‘ค่อยๆ ละเลียด’
ประโยคนี้น่าจะเป็นคำแนะนำที่เหมาะสมเมื่อมารับประทานอาหารที่ ‘ดิ อัลเลียม แบงค็อก’ (The Allium Bangkok) ห้องอาหารฝรั่งเศสแนวใหม่ นำเสนออาหารชั้นสูงจากฝั่งตะวันตก ผสมผสานกลิ่นอายร่วมสมัย ได้แรงบันดาลใจจากหลากหลายประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ รวมทั้งประเทศไทย และเลือกใช้แหล่งที่มาของผลผลิตเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้ยังใช้พืชผลในสวนสมุนไพรซึ่งปลูกเองภายในโรงแรมมาปรุงเป็นอาหารรสเลิศ เสิร์ฟทุกจานอย่างพิถีพิถัน
งานละเอียดเช่นนี้ต้อง ‘ค่อยๆ ละเลียด’ ให้ลิ้นรับรสเต็มผัสสะเท่านั้น
‘อัลเลียม’ พืชดอกสีม่วงชื่อแปลกหู สร้างความแปลกใจเมื่อทราบว่าเป็นที่มาของชื่อห้องอาหารดิ อัลเลียม ที่ตกแต่งด้วยโทนสีแดงเข้มตัดกับสีขาวไม่ใช่สีม่วงตามสีของดอกอัลเลียมแต่อย่างใด เพราะอันที่จริงแล้ว ‘อัลเลียม’ มีอีกความหมายสื่อถึงเครื่องเทศจากหัวได้อีกด้วย เช่น หอมใหญ่ กระเทียม ต้นหอม หอมแดง กุยช่าย เหล่าเครื่องเทศที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับรสชาติอาหารได้เป็นอย่างดี
แดงเข้มตัดกับขาว โทนสีให้ความรู้สึกหรูหราทันทีที่เดินเข้าไปข้างในห้องอาหารเพดานสูง แบ่งเป็นสองชั้น มีผนังกระจกใสตลอดแนวด้านหนึ่งรับแสงจากธรรมชาติช่วยให้พื้นที่แห่งนี้ดูโปร่งสบายขึ้น อีกด้านมีบาร์ยาวพร้อมเก้าอี้ทรงสูงแบบแอนทีค ส่วนตรงกลางเป็นโต๊ะที่จัดไว้ในหลายลักษณะเพื่อให้บรรยากาศเหมาะสำหรับแขกที่แวะเวียนมาใช้บริการทั้งเดี่ยว กลุ่ม หรือนัดเจรจาธุรกิจพร้อมรับประทานอาหารไปด้วย
คุ้มค่ากับราคาที่ต้องจ่าย เมื่อเทียบกับประสบการณ์ที่ได้มาลิ้มลอง ‘The Allium set Lunch’ เซตอาหารมื้อกลางวัน ที่แบ่งออกเป็นราคา 650 บาท++ สำหรับ 2 คอร์ส และราคา 750 บาท++ สำหรับ 3 คอร์ส ซึ่งในระหว่างรับประทานอาหารสามารถมองเข้าไปในครัวของห้องอาหารที่สร้างเป็นครัวเปิด ชมการปรุงอาหารการทำงานของเชฟได้ทุกขั้นตอน
‘Athenee Hugo’ เปิดต่อมรับรสพบความหอมสดชื่นจากสมุนไพรไทย
เริ่มต้นด้วยเครื่องดื่มที่เสิร์ฟมาในแก้วไวน์ อย่างเมนู ‘Athenee Hugo’ น้ำมะนาวรสเปรี้ยว เสริมกลิ่นจากบรรดาเครื่องสมุนไพรไทยจากตะไคร้ ใบสะระแหน่ เพิ่มความซ่าจากโซดา และสปาร์กลิงไวน์ ตัดเปรี้ยวด้วยหวานจากน้ำเชื่อม Elderflower จิบก่อนอาหารจานหลักช่วยเปิดต่อมรับรส พร้อมรองท้องด้วยขนมปังโฮลวีตเนื้อนุ่ม นำเข้าจากฝรั่งเศส นับว่าเริ่มต้นได้ดีสำหรับมื้อกลางวันนี้
Starter เรียกน้ำย่อยแล้วค่อยไปจานหลัก
‘Chiang Mai Tomato & Ricotta Espuma’ สลัดมะเขือเทศออร์แกนิก สดใหม่ ดีต่อใจเมื่อได้รับประทาน สลัดที่มีวัตถุดิบหลักเป็นมะเขือเทศจากจังหวัดเชียงใหม่ ตัวมะเขือเทศนิ่ม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน ราดด้วยน้ำสลัดด้านบนเป็น Ricotta Espuma โฟมชีสเนื้อนุ่ม กินด้วยกันเสริมรสชาติได้ลงตัว
‘Home-cured Trout & Ponzu gel’ ปลาเทราต์ที่ผ่านการหมักให้มีรสชาติหวาน เนื้อนุ่ม สไลด์บางๆ จัดจานม้วนเป็นคำ ด้านบนเป็น Ponzu gel รสเปรี้ยวเค็ม เคียงข้างด้วยส้มและแอปเปิลเขียว ทานทุกองค์ประกอบในคำเดียวอร่อยครบทั้งหวานเปรี้ยวและหอม
อีกหนึ่งจานที่แนะนำคือ ‘King crab, Avocado & Nori tuille’ สลัดที่ได้แรงบันดาลใจจากประเทศญี่ปุ่น เนื้อปูคิงแคร็บฉีกเป็นเส้นๆ รองฐานด้านล่างด้วยอโวคาโดสีเขียวตัดกันสวยงามกับสีขาวแดงจากเนื้อปู ทานคู่กับ Nori tuille หรือที่คนไทยเราเรียกว่า ขนมเบื้องฝรั่งเศส ซึ่งตัวนี้ใช้สาหร่ายมาผสมในตัวแป้ง กินคู่กับสลัดเพิ่มเนื้อสัมผัสกรุบกรอบในปาก
Main สมดุลของรสชาติ จากวัตถุดิบชั้นดีที่ผ่านกรรมวิธีชั้นสูง
‘Sea bass, Broccoli purée & Caper sauce’ ปลากะพงเนื้อขาวเนียน ย่างแบบให้ส่วนหนังกรอบ แต่เนื้อปลายังคงความนุ่มชุ่มฉ่ำ ไม่สุกจนเกินไป เสิร์ฟพร้อม Broccoli purée บรอกโคลีบดละเอียดรสชาติหอมมัน ราดด้านบนด้วย Caper sauce ที่นิยมใส่ในอาหารจานปลา รสชาติเปรี้ยวเค็ม กินไปพร้อมกับมันฝรั่งติดเปลือกย่างและมะเขือเทศ เรียกได้ว่าเป็นการจัดจานสวยงาม พร้อมทั้งจัดสมดุลในจานครบรส
‘Wagyu beef striploin, Potato & Carrot’ สเต๊กเนื้อวากิวออสเตรเลีย เนื้อชั้นดี คุณภาพสูง ใช้ส่วนสันนอกนำไปย่างในระดับมีเดียมแรร์ ได้เนื้อข้างนอกสุกเป็นสีน้ำตาล ข้างในสีแดงอมชมพู จะได้เนื้อที่หอมจากด้านนอกส่วนด้านในยังคงซึ่งความชุ่มฉ่ำ เสิร์ฟพร้อมกับโฟมมันฝรั่งสีขาวและแครอตย่างที่วางอยู่บน Carrot purée คนที่ชอบรับประทานเนื้อต้องลองสั่งมาชิมสักครั้ง
‘New Zealand lamb rack, Eggplant & Artichoke’ เนื้อแกะส่วนสันซี่โครง ซึ่งเป็นส่วนที่ราคาสูง เนื่องจากเป็นส่วนที่ให้เนื้อที่อร่อยที่สุด เหมาะสำหรับนำมาย่างทำสเต๊ก ซึ่งดิ อัลเลียม เลือกใช้แกะที่อายุน้อยทำให้ไม่มีกลิ่นสาบ โดยนำมาซูวีด (sous-vide) ซึ่งเป็นวิธีการนำเนื้อแกะใส่ถุงสุญญากาศ ทำให้สุกโดยการควบคุมอุณหภูมิให้คงที่ จากนั้นจึงนำไปเซียร์ (sear) ในกระทะที่มีความร้อนสูงเพื่อให้สุกแค่ด้านจนเป็นสีน้ำตาล จบด้วยการนำเข้าเตาอบเพื่อให้เนื้อแกะสุกทั่วพร้อมดึงความชุ่มชื้นกลับคืนมา นี่เป็นอีกเคล็ดลับที่ทำให้สเต๊กซี่โครงแกะของที่นี่นุ่ม กัดเข้าไปน้ำของเนื้อซึมออกมาให้ได้รสหวาน กินคู่กับมะเขือและอาร์ทิโชกย่าง ถือว่าเป็นจานที่ได้อรรถรสจนอยากบอกต่อ
‘Linguine pasta with Black winter truffle’ (460 บาท) จานนี้ไม่ได้อยู่ในเซตมื้อกลางวัน แต่เป็นเมนูอาหารจานเดียวที่แนะนำให้ลองสั่งมารับประทาน ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่เห็ดทรัฟเฟิลดำที่จะส่งกลิ่นหอมและรสชาติดีมากที่สุดในช่วงเดือนมกราคม ในจานเป็น Linguine pasta ที่ผัดกับซอสครีมเห็ด เชฟจะนำเห็ดทรัฟเฟิลดำมาสไลซ์ให้ชมกันสดๆ ที่โต๊ะเลย
Sweet กินคาวแล้วตบหวาน กับการจัดจานสุดสร้างสรรค์
‘Strawberries & Yoghurt’ จานหวานที่นำสตรอเบอร์รีมาทำให้แตกต่างกันถึง 4 รูปแบบในจานเดียว ไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอร์รีซอร์เบต์ แยมสตรอเบอร์รี โฟมสตรอเบอร์รี และสตรอเบอร์รีสด กินคู่กับโยเกิร์ต ทั้งหมดถูกจัดวางเรียงอย่างสวยงามมาในจานสีขาว ที่รองด้วยครัมเบิล แนะนำให้ผสมทุกอย่างกินพร้อมกันในหนึ่งคำจะได้ทั้งรสเปรี้ยว เย็น กรอบ หอม เหมาะสำหรับล้างปากหลังจานหลัก
‘Chocolate & Passionfruit’ ดาร์กช็อกโกแลตนำมาทำเป็นไอศกรีม เสิร์ฟไว้บนมะม่วงหั่นเต๋า กินคู่กับ Passionfruit purée จานนี้เป็นจานที่คิดมาได้ดีในเรื่องของรสชาติเปรี้ยวตัดหวาน ทำให้ไม่เลี่ยนจนเกินไป จิบพร้อมชาคาโมมายล์หอมๆ จนอาจต้องเผลอร้องอุทานออกมาว่า ‘ความสุขเป็นอย่างนี้นี่เอง’
ขอบคุณสำหรับอาหารและบริการด้วยความใส่ใจ
หลังจากได้รับประทานอาหารจนครบ ‘ขอบคุณสำหรับอาหาร’ คงเป็นคำกล่าวที่เชื่อว่าแขกที่มารับประทานอาหารอยากจะพูดออกมาให้ทั้งเชฟและพนักงานทุกท่านฟังอย่างแน่นอน เพราะนอกเหนือจากความอร่อย บรรยากาศที่ดี และราคาที่คุ้มค่า อีกหนึ่งสิ่งที่ผู้มาเยือนสัมผัสได้คงเป็นบริการที่มาพร้อมกับความใส่ใจจากพนักงานเสิร์ฟและเชฟ ที่อธิบายในทุกเมนูบอกเล่าที่มาที่ไป ส่วนผสม แนวคิด ขั้นตอนการปรุง ไม่ใช่เพียงแค่กินให้อิ่มท้อง แต่ยังอิ่มเอมใจรู้สึกซาบซึ้งต่อคุณค่าในแต่ละจาน เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ที่คุณควรมาลองสักครั้ง
Fact Box
ดิ อัลเลียม แบงค็อก (The Allium Bangkok) ตั้งอยู่ที่ชั้น 3 The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel, Bangkok
ที่อยู่: 66 ถนนวิทยุ แขวง ลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
เปิดให้บริการ: วันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์)
มื้อกลางวันเปิดให้บริการเวลา 12.00-14.00 น. (สั่งอาหารได้ถึงเวลา 14.00 น.)
มื้อค่ำเปิดให้บริการเวลา 18.00-22.30 น. (สั่งอาหารได้ถึงเวลา 22.00 น.)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร. 0-2650-8800