ปี 2017 นี้นับเป็นปีครบรอบ 1 ทศวรรษของ ‘ไอโฟน’ (iPhone: 2007) แน่นอนว่าเหล่าสาวก Apple ทั้งขาประจำและขาจรน่าจะอดใจรอคอยการเปิดตัวนวัตกรรมสร้างสรรค์จาก iPhone ตัวใหม่ของพวกเขาแทบจะไม่ไหวแล้ว เพราะครบรอบ 10 ปีทั้งที จะนิ่งดูดายปล่อยของเล่นกระจิ๊ดริดกระจ้อยร่อยออกมาล่อตาล่อใจแฟนๆ ก็คงจะเสียศรัทธาความเป็น Apple ไม่ใช่น้อย (โดยเฉพาะช่วงหลังๆ ที่จุดเด่นเรื่องความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของพวกเขาเริ่มซาลง)

อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาของวันที่ 21 มีนาคม 2017 ตามเวลาประเทศสหรัฐฯ Apple ก็ได้ทำการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ ของพวกเขา โดยทีเด็ดของการอัพเดตไลน์สินค้าใหม่ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้อยู่ที่ iPhone 7 สีพิเศษ ‘สีแดง’ หรือ ‘(PRODUCT)RED Special Edition’

โดย iPhone 7 (PRODUCT)RED Special Edition จะมีให้เลือกเฉพาะ iPhone 7 และ 7 Plus ในราคาเท่ารุ่นสีปกติ แต่มีให้เลือกเพียงแค่ 2 ขนาดความจุได้แก่ 128 GB (7: 30,500 บาท / 7 Plus: 35,500 บาท) และ 256 GB (7: 34,500 บาท / 7 Plus: 39,500 บาท) เท่านั้น และจะเริ่มเปิดให้สั่งซื้อออนไลน์ในวันที่ 24 มีนาคม เวลา 22.01 น. ในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ www.apple.com/th

แต่คำถามที่หลายๆ คนน่าจะสงสัยไม่น้อยก็คือ ทำไม apple จะต้องเปิดตัว iPhone 7 เป็นสีแดงด้วยล่ะ ในเมื่อ Pantone ก็ได้กำหนดให้สีประจำปีนี้เป็นสีเขียว Greenery ขณะที่ iPhone 7 และ 7 Plus สีอื่นๆ ก็ไม่ได้ดูขี้เหร่สักเท่าไร

สินค้าที่มีรูปลักษณ์สีแดง และติดตราประทับ (RED)
ไว้ครึ่งหนึ่งหรือ 50% ของราคาสินค้าชิ้นนั้นๆ
จะแปรเปลี่ยนไปเป็นทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ในโลกใบนี้

รู้จักกับ (RED) องค์กรดีๆ สีแดงๆ ที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

เชื่อว่ามีผู้คนไม่น้อยที่ไม่รู้จักว่าองค์กร (RED) คืออะไร และก็เชื่ออีกเช่นกันว่าอาจจะมีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ยังไม่รู้จักว่าพวกเขาคือใคร เราจึงขออาสาไปทำความรู้จักกับที่มาของสีแดง (RED) ใน iPhone 7 และ 7 Plus ไปพร้อมๆ กัน!

(RED) คือองค์กรช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2006 โดยผู้ร่วมก่อตั้ง 2 คน อย่าง Bono นักร้องนำวงร็อกจากไอร์เเลนด์ ‘U2’ และ บ็อบบี ชรีเวอร์ (Bobby Shriver) นักเคลื่อนไหวและนักการเมือง โดยมีจุดประสงค์ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ ผ่านการเปิดโอกาสให้แบรนด์ต่างๆ เข้ามามีส่วนร่วมไปกับพวกเขาในการร่วมต่อสู้กับโรคเอดส์ เพื่อผลักดันเข้าสู่ยุคใหม่กับการขจัดโรคดังกล่าวให้หมดไปจากโลกใบนี้

หลักการง่ายๆ คือ ในทุกๆ ครั้งที่คุณซื้อสินค้าที่มีรูปลักษณ์สีแดง และติดตราประทับ (RED) ไว้ ครึ่งหนึ่งหรือ 50% ของราคาสินค้าชิ้นนั้นๆ จะแปรเปลี่ยนไปเป็นทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเอดส์ในโลกใบนี้ ทั้งยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ที่ดีที่จะช่วยให้โรคร้ายดังกล่าวระบาดน้อยลงกระทั่งหายไปจากโลกนี้ในที่สุด

ข้อมูลจากเว็บไซต์ red.org ระบุว่า ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา (RED) สามารถระดมทุนได้มากกว่า 465 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้ช่วยเหลือผู้ติดเชื้อทั่วโลกไปกว่า 90 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อย จากความร่วมมือของแบรนด์พาร์ตเนอร์ชั้นนำ ได้แก่ Apple, Beats by Dr. Dre, Starbucks, Gap, Coca-Cola เป็นต้น

และ iPhone 7 (PRODUCT)RED Special Edition ที่เพิ่งเปิดตัวไปก็ไม่ใช่ความร่วมมือครั้งแรกระหว่าง Apple และ Red แต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาได้ร่วมมือกันมาเป็นระยะนานกว่า 10 ปีเข้าให้แล้ว โดยมีผลิตภัณฑ์สีแดงทั้ง iPod Touch (รุ่น 5), iPod Nano, iPod Shuffle, iTunes Gift Card, เคสต่างๆ และสายนาฬิกา Apple Watch เป็นต้น

ทิม คุก (Tim Cook) ผู้บริหารของ Apple ได้กล่าวถึงความร่วมมือกับ RED ในครั้งนี้ไว้ว่า “นับตั้งแต่ที่พวกเราได้ทำงานร่วมกับ (RED) มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี ลูกค้าทั้งหลายของพวกเราก็ได้สร้างผลกระทบที่สำคัญในการร่วมสู้กับโรคเอดส์ผ่านการซื้อสินค้าต่างๆ ของเรา โดยการเปิดตัวไอโฟนสีพิเศษ สีแดงสุดหรูในครั้งนี้ก็เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความร่วมมือระหว่างเราและ (RED) พวกเราแทบจะอดใจส่งต่อให้ถึงมือลูกค้าไม่ไหวแล้ว”

ด้านเดโบราห์ ดูแกน (Deborah Dugan) ผู้บริหาร (RED) กล่าวว่า “Apple นับเป็นองค์กรที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ช่วยเหลือระดมทุนผ่านการบริจาคมากกว่า 130 ล้านเหรียญสหรัฐ จากการที่พวกเขาร่วมเป็นพันธมิตรกับ (RED) พวกเราจะผนวกความพยายามขององค์กรเข้ากับสมาร์ตโฟนที่มีคนรักมากที่สุดในโลกเพื่อเข้าถึงการช่วยชีวิตผู้คนด้วยยาต้านไวรัสในโซนแอฟริกาใต้เขตตอนใต้ทะเลทรายซาฮารา ทั้งนี้ลูกค้าจะมีโอกาสครั้งสำคัญในการมีส่วนร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับกองทุนผ่านการซื้อสินค้าใหม่ (PRODUCT)RED iPhone”

นอกจากการเปิดตัว iPhone สีแดงในครั้งนี้ Apple ยังมีสินค้าอื่นที่เปิดตัวพร้อมกันอีกมากมาย อาทิ New iPads ขนาด 9.7 นิ้ว และ 9.7-12.9 นิ้ว ในรุ่นโปร ขับเคลื่อนด้วยชิปประมวลผล A9 พร้อมหน้าจอเรตินา, iPhone SE เวอร์ชันเบิ้ลความจุเครื่องจากเดิมที่ 16 และ 64 GB เป็น 32 และ 128 GB, แอปพลิเคชันใหม่ ‘Clips’ ที่ให้คุณสนุกไปกับการตัดต่อวิดีโอขนาดสั้น (ว่ากันว่ามีความเป็นลูกผสมคล้าย Snapchat และ iMovie), เคสโทรศัพท์ไอโฟนสีใหม่ๆ และสายนาฬิกา Apple Watch จาก Nike Sport และแบรนด์สุดหรู Hermès

นี่อาจจะเป็นการซ้อมย่อยจากทางฝั่ง Apple ก่อนที่ช่วงราวๆ เดือนกันยายนนี้ (ช่วงปล่อยของของ Apple) เราน่าจะมีโอกาสได้เห็นนวัตกรรมเด็ดๆ ของเล่นเจ๋งๆ และความเซอร์ไพรส์จากฝั่งค่ายผลไม้เสียที!

อ้างอิง:

Tags: ,