เป็นเวลานับเดือน ที่ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ หรือนามสกุลเดิม แซ่ด่าน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองวัย 75 ปี พร้อมด้วยเพื่อนนักเคลื่อนไหวอีกสองคน คือ ‘สหายภูชนะ’ และ ‘สหายกาสะลอง’ หายตัวไปจากบ้านพัก

สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เป็นนักเคลื่อนไหวทางทางการเมือง เคยถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ต่อมา ภายหลังรัฐประหาร 2557 คสช.ออกประกาศ คสช. ฉบับที่ 5 เรียกสุรชัยรายงานตัว แต่มีข่าวว่าเขาหลบหนีออกนอกประเทศ

การปรากฏตัวในโซเชียลมีเดียครั้งล่าสุดของสุรชัยคือ รายการปฏิวัติประเทศไทย ทางยูทูบ เมื่อวันที่ 11 ธ.ค. 2561 โดยมี สหายภูชนะ เป็นผู้ดำเนินรายการ

‘แยมมี่ขันแดง’ หนึ่งในสมาชิกวงไฟเย็น ซึ่งลี้ภัยด้วยเหตุผลทางการเมืองไปอยู่ในประเทศเดียวกันเปิดเผยว่า ครั้งสุดท้ายที่มีการติดต่อกันคือวันที่ 12 ธ.ค. 2561

จากนั้นไม่นาน ที่จังหวัดนครพนม มีผู้พบศพชายนิรนาม 2 ศพลอยมาตามแม่น้ำโขง เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ในพื้นที่อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม และ 29 ธ.ค. ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม สภาพถูกฆ่าในลักษณะเดียวกัน คือถูกมัดด้วยเชือกไนล่อน เทปกาวและกุญแจมือ หน้าท้องถูกคว้านแล้วยัดเสาปูนยาวหนึ่งเมตรไว้ โดย ศิริรัตน์ จันทโคตร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ระบุว่า ผู้ตายไม่ใช่คนในพื้นที่

ในโซเชียลมีเดีย มีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเป็นสุรชัยและเพื่อนที่หายไป อย่างไรก็ตาม อรุณ สีพลัง ชาวบ้านที่พบศพเมื่อวันที่ 29 ธ.ค. เป็นคนแรกระบุว่า ศพที่ตนเองพบกันไม่ใช่คนมีอายุ จากสภาพที่เห็นคาดการณ์ได้ว่า เป็นชายอายุประมาณ 30-40 ปีเท่านั้น

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีการพบศพทั้งสิ้น 3 ศพ ซึ่งตรงกับจำนวนคนที่หายไปนั้น ทั้งบีบีซีไทยและพีพีทีวีรายงานตรงกันว่า ที่ยืนยันได้มีเพียง 2 ศพ

สำหรับศพแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งตัวอย่างเส้นผม จำนวน 50 เส้น และฟันจำนวน 3 ซี่ ไปตรวจดีเอ็นเอ ที่สถาบันนิติเวช จังหวัดขอนแก่น ส่วนศพฝากเก็บรักษาไว้ที่สุสานมูลนิธิธงแดง จังหวัดมุกดาหาร เนื่องจากมีสภาพเน่าเปื่อย ขณะที่ศพที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจส่งศพไปตรวจชันสูตรที่ สถาบันนิติเวช จังหวัดขอนแก่น และอยู่ระหว่างการรอผลตรวจดีเอ็นเอ

ด้าน พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีนี้เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2561 ว่า โดยส่วนตัวไม่สามารถระบุเจาะจงได้ว่านายสุรชัยยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เนื่องจากการพบศพผู้เสียชีวิตอยู่ในอำนาจการติดตามคดีของ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. แต่จากการตรวจสอบกับฝ่ายความมั่นคง ได้รับคำยืนยันว่า นายสุรชัยยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน จึงน่าเชื่อว่ายังมีชีวิตอยู่

ก่อนหน้านี้ อิทธิพล สุขแป้น หรือ ดีเจเบียร์ หรือ ดีเจซุนโฮ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาญามาตรา 112 หายตัวไปเมื่อปี 2559 ตามด้วยการหายตัวไปของ วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีอาญามาตรา 112 และคดีก่อการร้าย ในปี 2560 โดยฝ่ายความมั่นคงของไทยต่างออกมาปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปทั้งสองครั้ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนการหายตัวไปของโกตี๋ เมื่อต้นปี 2560 พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) (ตำแหน่งในขณะนั้น) เดินทางไป สปป.ลาว เพื่อขอให้ทางการลาวช่วยติดตามกลุ่มบุคคลซึ่งมีหมายจับ และอาศัยอยู่ใน สปป.ลาว โดยใช้โซเชียลมีเดียโจมตีสถาบันฯ โดยเบื้องต้นทราบว่ามี 5-6 คน ส่วนการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน ประเทศไทยไม่มีข้อผูกพันกับ สปป.ลาว จึงต้องขอร้องไปในลักษณะต่างตอบแทน หาก สปป.ลาว ต้องการตัวผู้ต้องหาที่กระทำผิดในประเทศ แต่หลบหนีเข้ามาในไทย ไทยก็จะหาตัวและส่งตัวกลับไปให้

ต่อมา ก.ค. 2560 พล.อ.ทวีป ให้สัมภาษณ์สื่อถึงความคืบหน้ากรณีการติดตามตัวโกตี๋ว่า ฝ่ายความมั่นคงยังคงติดตามพฤติกรรมของโกตี๋อยู่ และยืนยันว่าเขายังอยู่ในลาว โดยได้ประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านทุกวิถีทางแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้า

ในหน้าสื่อ ชื่อของสุรชัยมักตามด้วยตำแหน่ง “อดีตนักโทษการเมืองคดีคอมมิวนิสต์คนสุดท้ายของประเทศไทย” เขาเริ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ปี 2516 เข้าป่าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในปี 2519 ก่อนจะออกมาในปี 2524 และต้องโทษหลายคดี ทั้งคดีเผาจวนผู้ว่าฯ นครศรีธรรมราช คดีคอมมิวนิสต์และปล้นรถไฟ และฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเขาปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย โทษสูงสุดของเขาคือประหารชีวิต ต่อมา เขาทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานอภัยโทษและได้รับพระเมตตาจากโทษประหารเหลือจำคุกตลอดชีวิต จากนั้น เขาได้รับพระราชทานอภัยโทษตามโอกาสต่างๆ จนที่สุดเขาได้ออกจากเรือนจำในปี 2539 รวมแล้วเขาถูกจองจำเป็นเวลา 16 ปี

สุรชัยเคยต่อสู้ในแนวทางรัฐสภา โดยเป็นสมาชิกพรรคความหวังใหม่และพรรคไทยรักไทย รวมถึงเคยลงสมัครสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง

เมื่อครั้งรัฐประหาร 2549 สุรชัยเข้าร่วมชุมนุมต่อต้านคณะรัฐประหารที่สนามหลวง และกลายเป็นแกนนำกลุ่มแดงสยาม ชื่อของเขาเคยอยู่ใน ‘ผังล้มเจ้า’ ของศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอฉ.) ซึ่งต่อมา พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อดีตโฆษก ศอฉ. รับต่อศาลว่า ผังดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าผู้ที่มีชื่อในเอกสารจะอยู่ในขบวนการล้มเจ้า แต่ให้สังคมวินิจฉัยเอาเอง

ล่าสุด สุรชัยถูกจำคุกอีกครั้งด้วยความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 รวม 5 คดี จากการปราศรัยทางการเมืองในพื้นที่ต่างๆ 5 แห่งในช่วงปี 2551-2554 ศาลพิพากษาจำคุกสุรชัยทั้งสิ้น 12 ปี 6 เดือน อย่างไรก็ตาม เขาได้รับพระราชทานอภัยโทษ รวมถูกจองจำเป็นเวลา 2 ปี 7 เดือน หลังรัฐประหาร 2557 คสช.ออกประกาศ คสช. ฉบับที่ 5 เรียกสุรชัยรายงานตัว ขณะที่มีกระแสข่าวว่าเขาได้หลบหนีออกนอกประเทศ

 

เรียบเรียงจาก

Tags: , , ,