การสร้างกำแพงกั้นระหว่างสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกเป็นแคมเปญหาเสียงที่โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวไว้ตั้งแต่ปี 2016 ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นในแคลิฟอร์เนียมีคำวินิจฉัยไม่อนุมัติการใช้จ่ายเงินเพื่อสร้างกำแพงดังกล่าว แต่ล่าสุดศาลฎีกาได้กลับคำวินิจฉัยศาลชั้นต้นด้วยคะแนนเสียง 5 ต่อ 4 เสียง อนุมัติให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สามารถใช้เงินจากกองทุนเพนตากอนจำนวน 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สร้างกำแพงดังกล่าวได้ โดยกำแพงนี้จะกินเนื้อที่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย แอริโซนา และนิวเม็กซิโก

หลังศาลฎีกามีคำวินิจฉัย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตแสดงความคิดเห็นว่า “นี่ถือเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่”

ทรัมป์ ยืนยันว่า การสร้างกำแพงจะช่วยควบคุมการเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเขามองว่าเป็นเหมือนการเติมเชื้อไฟให้เกิดปัญหาอาชญากรรมและก่อให้เกิดความตึงเครียดต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา ขณะที่ทางพรรคเดโมแครตกล่าวว่านโยบายการรักษาความปลอดภัยตามแนวชายแดนเป็นสิ่งที่ดี แต่การสร้างกำแพงนั้นมีราคาแพงและอาจจะไม่มีประสิทธิภาพ ที่สำคัญ การที่ทรัมป์ประกาศสภาวะฉุกเฉินในแนวชายแดนรวมไปถึงนโยบายกำแพงเม็กซิโกนี้ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านผู้อพยพของทรัมป์ไปแล้ว

ทั้งนี้ ทรัมป์ได้ประกาศภาวะฉุกเฉินไปเมื่อต้นปีนี้ เขาต้องการเงิน 6.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างกำแพงเพื่อความมั่นคงของชาติ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้ก็ยังไม่เพียงพอ เพราะมีการประมาณการค่าใช้จ่ายในการสร้างกำแพงนี้สูงถึง 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระยะทางประมาณ 3,200 กิโลเมตร และในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สภาคองเกรสได้อนุมัติเงิน 1.38 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการก่อสร้าง “รั้วทางเท้าหลัก” ตามแนวหุบเขา Rio Grande ในเท็กซัสไปแล้วด้วย

จากข้อมูลของทางการสหรัฐฯ พบว่ามีผู้พยายามลักลอบเข้าเมืองถูกจับกุมได้ 104,344 คนตามแนวชายแดนตะวันตกเฉียงใต้ในเดือนมิถุนายน ซึ่งลดลงถึง 28% จากเดือนพฤษภาคม เช่นเดียวกันกับชายแดนเม็กซิโก ซึ่งก็มีตัวเลขลดลงเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้นองค์การสหประชาชาติก็มีรายงานออกมาว่า นับแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้ มีผู้อพยพย้ายถิ่นฐาน 170 คนเสียชีวิตหรือหายไปจากชายแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก โดยเป็นเด็กถึง 13 คน

โดยรวมจะพบว่าตัวเลขผู้อพยพเข้าประเทศสหรัฐอเมริกานั้นลดลงในช่วงปีแรกที่โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 1971 และเพิ่งจะมาเพิ่มสูงขึ้นในปีที่ผ่านมานี่เอง อย่างไรก็ตามก็ยังถือว่าเป็นตัวเลขที่ต่ำอยู่ดีเมื่อเปรียบเทียบกับก่อนที่ทรัมป์ จะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดี

อ้างอิง

https://www.bbc.com/news/world-us-canada-49135255

https://www.apnews.com/5d893d388c254c7fa83a1570112ae90e

https://www.nytimes.com/2019/07/26/us/politics/supreme-court-border-wall-trump.html

ภาพ : Jorge Duenes/REUTERS