วันที่ 17 เมษายน 2563 นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย วันนี้ว่า พบผู้ป่วยใหม่ 28 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เสียชีวิตรวม 47 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 2,700 ราย รักษาหายแล้ว 1,689 ราย รักษาอยู่ 964 ราย นับเป็นครั้งแรกที่ผู้ป่วยอยู่ในโรงพยาบาลต่ำกว่า 1,000 ราย 

ผู้เสียชีวิตรายใหม่ เป็นหญิงไทยอายุ 85 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โดยระหว่างวันที่ 22 มี.ค. ถึง 2 เมษายนได้สัมผัสกับผู้ป่วยยืนยัน ก่อนเข้ามารักษาในโรงพยาบาลจังหวัดชุมพร แต่มีอาการรุนแรงขึ้นตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน มีอาการไข้ ไอ เหนื่อยหอบ แพทย์ให้เครื่องช่วยหายใจ ก่อนเอกซเรย์ปอดพบว่าปอดอักเสบรุนแรง และเป็นโรคโควิด-19 และเสียชีวิตในวันที่ 16 เมษายน 

ผู้ป่วยใหม่ทั้งหมด 28 ราย แบ่งเป็น 16 ราย มีประวัติเสี่ยงสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ กลุ่มอาชีพเสี่ยง สัมผัสกับชาวต่างชาติ 4 ราย ไปในพื้นที่ชุมชน ห้างสรรพสินค้า พื้นที่แออัด 1 คน และกำลังรอการสอบเพิ่มเติมอีก 7 ราย

ในกรณีของการยกเลิกมาตรการเคอร์ฟิว ศบค. ชี้ว่า องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกคำแนะนำให้ประเทศที่จะตัดสินใจผ่อนปรนมาตรการต้องมี 6 หลัก ดังนี้ 

  1. ควบคุมการแพร่ระบาดได้ 
  2. ระบบสาธารณสุขสามารถรองรับ ควบคุมโรค และจัดการได้
  3. ต้องจัดให้พื้นที่เปราะบางมีความเสี่ยงน้อยที่สุด อาทิ บ้านพักคนชรา
  4. สถานที่สาธารณะ อาทิ ห้างสรรพสินค้า โรงเรียน ต้องมีมาตรการป้องกันโรค 
  5. จัดการกับความเสี่ยงของผู้เดินทางมาจากต่างประเทศได้
  6. ประชาชนมีความรู้ มีส่วนร่วม และพร้อมในการเปลี่ยนแปลงวิธีใช้ชีวิต

ในขณะนี้ มีการประชุมพิจารณาเพื่อลดมาตรการปิดสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะตัดสินใจเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า แต่ ศบค. ได้ยกมาตรการที่พูดคุยกันมาเสนอคร่าวๆ อาทิ คำแนะนำถึงผู้ประกอบการและผู้ที่มารับบริการร้านตัดผมคือ ไม่ให้มีการจัดสถานที่นั่งรอภายในร้าน ระยะเวลาให้บริการไม่เกิน 2 ชั่วโมง และทุกคนต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา 

ขณะที่ข้อเสนอถึงมาตรการสำหรับห้างสรรพสินค้า ดังนี้ ต้องมีการคัดกรอง ตรวจวัดอุณหภูมิ ต้องจัดคิวนับจำนวนคนให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ ทยอยเปิดร้านที่มีความสำคัญ ไม่เปิดหมดทีเดียว ไม่มีกิจกรรมส่งเสริมการขายให้เกิดการแออัด และทุกคนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา

โดยในวันนี้ จะมีนักเรียนแลกเปลี่ยนต่างประเทศ โครงการ AFS เดินทางกลับมาจากประเทศสหรัฐอเมริกาจำนวน 132 คน และพรุ่งนี้ 131 คน โดยจะเดินทางมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ และในวันมะรืนอีก 161 คน ไปสนามบินอู่ตะเภา โดยทั้งหมดจะได้รับการกักกันโดยภาครัฐ ซึ่งขณะนี้มีความพร้อม ภาครัฐมีข้อมูลครบถ้วน และได้รับความช่วยเหลือจากโรงแรมสำหรับใช้เป็นสถานที่กักตัวหลายแห่ง 

กรณีการปกปิดข้อมูลจากผู้ป่วย ศบค. ยอมรับว่าเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น และทำให้สังคมหวาดกลัว ซึ่งเชิญชวนให้ผู้ป่วยพูดความจริง เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ทันท่วงที ไม่มีเหตุผลที่ต้องปกปิด ผู้ป่วยและหมอเป็นพวกเดียวกัน และศัตรูของเราเป็นเชื้อโรคที่มองไม่เห็น 

ทั้งนี้ สุดท้าย ศบค. ฝากว่า ถึงแม้ตัวเลขจะลดลง แต่อย่าประมาทและการ์ดอย่าตก การประมาทแม้เพียงเล็กน้อยอาจสร้างความเสียหายอย่างคาดไม่ถึง 

 

Tags: , , ,