ่งทราบว่าแม่ของเธอโดนคุณนายไล่ออกจากบ้านอ้างว่าขโมยเงิน แต่คนที่ขโมยคือลูกชายแท้ๆ ของคุณนายซึ่งเป็นนักพนัน เขาพาเธอและแม่ไปหลบในหอน้อยของบิดาที่สร้างไว้สำหรับนางบำเรอ เขาขอเธอแต่งงานแล้วก็ข่มขืนเธอ เธออยู่กินกับเขา—นักพนันที่ทำลายชีวิตเธอ เธอออกจากโรงเรียน ไปสมัครเป็นดาราหนัง สะสมชื่อเสียง เงินที่ได้ทั้งหมดถูกสามีของเธอเอาไปผลาญเล่น เธอรับเด็กคนหนึ่งมาเลี้ยงดู

ในวงการเธอเป็นนางเอกหมายเลขหนึ่ง นอกวงการเธอคือหญิงคนทุกข์ จนแม้จะเลิกราก็ยังถูกตามรังควาน เธอเคยกินยาตายแล้วรอด เมื่อต้องเล่นบทผู้หญิงที่กินยาตายความทรงจำก็กลับมา สามีคนที่สองไม่ได้ดีกว่าคนแรก กลางดึกคืนหนึ่งหลังงานเลี้ยงของบริษัท เธอกลับบ้านดึกดื่น แม่ต้มโจ๊กไว้ให้ และเธอค่อยๆกินมันทีละคำเป็นครั้งสุดท้าย  เมื่อมองย้อนกลับไป เราจึงเห็นว่า The Goddess คือการเล่นเป็นแม่ของเธอและเป็นตัวเธอเอง ซึ่งทุกข์ระทมถึงที่สุด

นี่คือหนังจากสตูดิโอ Liahua หนึ่งในสตูดิโอที่สำคัญที่สุดในยุคขุนศึกครองเมือง ในยุคนั้น ก๊กมินตั๋งปกครองประเทศ ออกกฏหมายเซนเซอร์ภาพยนตร์เพื่อที่จะชำระล้างวงการหนังจีน ขณะเดียวกัน กับสตูดิโอที่ขัดแข้งขาพวกเขาก็มีแกงค์นักเลงไปคอยกลั่นแกล้งจัดการ สตูดิโอ Lianhua อาจจะโชคดีที่มีเส้นสายโยงใยอยู่กับก๊กมินตั๋ง แต่บรรดาคนทำหนัง คนเขียนบทจำนวนมากล้วนเป็นปัญญาชนฝ่ายซ้ายที่สืบทอดอุดมคติของการเคลื่อนไหว 4 พฤษภา ซึ่งคือการเดินประท้วงจักรวรรดินิยมทั้งฝรั่งเศศและญี่ปุ่นที่คุกคามจีน ปลุกจิตสำนึกรักชาติ และมีแนวคิดแบบฝ่ายซ้าย

เซี่ยงไฮ้ในเวลานั้นคือดินแดนลูกครึ่งของความสมัยใหม่จากตะวันตกและโลกที่เพิ่งหลุดพ้นจากราชวงศ์ชิงไม่นาน มันเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสี ความศิวิไลซ์ ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความแร้นแค้น การคอรัปชั่น และอาชญากรรม สตูดิโอ Liahhua สร้างขึ้นโดยมีจุดประสงค์ที่จะทำหนังสมัยใหม่แบบหนังฝรั่ง พาผู้ชมในประเทศให้พ้นไปจากเรื่องงมงายกำลังภายในหรืออิทธิฤทธิ์อภินิหาร

กล่าวอย่างง่ายพวกเขารวมตัวกันขึ้นเพื่อทำหนังสะท้อนสังคม และ The Goddess คือหนึ่งในผลงานชิ้นเอกของพวกเขา เพราะนี่คือหนังที่ส่องสะท้อนเซี่ยงไฮ้ในห้วงเวลานั้นที่ว่ากันว่าผู้หญิงยากจนชาวเซี่ยงไฮ้หนึ่งในสิบสามคนล้วนเคยขายตัว  คำว่า The Goddess (Shennu) ซึ่งเป็นคำแสลงที่คนจีนใช้เรียกอย่าหมิ่นแคลนหญิงขายตัวกลายเป็นคำที่มีความหมายพิเศษเมื่อเทวีหญิงงามเมืองเป็นเทวีของลูกชายที่ยอมทำทุกอย่างเพื่ออนาคตที่ดีกว่าแม้จะต้องเอาตัวเองเข้าแลก

หากนอกจากหนังจะเป็นหนังสะท้อนสังคมแบบตรงไปตรงมาแล้ว เมื่อมองย้อนเราก็พบว่านี่คือหนังที่อาบเอิบไปด้วยอุดมคติของการสร้างชาติในยุคสมัยที่เพิ่งปลดแอกจากระบอบกษัตริย์เก่า ต้องต่อสู้กับบรรดาเจ้าอาณานิคมที่หวังจะครอบครองจีน และในขณะเดียวกันศึกภายในอย่างบรรดาขุนศึกที่ตั้งตนเป็นอิสระแบ่งแยกปกครอง เป็นมาเฟียที่คอยกัดกินผู้คนแร้นแค้นอีกทีหนึ่ง แม้ราชวงศ์ชิงจะจบสิ้นความแร้นแค้นก็ยังดำรงคงอยู่ (และเป็นเชื้อไฟให้เหมาเจ๋อตุงนำการปฏิวัติในอีกหลายปีต่อมา)

The Goddess จึงดูเหมือนหนังที่เป็นผลผลิตของปัญญาชนฝ่ายซ้ายในขณะนั้น มอบความหวังให้แก่คนรุ่นเยาว์และการปฏิรูปชาติผ่านการศึกษา แม่คือแม่ผู้ทุกข์ทนดั่งคนทุกข์ยากที่ผลักดันประเทศ หนังฝากความหวังไว้กับเด็กและปัญญาชน หนังมองจารีตเก่าแบบจีนในฐานะความชั่วร้ายที่ทำลายชีวิตผู้คนที่เป็นปัจเจก มีแต่เพียงปัญญาชนอย่างครูใหญ่เท่านั้นที่จะมองเห็นคุณค่าของคนทุกข์ (หนังให้เวลากับ text ของครูใหญ่มากที่สุด จนมันเกือบจะเป็น speech)

หนังยังมีความหวังอันเรืองรองว่าคนรุ่นหน้าจะนำพาประเทศให้เดินต่อไปได้ ฉากจบของหนังจึงเป็นความเรืองรองของความหวัง หญิงสาวในคุก เฝ้าฝันถึงอนาคตของบุตรชายที่ได้รับการเลี้ยงดูจากครูใหญ่ซึ่งละอายอย่างยิ่ง ที่ไม่สามารถทำได้ดีกว่านี้ สิ่งที่ขัดขวางการสร้างชาติก็คือกากเดนที่หลงเหลือของสังคมศักดินา ทั้งการนินทาว่าร้ายไปจนถึงการสร้างแกงค์มาปกครองข่มเหงผู้คน

อย่างไรก็ดีผู้ที่ขจัดสิ่งเหล่านี้ให้ออกไป ทั้งสังคมศักดินาและเจ้าอาณานิคม กลับไม่ใช่ปัญญาชนฝ่ายซ้ายชาตินิยม แต่เป็นพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศจีน —ผู้กำกับหนังหลายคนในสตูดิโอ Lianhua ถูกจับ ถูกแบนจากการทำหนังตลอดชีวิต มองจากตอนนี้กลับไป ภาพของชาติในความหมายของเทวีหัวใจทองคำจึงแตกต่างจากชาติที่เราอาจพบในหนังสือประวัติศาสตร์ จึงอาจกล่าวได้ว่ามันคือการพาฝันของ จริยธรรมแบบโลกเสรี ที่ในเวลาต่อมานำไปสู่สังคมอีกแบบอย่างไม่คาดคิด

หมายเหตุ

-การสะกดชื่อ Ruan Ling-yu ว่า หยวนหลิงอี้ว อาจจะเป็นการสะกดที่ไม่ถูกต้องตามการออกเสียง แต่ผู้เขียนยึดถือตามการใช้ชื่อที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย

-หนังถูกฉายในเทศกาลหนังเงียบครั้งที่ 5 ที่เพิ่งจบไป แม้จะไม่ได้ดูในโรงแต่สามารถหาดูหนังแบบ pubic domain ได้ที่นี่

https://archive.org/details/thegoddess

-ชื่อบทความ ‘นางบังเงา’ มาจากชื่อเพลงของพุ่มพวง ดวงจันทร์ ซึ่งสำหรับผู้เขียนเห็นว่ามีชีวิตหลายส่วนที่คล้ายคลึงกับหยวนหลิงอี้ว ฟังเพลงที่

https://youtu.be/DlEu36Yvyv8

Tags: , , , ,